ยกกระชับใบหน้า

Sculptra กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนแบบใหม่ คืออะไร เหมาะกับใครบ้าง? 

Sculptra คือ

ช่วงนี้เชื่อว่าหลายท่านคงต้องเคยได้ยินเกี่ยวกับหัตถการนี้มาไม่มากก็น้อยอย่าง Sculptra ซึ่งถือเป็นวิธีกระตุ้นคอลลาเจนให้กับผิว ช่วยฟื้นฟูผิวจากปัญหาอายุที่เพิ่มขึ้นอย่างริ้วรอย ความหย่อนคล้อย ไม่กระชับ ที่เรียกได้ว่าโดดเด่นจน Sculptra กำลังได้รับความสนใจเป็นอย่างมาก วันนี้รมย์รวินท์คลินิกจึงได้รวบรวมสิ่งที่ไม่ควรพลาดเกี่ยวกับ Sculptra แบบจัดเต็ม เพื่อเตรียมความพร้อมให้ทุกท่านที่สนใจ ตั้งแต่ Sculptra คืออะไร มีหลักการทำงานกับผิวอย่างไร ช่วยเรื่องอะไร เหมาะกับใคร อันตรายหรือไม่ ราคาเท่าไร และอื่น ๆ ในบทความนี้ที่คุณไม่ควรพลาด



Sculptra คืออะไร

Sculptra คือสารสังเคราะห์ที่มีคุณสมบัติในการกระตุ้นสร้างคอลลาเจนใต้ผิวหนัง มีอนุภาค PLLA (Poly-L-Lactic acid) เป็นส่วนประกอบหลัก ที่จะเข้าไปช่วยกระตุ้นให้คอลลาเจนเกิดการเพิ่มจำนวน และรวมตัวกันมากขึ้นใต้ผิวหนังได้ขึ้น ส่งผลให้เกิดการฟื้นฟูผิวที่เสื่อมสภาพกลับมามีความกระชับ เรียบเนียน โครงสร้างผิวเกิดความแข็งแรง

สำหรับ Sculptra ถือเป็นสารกระตุ้นคอลลาเจนที่ไม่เป็นอันตรายต่อร่างกาย ไม่เกิดการตกค้าง และสามารถสลายออกจากร่างกายได้เองตามธรรมชาติ ผลิตโดยบริษัท Galderma Laboratories, L.P. และ Sculptra ยังเป็น Collagen Biostimulator ตัวแรกของโลกที่ได้รับการรับรองมาตรฐานความปลอดภัยจากองค์การอาหาร และยาประเทศสหรัฐอเมริกา (US FDA) อีกด้วย


หลักการทำงานของ Sculptra

Sculptraกระตุ้นCollagen

โดยอย่างที่ทราบกันดีกว่า Sculptra มีประกอบหลักเป็น PLLA โมเลกุลขนาดเล็กเป็นส่วนประกอบหลัก ซึ่งก่อนจะฉีดสารสังเคราะห์ดังกล่าวเข้าสู่ผิวจะมีการผสมด้วย Sterile Water ให้เข้าเป็นเนื้อเดียวกันก่อน หลังจากนั้นจะฉีดเข้าสู่ชั้นใต้ผิวหนัง เมื่อโมเลกุลขนาดเล็กอย่าง PLLA ถูกฉีดเข้าไปที่ผิวหนังจะเข้าไปทำปฏิกิริยากับไฟโบรบลาสต์ (Fibroblast) เซลล์ต้นกำเนิดในการสร้างคอลลาเจนให้เกิดการเพิ่มปริมาณขึ้นนั่นเองค่ะ


คอลลาเจนสำคัญต่อผิวอย่างไร?

Sculptraช่วยเสริมคอลลาเจน

เมื่อการฉีด Sculptra มีคุณสมบัติช่วยกระตุ้นคอลลาเจนให้ผิวแบบนี้ ฉะนั้นเราก็ควรทราบรายละเอียดเบื้องต้นเกี่ยวกับคอลลาเจนกันก่อนดีกว่าค่ะว่า คอลลาเจนคืออะไร มีความสำคัญกับผิวอย่างไรบ้าง?

คอลลาเจน (Collagen) คือ โปรตีนชนิดหนึ่งประเภทเส้นใย ซึ่งในร่างกายของคนเราพบคอลลาเจนเป็นส่วนประกอบของเนื้อเยื่อต่าง ๆ ประมาณ 35-40% ไม่ว่าจะในกระดูก เส้นเอ็น ผิวหนัง กล้ามเนื้อ เป็นต้น ซึ่งเมื่อพูดถึงความสำคัญของคอลลาเจนกับเนื้อเยื่อส่วนต่าง ๆ รวมไปถึงผิวหนังแล้ว คอลลาเจนถือเป็นส่วนสำคัญที่ทำหน้าที่ให้เกิดความแข็งแรง ยืดหยุ่น ป้องกันไม่ให้เนื้อเยื่อเกิดความฉีกขาด และยังช่วยกักเก็บความชุ่มชื่น ทำให้ผิวเกิดความเรียบเนียน 

สำหรับคอลลาเจนภายในร่างกายมีหลากหลายชนิด หลากหลายประเภท ซึ่งหลัก ๆ แล้วคอลลาเจนที่มีความสำคัญต่อผิวหนัง ช่วยให้ผิวหนังเกิดความแข็งแรง ยืดหยุ่น และเรียบเนียนจะได้แก่ Collagen Type 1 ซึ่งเป็นคอลลาเจนที่พบได้มากที่สุดในร่างกาย และ Collagen Type 3 ค่ะ 

อย่างไรก็ตาม แม้คอลลาเจนจะเป็นส่วนโปรตีนประเภทเส้นใยที่มีคุณสมบัติช่วยให้เกิดความยืดหยุ่น แต่เมื่ออายุมากขึ้นการสร้างคอลลาเจนของร่างกายก็จะลดลงตามไปด้วย ทำให้ผิวเกิดความหย่อนคล้อย ไม่กระชับขาดความยืดหยุ่น และมีริ้วรอยขึ้นนั่นเอง


การกระตุ้นคอลลาเจนด้วย Sculptra

สำหรับการกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในบริเวณผิวชั้นหนังแท้ที่มีการฉีด Sculptra นั้นจะเกิดการกระตุ้นสร้างคอลลาเจน โดยเฉพาะ Collagen Type 1 คอลลาเจนที่สามารถพบได้มากที่สุดในร่างกาย ซึ่งมีงานศึกษาวิจัยเกี่ยวกับผลลัพธ์การกระตุ้นคอลลาเจนด้วย Sculptra ว่าปริมาณ Collagen Type 1 จะเต็มประสิทธิภาพ และเพิ่มขึ้นถึง 66.5% หลังจากฉีดไปแล้ว 3 เดือน 


Sculptra ฉีดบริเวณใดได้บ้าง

ฉีดSculptra

บริเวณที่สามารถฉีดกระตุ้นคอลลาเจนด้วย Sculptra มีดังต่อไปนี้

  • ขมับ
  • แก้มตอบ
  • หน้าแก้ม
  • ใต้โหนกแก้ม
  • กรอบหน้า
  • คาง

การฉีด Sculptra ต่างจากวิธีการอื่นอย่างไร

แม้การฉีด Sculptra จะเป็นนวัตกรรมการกระตุ้นคอลลาเจนที่กำลังมาแรง แต่หลายท่านก็เกิดความสงสัยไม่น้อยว่า Sculptra แตกต่างจากหัตถการเหล่านี้อย่างไรบ้าง

ฉีด Sculptra 

การฉีด Sculptra จะเป็นการฉีดกระตุ้นคอลลาเจนชั้นใต้ผิวหนัง เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาผิวหย่อนคล้อย ไม่กระชับ มีริ้วรอย ซึ่งการฉีด Sculptra สามารถทำให้เนื้อเยื่อบริเวณที่ฉีดมีความเต็มขึ้น โดยไม่เป็นก้อน ที่สำคัญยังเป็นการฉีดกระตุ้นคอลลาเจนใหม่เรื่อย ๆ โดยเฉพาะ Collagen Type 1

ฉีดฟิลเลอร์  

ฟิลเลอร์เป็นสารเติมเต็มประเภทผิวประเภทไฮยาลูโรนิค แอซิด (Hyaluronic Acid) ที่มีคุณสมบัติเพิ่มวอลลุ่มให้กับผิวบริเวณที่ฉีดมีความอิ่มฟู เติมเต็มมากยิ่งขึ้น การฉีดฟิลเลอร์นิยมฉีดในบริเวณต่าง ๆ เช่น ใต้ตา ปาก คาง เป็นต้น

โดยความแตกต่างของการฉีดฟิลเลอร์ และการฉีด Sculptra สิ่งที่เห็นได้ชัดเจนนั้นคือฟิลเลอร์จะสามารถอยู่ได้นานประมาณ 6-18 เดือนตามยี่ห้อที่ใช้ และยังเป็นการฉีดเพื่อการเติมเต็มส่วนที่บกพร่องให้เกิดความอิ่มฟู โดยไม่เกิดการกระตุ้นสร้างคอลาเจนให้กับผิวเมื่อเทียบกับ Sculptra ที่อยู่ได้นานถึง 2 ปี และมีการกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใหม่ให้กับผิว

การทำ Hifu 

การทำ Hifu หรือ High Intensity Focus Ultrasound เป็นการใช้พลังงานคลื่นเสียงอัลตราซาวด์ความเข้มข้นสูงปล่อยพลังงานลงไปที่ชั้นผิวหนัง SMAS ให้ผิวหนังเกิดการหดตัว และกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนขึ้น จะช่วยแก้ปัญหาผิวหย่อนคล้อย ยกกระชับผิว และแก้ปัญหาริ้วรอย ซึ่ง Hifu จะมีหัวยิงหลายระดับผิว โดยเครื่อง Hifu ที่ได้รับความนิยมได้แก่ Ultherapy, Ultraformer III และใหม่ล่าสุดอย่าง Ultraformer MPT 

แม้จะเป็นวิธีที่สามารถกระตุ้นคอลลาเจนให้กับผิวหนังได้เช่นกัน แต่ความแตกต่างของ Hifu และ Sculptra คือขั้นตอนการทำ ซึ่ง Hifu จะใช้พลังคลื่นเสียงอัลตราซาวด์ ส่วน Sculptra จะเป็นการฉีดโมเลกุล PLLA เข้าสู่ผิว และนอกจากนั้นยังมีในเรื่องของระยะเวลาผลลัพธ์หลังทำ ซึ่งการทำ Hifu จะอยู่ได้นานประมาณ 4-6 เดือน และต้องกลับมาทำซ้ำหากต้องการคงผลลัพธ์ไว้ ต่างจาก Sculptra ที่ผลลัพธ์จะอยู่ได้นานถึง 2 ปี แต่ทั้งนี้ก็ต้องได้รับปริมาณการฉีดในโดสที่เหมาะสมด้วยค่ะ

ทราบหรือไม่? นอกจากการกระตุ้นคอลลาเจนใต้ผิวด้วยการทำ Hifu แล้ว ยังมีการกระตุ้นคอลลาเจน ยกกระชับผิวหน้า เพิ่มความอ่อนเยาว์ให้กับคุณด้วยวิธีอื่น ๆ ที่ให้ผลลัพธ์สุดว้าวไม่แพ้กัน รมย์รวินท์ขอชวนทุกท่านไปรู้จักกับ Thermage และ Ulthera ยกกระชับผิวแบบไม่ต้องพักฟื้น 

การฉีดโบท็อก

Botox หรือ Botulinum Toxin Type A มีคุณสมบัติช่วยลดการทำงานของกล้ามเนื้อลงชั่วคราว ส่งผลดีในเรื่องการลดริ้วรอยบริเวณต่าง ๆ สามารถใช้ปรับรูปหน้าให้เรียว ลดขนาดกราม และยังสามารถฉีดลิฟกรอบหน้าเพื่อยกกระชับผิวได้อีกด้วย 

โดยข้อแตกต่างของการฉีด Sculptra คือจะกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนให้กับผิว ส่วนโบท็อกจะเป็นเพียงการทำงานที่ออกฤทธิ์ระบบประสาทให้กล้ามเนื้อลดการทำงานลงชั่วคราวเท่านั้น เมื่อกล้ามเนื้อมีประสิทธิภาพการทำงานลดลง ไม่ได้มีการขยับตัวเมื่อแสดงสีหน้าความรู้สึก ริ้วรอย รอยพับจึงไม่เกิดขึ้นในช่วงที่โบท็อกมีการออกฤทธิ์อยู่ 


ผู้ที่เหมาะกับการฉีด Sculptra

ผู้ที่เหมาะกับ Sculptra

เช็กลิสต์ก่อนฉีด  Sculptra ใครบ้างที่เหมาะกับการฉีด ดังต่อไปนี้

  • ผู้ที่มีปัญหาผิวหย่อนคล้อย ไม่กระชับ 
  • ผู้ที่ผิวเกิดริ้วรอยอย่างชัดเจน
  • ผู้ที่อายุ 25 ปีขึ้นไป เพราะอายุที่เพิ่มมากขึ้นทำให้ผิวเกิดการสูญเสียคอลลาเจน
  • ผู้ที่ต้องการยกกระชับผิว 
  • ผู้ที่ต้องการผลลัพธ์หลังทำที่สามารถอยู่ได้นาน

ผู้ที่ไม่เหมาะต่อการฉีด Sculptra

สำหรับผู้ที่ไม่เหมาะต่อการฉีดกระตุ้นคอลลาเจนผิวด้วย Sculptra มีดังต่อไปนี้

  • ผิวหนังเกิดการอักเสบหรือติดเชื้อ
  • สตรีมีครรภ์ และอยู่ในระหว่างให้นมบุตร
  • ผู้ที่กำลังรับประทานยากดภูมิคุ้มกัน
  • ผู้ที่เป็นโรคภูมิคุ้มกันทำลายตนเอง (Autoimmune, SLE)
  • ผู้ที่มีประวัติแพ้ส่วนประกอบของ Sculptra

การเตรียมตัวก่อนฉีด Sculptra

การเตรียมตัวก่อนฉีด Sculptra ควรปฏิบัติดังต่อไปนี้ 

  • ศึกษาหาข้อมูล และทำความเข้าใจอย่างละเอียดเกี่ยวกับ Sculpta ก่อนฉีด ว่าช่วยแก้ปัญหาผิวแบบใดได้บ้าง มีข้อดี ข้อจำกัด ฉีดที่ไหนดี ราคาเท่าไร เป็นต้น
  • ควรเข้าปรึกษา และประเมินกับแพทย์ก่อนฉีด เพื่อทราบว่าคนไข้สามารถฉีดได้หรือไม่
  • นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ
  • ก่อนฉีด Sculptra แนะนำให้หลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่ และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
  • งดรับประทานยา และอาหารเสริมที่ส่งผลต่อการแข็งตัวของเลือดทุกชนิด เช่น แอสไพริน (Aspirin) ยากลุ่ม (NSAIDs) วิตามินอี น้ำมันตับปลา อย่างน้อย 2 สัปดาห์

ขั้นตอนในการฉีด Sculptra

สำหรับขั้นตอนในการฉีด Sculptra โดยทั่วไปแล้วมีดังต่อไปนี้

  • แพทย์จะประเมินปัญหา และสภาพผิวก่อนฉีดเพื่อให้ทราบปริมาณ Sculptra ที่ควรใช้อย่างเหมาะสม
  • เจ้าหน้าที่จะทายาชาในบริเวณที่จะฉีด Sculptra โดยจะทิ้งไว้ประมาณ 30-40 นาที จนกว่ายาชาจะออกฤทธิ์
  • หลังจากยาชาออกฤทธิ์เรียบร้อยแล้ว แพทย์จะเริ่มฉีด Sculptra เข้าสู่ใต้ชั้นผิว
  • เมื่อแพทย์ฉีด Sculptra เสร็จเรียบร้อย จะทำการนวดเพื่อให้ตัวยาสามารถกระจายได้ทั่ว
  • หลังจากเสร็จเรียบร้อยทุกขั้นตอนแล้ว แพทย์จะพูดคุยถึงการปฏิบัติตนหลังฉีด Sculptra ว่าควรทำอย่างไร

วิธีดูแลตัวเองหลังจากฉีด Sculptra

หลังฉีด Sculptra ควรดูแลตัวเองเพื่อผลลัพธ์ และประสิทธิภาพที่ดีได้ตามขั้นตอนดังต่อไปนี้

  • 1 วันแรกหลังฉีด Sculptra งดแต่งหน้า ทาครีมบำรุงผิว หรือทำกิจกรรมที่มีความร้อน หรือโดนแสงแดด เช่น การเล่นกีฬากลางแจ้ง การอบซาวน่า อบไอน้ำ
  • สามารถทำหัตถการอื่นบริเวณใบหน้าได้ เมื่อผ่านไปแล้ว 2-4 สัปดาห์ หากมีนัดทำหลังฉีดแนะนำให้เลื่อนนัดไปก่อนจนกว่าจะครบระยะเวลา
  • ควรนวดหน้าทันทีหลังฉีด โดยควรนวดหน้าตามวิธีที่แพทย์แนะนำ เริ่มจากนวดตามแนวกล้ามเนื้อ และในบริเวณที่ฉีด Sculptra

ผลลัพธ์ที่ได้จากการฉีด Sculptra

ผลลัพธ์จาก Sculptra
  • ผิวบริเวณที่มีปัญหาหย่อนคล้อยเกิดความกระชับขึ้น ริ้วรอยดูตื้น ผิวเกิดความเรียบเนียน
  • เสริมโครงสร้างของชั้นผิวให้เกิดความแข็งแรง
  • มีปริมาณ Collagen Type 1 เพิ่มขึ้นถึง 66.5%
  • เป็นการกระตุ้นคอลลาเจนให้กับผิวที่ผลลัพธ์หลังฉีดสามารถอยู่ได้นาน เมื่อฉีดตามการปริมาณที่แพทย์แนะนำ

ข้อดีและข้อจำกัดของ Sculptra

เชื่อว่าหลายคนคงสงสัยไม่น้อยว่า สรุปแล้วการฉีด Sculptra  มีข้อดี ข้อจำกัดอะไรบ้าง เพื่อประกอบการตัดสินใจก่อนที่จะเตรียมตัวไปฉีด วันนี้รมย์รวินท์คลินิกจึงขอสรุปข้อดี และข้อจำกัดของการฉีดกระตุ้นคอลลาเจนด้วย Sculptra แบบเข้าใจง่ายมาให้ทุกท่าน ดังต่อไปนี้

ข้อดีของ Sculptra

  • ผลลัพธ์สามารถอยู่ได้นาน
  • ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใต้ผิวหนังโดยเฉพาะ Collagen Type 1 ได้มากถึง 66.5%
  • ผิวที่ฉีด Sculptra เกิดการกระชับ และยืดหยุ่นมากยิ่งขึ้น
  • เพิ่มความอ่อนเยาว์ให้กับผิว ริ้วรอยดูตื้นขึ้น
  • ช่วยปรับผิวให้เกิดความกระจ่างใส

ข้อจำกัดของ Sculptra

  • หลังฉีด Sculptra สามารถเกิดอาการปวด บวม แดง ช้ำ รวมไปถึงอาจมีการคลำพบก้อนใต้ผิวหนังได้ โดยเป็นอาการปกติ และสามารถหายได้เอง
  • ราคาในการฉีดแต่ละครั้งค่อนข้างสูง

Sculptra แพงไหม ราคาเท่าไร?

Sculptra ราคาโดยทั่วไปเริ่มต้นประมาณ 35,000-45,000 บาทต่อขวด โดย Sculptra 1 ขวด จะมีปริมาณ 10 cc ซึ่งราคาในการทำหัตถการชนิดนี้จะค่อนข้างสูงเมื่อเทียบกับหัตถการรูปแบบฉีดชนิดอื่น ๆ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับโปรโมชั่นของแต่ละคลินิกที่เลือกใช้บริการค่ะ


การฉีด Sculptra ปลอดภัยหรือไม่?

ใครที่กังวลถึงความปลอดภัยในการฉีด Sculptra ว่าจะอันตรายหรือไม่นั้น ต้องขออธิบายเพิ่มเติมถึงความปลอดภัยว่า Sculptra นั้นถือเป็นสารสังเคราะห์ที่มีการใช้ทางการแพทย์มานานตั้งแต่ปี ค.ศ. 1999 มีงานวิจัยรองรับถึงประสิทธิภาพ ผลลัพธ์หลังการฉีดมากมาย และยังเป็นสารสังเคราะห์ที่มีความปลอดภัยต่อร่างกาย สามารถสลายออกจากร่างกายได้ตามธรรมชาติ ที่สำคัญ Sculptra ยังได้รับการรับรองมาตรฐานจาก US FDA 

สรุปได้ว่าการฉีด Sculptra เป็นการฉีดกระตุ้นคอลลาเจนใต้ผิวหนังที่มีความปลอดภัย และจะให้ปลอดภัยยิ่งกว่าคือต้องเลือกฉีดกับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ และมีประสบการณ์ เพราะจะเข้าใจปัญหาผิวที่ต้องการแก้ไข และคนไข้ก็จะได้รับผลลัพธ์ที่เหมาะสมค่ะ


คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับ Sculptra

ตอบคำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับ Sculptra ที่ทุกคนสงสัย

ฉีด Sculptra อยู่ได้นานไหม?

สำหรับผลลัพธ์หลังฉีด Sculptra สามารถอยู่ได้นานประมาณถึง 2 ปี โดยจำเป็นต้องฉีดในปริมาณที่เหมาะสมตามที่แพทย์ประเมิน และแนะนำค่ะ 

ต้องฉีด Sculptra กี่ครั้งถึงเห็นผล?

การฉีด Sculptra เพื่อให้เห็นผลลัพธ์การเปลี่ยนแปลงของผิว และเกิดประสิทธิภาพที่ดีหลังฉีด ควรฉีดต่อเนื่องกันประมาณ 3 ครั้ง โดยแนะนำให้ฉีดห่างกัน 4-6 สัปดาห์ค่ะ

สามารถฉีด Sculptra ร่วมกับหัตถการอื่นๆ ได้หรือไม่?

การฉีด Sculptra สามารถทำร่วมกับหัตถการอื่น ๆ ได้ หากต้องการทำแนะนำให้เว้นระยะเวลาหลังฉีดไปประมาณ 1 เดือน โดยแนะนำให้ทำร่วมกับหัตถการอย่าง Hifu, Thermage และ Ulthera ค่ะ

ฉีด Sculptra ที่ไหนดี?

การเลือกสถานที่จะฉีด Sculptra เป็นสิ่งที่ต้องให้ความสำคัญไม่แพ้กัน โดยการเลือกสถานที่ในการฉีด Sculptra มีเทคนิคเลือกให้ปลอดภัยดังต่อไปนี้

  • เลือกคลินิกที่มีใบอนุญาตในการขึ้นทะเบียนเปิดคลินิกอย่างถูกต้อง 11 หลัก
  • เป็นคลินิกที่สะอาด ได้มาตรฐาน เดินทางสะดวก และมีหลากหลายสาขาให้บริการ
  • ทุกขั้นตอนตั้งแต่การปรึกษา ประเมินปัญหาก่อนฉีด และฉีด Sculptra โดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น 
  • เลือกใช้ผลิตภัณฑ์ Sculptra ของแท้ โดยสามารถตรวจสอบได้จากกล่องผลิตภัณฑ์อยู่ในสภาพสมบูรณ์ ยังไม่ถูกแกะ มีสติกเกอร์โมโนแกรม สามารถสแกนคิวอาร์โค้ดข้างกล่องได้ และมีเลขทะเบียนอย. เอกสารภาษาไทยกำกับ  
  • มีรีวิวที่น่าเชื่อถือจากผู้เข้ารับบริการฉีด Sculptra จริง เพื่อประกอบการตัดสินใจ
  • การฉีด Sculptra มีโปรโมชั่น และราคาที่สมเหตุสมผล
  • มีติดตามผลลัพธ์หลังการฉีด

ฉีด Sculptra ต้องใช้กี่ CC?

สำหรับการฉีด Sculptra โดยทั่วไปแล้วการฉีดแพทย์จะเริ่มต้นการฉีดในปริมาณ 1 ขวด หรือ 10 ซีซี และจะมีการนัดฉีดครั้งต่อไป โดยเว้นระยะเวลาฉีด 4-6 สัปดาห์ ส่วนจำนวนครั้งที่ฉีดจะแตกต่างกันไปในแต่ละเคสตามที่แพทย์ประเมิน ส่วนใหญ่แล้วจะอยู่ที่ 3 ครั้ง 

เนื่องด้วยปริมาณ Sculptra สำหรับการฉีดเพื่อกระตุ้นคอลลาเจนผิวให้กับคนไข้แต่ละคนนั้น จะขึ้นอยู่กับการประเมินของแพทย์ด้วยว่า ปัญหาของคนไข้แต่ละคนเหมาะสมที่จะใช้ปริมาณเท่าไหร่ ซึ่ง Sculptra 1 ขวด มีปริมาณ 10 ซีซี ฉะนั้นเมื่อประเมินปัญหาผิวของแต่ละท่านแล้ว จึงทำให้มีการใช้ปริมาณ Sculptra มากน้อยที่ต่างกันออกไป 

ฉีด Sculptra กระตุ้น Collagen ต่างจากการกินคอลลาเจนอย่างไร?

การรับประทานคอลลาเจนเข้าสู่ร่างกายนั้น ร่างกายจะดูดซึมปริมาณคอลลาเจนที่รับประทานได้เพียงครึ่งหนึ่งที่รับประทานเท่านั้น จึงทำให้การรับประทานคอลลาเจนเพื่อผลลัพธ์ในการดูแลผิวอาจต้องใช้ระยะเวลาในการเห็นผลลัพธ์ในการเปลี่ยนแปลง เพราะการรับประทานคอลลาเจนร่างกายต้องใช้ระยะเวลาอย่างน้อย 3 เดือนในการดูดซึม

โดยเฉพาะยิ่งผู้ที่ต้องการเห็นผลลัพธ์การเปลี่ยนแปลง การรับประทานคอลลาเจนอาจเห็นผลไม่ชัดเจนเมื่อเทียบกับการฉีด Sculptra ที่ฉีดในบริเวณที่มีปัญหาโดยตรง เพื่อกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนให้กับผิว ทำให้ผิวที่มีปัญหาความหย่อนคล้อย ไม่ยืดหยุ่น มีริ้วรอย เกิดการปรับโครงสร้างจากภายใน และเห็นผลลัพธ์อย่างชัดเจน 


สรุป

Sculptra ถือเป็นอีกหนึ่งเทรนด์ความงามอีกหนึ่งเทรนด์ที่มาแรง ซึ่ง Sculptra ถือเป็นการกระตุ้นคอลลาเจนที่มีความปลอดภัย และใช้กันมานานทางฝั่งต่างประเทศ เพราะด้วยผลลัพธ์ และประสิทธิภาพที่สามารถอยู่ได้นาน ที่สำคัญเมื่อสลายออกจากร่างกายแล้ว คอลลาเจนที่เกิดขึ้นมาใหม่ก็ยังทำให้โครงสร้างผิวมีความแข็งแรงอยู่ 

อย่างไรก็ตามการฉีด Sculptra ควรเลือกฉีดกับแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญ และประสบการณ์ เพราะจะทำให้สามารถประเมินปริมาณในการใช้ ได้อย่างเหมาะสม ที่สำคัญต้องเลือกฉีดกับคลินิกที่ได้มาตรฐาน ปลอดภัย ใช้ Sculptra ของแท้ที่สามารถตรวจสอบได้ 


อ้างอิง 

Cleveland Clinic. (2023, Aug 12). Sculptra.
https://my.clevelandclinic.org/health/treatments/24676-sculptra 

Health and Society. (2022, Sep). Effect of Sculptra.
https://www.researchgate.net/publication/363240508_EFFECTS_OF_SCULPTRAR_INJECTABLE_POLY-L-LACTIC_ACID_FOR_FACIAL_REJUVENATION_A_SYSTEMATIC_REVIEW