บอกลาขาเบียด สลายไขมันต้นขา ไขมันที่กำจัดได้ยาก
หนึ่งในปัญหายอดฮิตของคนในยุคนี้ นอกจากเรื่องผิวหน้าที่ต้องดูแลแล้ว ยังมีเรื่องของรูปร่างและสัดส่วนที่ต้องดูแลควบคู่กันไปด้วย แต่ตอนนี้ปัญหาเรื่องของรูปร่างและสัดส่วนอาจจะแซงเรื่องผิวหน้าไปแล้วก็เป็นได้ เพราะจากความก้าวหน้าของเทคโนโลยี ที่เราสามารถเลือกรับประทานอะไรก็ได้ เพียงแค่กดสั่งจากมือถือ ไม่เกิน 15 นาที อาหารอร่อย ๆ ก็ส่งตรงมาถึงหน้าบ้าน เพราะความสะดวกสบายนี่เอง ที่ทำให้ปัญหาไขมันสะสม น้ำหนักเกิน รวมทั้งผู้ที่มีภาวะโรคอ้วนเพิ่มจำนวนมากขึ้นทุกปี ปัญหาไขมันสะสมไม่ว่าส่วนไหน ก็ไม่มีใครต้องการ นอกจากเสี่ยงต่อโรคแล้ว ยังดูแล้วไม่สวยงามอีกด้วย ถ้าปล่อยให้ไขมันสะสมจนน้ำหนักเกินมาก ๆ จะหาเสื้อผ้าใส่แต่ละทีก็ยากเย็นเหลือเกิน เพื่อที่จะมาอำพรางหน้าท้องที่หย่อนย้วย หรือต้นขาที่ใหญ่ ถ้าลดอาหารหรือปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการรับประทานของเราเองไม่ได้ จะมีทางเลือกทางไหนบ้าง ที่ช่วยสลายไขมันในร่างกาย โดยเฉพาะ การสลายไขมันต้นขา จุดที่กำจัดได้ยาก
ไขมันและเซลลูไลท์สะสมบริเวณต้นขา จะสลายไขมันต้นขาได้อย่างไร
นอกจากไขมันสะสมที่ทำให้ต้นขาเราอยู่ใหญ่แล้ว ยังมีก้อนเซลลูไลท์ หรือ ไขมันอีกแบบที่มักจะพบได้บริเวณต้นขา สะโพก ทำให้ผิวแลดูเป็นตะปุ่มตะป่ำคล้ายผิวเปลือกส้ม การสลายไขมันต้นขาให้ได้ผลนั้นจริง ๆ แล้วไขมัน กับ เซลลูไลท์ เหมือนหรือต่างกันอย่างไร ?
-
-
- ไขมันสะสมต้นขา โดยมากแล้วจะเป็นเรื่องของกรรมพันธุ์เรื่องของรูปร่างที่แตกต่างกัน หากเราสังเกตุคนที่มีรูปร่างส่วนล่างที่ค่อนข้างใหญ่ รูปร่างคล้ายลูกแพร์ (Pear shape) เมื่อเกิดไขมันสะสมไขมันส่วนมากจะไปสะสมที่บริเวณสะโพก และ ต้นขา โดยการสะสมไขมันเกิดได้จากการรับประทานอาหารมากเกินไป รวมทั้งขาดการออกกำลังกายด้วย
- เซลล์ลูไลท์ (Cellulite) หรือ ผิวเปลือกส้ม เมื่อไขมันเกิดการสะสมมากจนเกินไป เส้นเลือดที่ไปหล่อเลี้ยงเซลล์ไขมัน รวมทั้งการขับของเสียที่ผิดปกติ จะทำให้เกิดการจับตัวของเซลล์ไขมันกลายเป็นก้อนบวม มีการสร้างพังผืดมาหุ้ม ทำให้ระบบการไหลเวียนเลือดไม่ดี จึงมีการดึงรั้งของเนื้อเยื่อเกี่ยวพัน รวมทั้งคอลลาเจนและอิลาสตินขาดความยืดหยุ่น ทำให้เรามองเห็นผิวหนังเป็นคลื่น ไม่เรียบเนียน คล้ายผิวของเปลือกส้ม สาเหตุการเกิด เซลล์ลูไลท์ นอกจากไขมันสะสมที่มากเกินไป ยังมีเรื่องของฮอร์โมน ความเครียด ทานอาหารไขมันสูงและของหวานมากเกินไป ที่สำคัญคือ การขาดการออกกำลังกาย
-
สลายไขมันต้นข้า กำจัดไขมันด้วยความเย็น โปรแกรม Coolsculpting
วิธีการลดไขมันสะสมที่ดีที่สุด คือ การควบคุมการรับประทานอาหาร รวมทั้งการออกกำลังกายเป็นประจำ สม่ำเสมอ อย่างน้อยสัปดาห์ละ 3-4 วัน แต่เมื่อต้องการลดไขมันเฉพาะจุด อย่างการสลายไขมันต้นขา ซึ่งเป็นจุดที่กำจัดได้ยาก อาจจะต้องพึงเทคโนโลยีซักนิด เทคโนโลยีในการสลายไขมันต้นขามีหลายอย่าง แต่เทคโนโลยีที่ได้รับความนิยมมากในช่วงไม่กี่ปีมานี้ คือ การกำจัดไขมันด้วยความเย็น หรือ โปรแกรม Coolsculpting ซึ่งเป็นการพัฒนาโดยทีมแพทย์จากมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด ที่ใช้การส่งผ่านความเย็น -11 องศา ลงไปเพื่อแช่แข็งและฆ่าเซลล์ไขมัน เมื่อเซลล์ไขมันตาย จะถูกกำจัดออกจากร่างกายโดยกระบวนการตามธรรมชาติ
กำจัดไขมันด้วยความเย็น Applicator เฉพาะ ที่ใช้สลายไขมันต้นขา
เพราะไขมันสะสมบริเวณต้นขา เป็นอีกจุดหนึ่งที่สลายไขมันต้นขาได้ยาก จึงได้มีการออกแบบ Applicator เฉพาะ ที่ใช้สำหรับสลายไขมันต้นขาด้านนอก และ Applicator เฉพาะที่ใช้สำหรับสลายไขมันต้นขาด้านใน การส่งผ่านความเย็นระดับจุดเยือกแข็ง -11 องศา จะทำให้เซลล์ไขมันเกิดการแข็งตัวและตาย เรียกว่า Apoptosis การตายของเซลล์นั้นเป็นกระบวนการธรรมชาติของร่างกาย โดยหลักการนี้เองที่แพทย์ผิวหนังได้นำมาพัฒนาและใช้ในการกำจัดไขมันด้วยความเย็น โดยลดจำนวนเซลล์ไขมัน ทำให้เซลล์ไขมันบางส่วนตายไปแบบ Apoptosis จากนั้นร่างกายก็จะกำจัดออกตามกระบวนการตามธรรมชาติ ผ่านระบบน้ำเหลือง หรือกระบวนการกำจัดของเสียของร่างกาย ส่งผลให้สัดส่วนเล็กลง รูปร่างกระชับมากยิ่งขึ้น โปรแกรมสลายไขมันด้วยความเย็น Coolsculpting สามารถสลายไขมันต้นขา ได้ด้วยเวลาเพียงแค่ 35 นาที ไขมันลดลงถึง 25% ในการทำเพียง 1 ครั้ง จะเริ่มเห็นผล หลังทำประมาณ 3-4 สัปดาห์ และผลลัพธ์จะค่อยๆ ดีขึ้น
สลายไขมันต้นขา ด้วยความเย็นติดลบ อันตรายไหม
การสลายไขมันด้วยความเย็น -11 องศา เป็นอุณหภูมิที่ผ่านการคิดค้นมาแล้ว ว่าช่วยให้เซลล์ไขมันใต้ผิวเกิดการแข็งตัว และตายในที่สุด จากนั้นจะถูกกำจัดออกจากร่างกายตามกระบวนการธรรมชาติ การสลายไขมันต้นขาด้วยความเย็นติดลบ โดยโปรแกรม Coolsculpting ซึ่งจะมีระบบ Cool Control ที่จะคำนวณและควบคุมการปล่อยพลังงานอย่างเหมาะสมและสม่ำเสมอ เพื่อประสิทธิภาพในการสลายไขมัน พร้อมระบบ Freeze Detec ที่คอยปกป้องผิวชั้นบนและป้องกันความเสี่ยงที่จะเกิดความเสียหายต่อผิว โดยพลังงานความเย็นจะมีผลต่อเซลล์ไขมันใต้ชั้นผิวเท่านั้น จึงมั่นใจได้ในความปลอดภัย