ฉีดฟิลเลอร์

ย้อนอายุผิวให้อ่อนเยาว์ด้วย “Radiesse” บอกลาริ้วรอยและปัญหาร่องลึก

radiesse คืออะไร

เมื่ออายุมากขึ้น การดูแลผิวหน้าด้วยการทาสกินแคร์อย่างเดียวอาจจะไม่เพียงพอ “Rediesse” เป็นหนึ่งในทางเลือกที่จะช่วยคุณกู้ผิวหน้า ทวงคืนความอ่อนเยาว์ ด้วยเทคโนโลยีการเติมคอลลาเจนให้ผิวหน้า เพื่อให้ใบหน้าของคุณดูสดใสขึ้นจากภายในสู่ภายนอก ในบทความนี้ รมย์รวินท์คลินิกได้รวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับ Radiesse มาให้คุณแล้ว ใครที่สงสัยว่า Radiesse คืออะไร? มาหาคำตอบกันได้เลยค่ะ



Radiesse คืออะไร?

radiesse ราคาเท่าไหร่

เรเดียส หรือ Radiesse คือ การสารฉีดกระตุ้นคอลลาเจน CaHA (Calcium Hydroxylapatite) สารชนิดนี้จะเข้าไปกระตุ้นคอลลาเจนในชั้นผิวให้เซลล์ชั้นใต้ผิวหนังเกิดการผลิตคอลลาเจนขึ้นใหม่ด้วยตนเอง ซึ่งการฉีด Radiesse จะทำให้ผิวหน้ากระชับ มีโครงหน้าที่ชัดเจน และเพิ่มความอ่อนเยาว์ให้กับผิว การเพิ่มคอลลาเจนให้ผิวหน้าด้วยวิธีนี้จะเป็นช่วยฟื้นฟูผิวในระยะยาวค่ะ

จุดเด่นของ Radiesse

เมื่อคุณมีอายุมากขึ้น ร่างกายจะมีการผลิตคอลลาเจนและอีลาสตินได้น้อยลง จึงทำให้ผิวหน้าของเรามีความหย่อนคล้อยและดูไม่กระชับ รวมถึงทำให้เกิดริ้วรอยบนใบหน้าได้ง่าย Radiesse มีจุดเด่นที่น่าสนใจมากกว่าการฉีดฟิลเลอร์แบบทั่วไป เนื่องจากใน Radiesse จะมีสารไฮยาลูรอน (Hyaluronic acid) ที่จะช่วยกักเก็บความชุ่มชื้นให้กับผิว ทำให้ผิวบริเวณนั้นมีความยืดหยุ่นมากยิ่งขึ้น เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการชะลอวัยด้วยการทำหัตถการ

Radiesse จะเป็นการฟื้นฟูผิวแบบองค์รวม ที่เป็นนวัตกรรมล่าสุดในกลุ่มการฉีดผิวประเภทสารเติมเต็ม (Regenerative Biostimulator) โดยจะเน้นการรักษาที่ลงลึกถึงโครงสร้างผิวในการกระตุ้นคอลลาเจน เพิ่มความอิ่มฟูให้กับใบหน้า เพื่อให้ผิวดูสุขภาพดีมากยิ่งขึ้น เรียกได้ว่า Radiesse สามารถเสริมความมั่นใจให้กับผิวหน้าจากภายใน ที่ช่วยฟื้นฟูโครงสร้างผิวได้อย่างครบองค์ประกอบค่ะ

รุ่นของ Radiesse Filler

Radiesse มีทั้งหมด 2 รุ่น คือ Radiesse Filler และ Radiesse Filler Lidocaine (+) โดยต่างกันที่ Radiesse Filler จะเป็นรุ่นที่ไม่มียาชาผสม แต่ Radiesse Filler Lidocaine (+) จะมีส่วนผสมของยาชา เพื่อให้ผู้เข้ารับการรักษามีความเจ็บลดน้อยลงค่ะ


Radiesse มีหลักการทำงานอย่างไร?

หลังจากที่ทราบกันไปแล้วว่า Radiesse คืออะไร? เรามาดูกันต่อว่า Radiesse มีหลักการทำงานอย่างไร ถึงทำให้เราเห็นผลลัพธ์หลังทำอย่างชัดเจน

หลักการทำงานของ Radiesse คือ ตัวยาจะเข้าไปกระตุ้นการทำงานของไฟโบรบลาสต์ (Fibroblasts) ที่เป็นเซลล์ต้นกำเนิดคอลลาเจนในผิวให้มีจำนวนมากขึ้น โดยที่ CaHA ที่เป็นองค์ประกอบหลักของ Radiesse จะเข้าไปกระตุ้นเซลล์ให้เกิดการผลิตคอลลาเจนในบริเวณที่ฉีดหน้า ซึ่งการทำ Radiesse จะเสริมความแข็งแรงให้ผิวชั้นลึก และเติมคอลลาเจนให้ผิวหน้าดูอิ่มฟูยิ่งขึ้น

ส่วนสำคัญของอนุภาค CaHA คือ ความสามารถในการเข้าไปช่วยฟื้นฟูผิวสภาพที่หย่อนคล้อยเมื่ออายุมากขึ้น ด้วยการกระตุ้นการสร้างอีลาสตินใต้ชั้นผิวให้สูงถึง 250% จึงทำให้การฉีด Radiesse ช่วยให้ผิวหน้าดูมีวอลลุ่ม และลดร่องลึกต่าง ๆ คล้ายกับกระบวนทำงานตามธรรมชาติของร่างกายที่มีอยู่ อย่าง Extracellular Matrix (ECM) ในชั้นผิวหนังแท้ ซึ่งทำหน้าที่สร้างสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมต่อการกระตุ้นไฟโบรบลาสต์ให้มีการผลิตเส้นใยคอลลาเจนขึ้นมาภายใต้ชั้นผิวหนังในอนาคตค่ะ

CaHA คืออะไร?

สาร CaHA หรือ Calcium Hydroxylapatite Microsphere คือ แคลเซียมไฮดรอกซีอะพาไทต์ เป็นสารที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติและมีความปลอดภัยสูง โดยที่อนุภาคนี้มีหน้าที่ทดแทนกระดูกและฟันในร่างกายของเรา ซึ่ง CaHA เป็นส่วนประกอบหลักของ Radiesse ที่ถูกนำมาพัฒนาให้อยู่ในรูปแบบสารเติมเต็มใบหน้าและผิวหนัง มีลักษณะเป็นทรงกลม ขนาดอนุภาคเล็กมากประมาณ 25-45 ไมครอน 

ในกระบวนการฉีด Radiesse เข้าไปในชั้นผิวจะทำให้ไฟโบรบาสต์มาจับตัวบริเวณสาร CaHA แล้วเกิดกระบวนการกระตุ้นคอลลาเจนขึ้นมา ผู้ที่เข้ารับบริการจึงมั่นใจได้ว่า สารชนิดนี้ไม่เกิดการต่อต้านภูมิคุ้มกันในร่างกาย รวมถึงสามารถสลายไปได้เองตามธรรมชาติในอนาคตค่ะ


ประโยชน์ของการทำ Radiesse มีอะไรบ้าง?

เมื่อเราทราบกระบวนการต่าง ๆ ของการทำ Radiesse ไปแล้ว ในหัวข้อนี้เราจะมาดูประโยชน์ของการเพิ่มคอลลาเจนให้ผิวหน้าด้วยวิธีนี้กันค่ะ ว่าจะมีอะไรบ้าง?

  • Radiesse เสริมสร้างสาร Angiogenesis ที่จะช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของเลือด ทำให้มีสารอาหารไปหล่อเลี้ยงเซลล์ผิว ส่งผลให้ผิวดูสุขภาพดีมากยิ่งขึ้น
  • Radiesse เสริมสร้างโปรตีโอไกลแคน (Proteoglycan) ทำให้ผิวหน้ามีความชุ่มชื้น กระตุ้นการสร้างสารน้ำเลี้ยงผิว ส่งผลให้ผิวมีความอ่อนเยาว์มากยิ่งขึ้น
  • Radiesse เสริมสร้างอีลาสติน (Elastin) ส่งผลให้ผิวมีความยืดหยุ่นมากขึ้น 260%
  • Radiesse เสริมสร้างไฟโบรบลาสต์ (Fibroblast) ทำให้โปรตีนในร่างกายถูกผลิตเพิ่มมากขึ้น ส่งผลให้คอลลาเจนในร่างกายมีปริมาณมากขึ้นเช่นกัน
  • Radiesse เสริมสร้างคอลลาเจน รูปแบบ 1 (Collagen type I) ให้มีมากขึ้น 150% ส่งผลให้โครงสร้างผิวมีความแข็งแรง เสริมเกราะป้องกันให้กับผิวหน้า
  • Radiesse เสริมสร้างคอลลาเจน รูปแบบ 3 (Collagen type III) ให้มีมากขึ้น 130% ส่งผลให้ผิวหน้ามีวอลลุ่ม และริ้วรอยดูตื้นขึ้น

Radiesse ฉีดตำแหน่งไหนดี?

การฉีด Radiesse กระตุ้นคอลลาเจนจากชั้นใต้ผิวหนัง เพื่อเติมคอลลาเจนให้ผิวหน้า และทดแทนคอลลาเจนในร่างกายที่มีการสร้างได้น้อยลงเมื่ออายุมากขึ้น ซึ่งการฉีด Radiesse สามารถทำได้หลายตำแหน่ง ดังนี้

  • ร่องแก้ม เป็นบริเวณที่เกิดร่องลึกอยู่บ่อยครั้ง ยิ่งมีอายุมากขึ้น ยิ่งเกิดร่องแก้มได้ชัด ซึ่งสามารถทำการฉีด Radiesse เติมคอลลาเจนเพื่อทำให้หน้าดูอ่อนเยาว์ และร่องแก้มดูตื้นขึ้นได้
  • ขมับตอบ ส่งผลให้ใบหน้าดูแก่กว่าวัย โครงหน้าไม่ชัดเจน ซึ่งการฉีด Radiesse กระตุ้นคอลลาเจน สามารถแก้ไขปัญหาขมับตอบ และทำให้โครงหน้าชัดเจน รวมถึงทำให้หน้าดูอ่อนกว่าวัยอีกด้วย
  • กรอบหน้า ในผู้ที่มีแนวกรอบหน้าไม่คมชัด การฉีด Radiesse เติมคอลลาเจน สามารถทำให้กรอบหน้าดูชัดเจน และผิวบริเวณนั้นดูสุขภาพดีมากยิ่งขึ้น
  • หลังมือ เป็นบริเวณที่สามารถฉีด Radiesse ได้ เนื่องจากริ้วรอยบนหลังมือเกิดขึ้นจากการสูญเสียไขมันในร่างกาย ทำให้เส้นเลือดบริเวณนั้นเห็นได้ชัดเมื่ออายุมากขึ้น
  • เนินอก เป็นบริเวณที่สามารถฉีด Radiesse กระตุ้นคอลลาเจนได้ เพราะเมื่ออายุมากขึ้นเนินอกจะดูย่นและไม่เต่งตึง 
  • ร่องน้ำหมาก เป็นบริเวณมุมปากที่จะมีร่องรอยของความหย่อนคล้อยเมื่อมีอายุมากขึ้น สามารถเติมคอลลาเจนด้วยการฉีด Radiesse เพื่อลดริ้วรอยบริเวณนี้ได้

ทั้งนี้ การฉีด Radiesse เติมคอลลาเจนให้ผิวหน้า ไม่ควรฉีดในจุดที่ต้องอาศัยความละเอียดอ่อน หากคุณต้องการรักษาปัญหาผิวหน้าบริเวณนี้ ควรเลือกใช้การฉีดฟิลเลอร์แทน ไม่ว่าจะเป็นฟิลเลอร์คาง, ฟิลเลอร์ปาก หรือ ฟิลเลอร์ใต้ตา


Radiesse เหมาะกับใครบ้าง? 

radiesse ประเทศอะไร

สำหรับใครที่สนใจฉีด Radiesse เติมคอลลาเจนให้ผิวหน้าสามารถตรวจสอบคุณสมบัติต่าง ๆ ว่าคุณเหมาะกับฉีดกระตุ้นคอลลาเจนหรือไม่ ในหัวข้อนี้กันได้เลยค่ะ

  • Radiesse เหมาะกับผู้ที่มีอายุมากกว่า 35 ปีขึ้นไป หรือผู้ที่มีริ้วรอยตามวัย
  • Radiesse เหมาะกับผู้ที่อยากมีผิวอ่อนเยาว์ ใบหน้ากระชับเต่งตึง
  • Radiesse เหมาะกับผู้ที่มีกรอบหน้าไม่ชัดเจน
  • Radiesse เหมาะกับผู้ที่มีผิวแห้ง ขาดความชุ่มชื้น
  • Radiesse เหมาะกับผู้ที่มีร่องลึก และรอยย่นบนใบหน้า 
  • Radiesse เหมาะกับผู้ที่มีปัญหาผิวหน้าหย่อนคล้อย และมีรูขุมขนกว้าง
  • Radiesse เหมาะกับผู้ที่ต้องการเติมคอลลาเจนให้ผิวหน้า

Radiesse ไม่เหมาะกับใครบ้าง?

ในหัวข้อนี้ เรามาพิจารณากันต่อว่า การทำ Radiesse มีข้อจำกัดอย่างไร ทำไมหลายคนถึงไม่สามารถฉีดกระตุ้นคอลลาเจนได้

  • Radiesse ไม่เหมาะกับผู้ที่กำลังตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร
  • Radiesse ไม่เหมาะกับผู้ที่แพ้ส่วนประกอบจาก Radiesse 
  • Radiesse ไม่เหมาะกับผู้ที่มีการอักเสบบริเวณผิวหนัง
  • Radiesse ไม่เหมาะกับผู้ที่มีประวัติเป็นโรคเริม
  • Radiesse ไม่เหมาะกับผู้ที่เสี่ยงต่อการเกิดคีลอยด์หรือรอยแผลเป็นนูน
  • Radiesse ไม่เหมาะกับผู้ที่มีโรคเลือดออกง่าย
  • Radiesse ไม่เหมาะกับผู้ที่มีประวัติแพ้ยาชาอย่างรุนแรง ทั้งนี้ ควรปรึกษาแพทย์ก่อนการตัดสินใจฉีดเพิ่มคอลลาเจนให้ผิวหน้า

Radiesse ต่างจากหัตถการงานผิวอื่น ๆ อย่างไร?

ปัจจุบันการเสริมความงามด้วยการทำหัตถการสามารถทำได้หลากหลายวิธี ซึ่งสามารถช่วยแก้ไขปัญหาผิวหน้าหย่อนคล้อยได้ เรามาเปรียบเทียบการทำ Radiesse กับการทำหัตถการงานผิวอื่น ๆ กันดีกว่าว่า แต่ละวิธีจะมีความแตกต่างกันอย่างไร

Radiesse กับ Sculptra

Radiesse vs Sculptra ต่างกันยังไง? คงเป็นคำถามที่ใครหลายคนสงสัย เนื่องจากการฉีด Radiesse กับ Sculptra มีกระบวนการกระตุ้นคอลลาเจนใต้ผิวหนังเหมือนกัน แต่ทั้งสองวิธีมีความต่างกันที่ตัวยา สำหรับ Sculptra จะใช้สาร PLLA (Poly-L-Lactic acid) เป็นตัวกระตุ้นคอลลาเจน เมื่อร่างกายได้รับ PLLA ที่เป็นสารแปลกปลอมเข้ามา ระบบภูมิคุ้มกันก็จะกระตุ้นให้ไฟโบรบลาสต์สร้างคอลลาเจนขึ้น 

ส่วน Radiesse จะใช้ CaHA เป็นส่วนประกอบหลัก ซึ่งเป็นสารที่พบได้ในร่างกาย เมื่อฉีดเข้าสู่ผิวจะไม่เกิดปฏิกิริยาการอักเสบจากระบบภูมิคุ้มกันเหมือนกับการฉีดสารแปลกปลอม แต่สามารถกระตุ้นให้ร่างกายสร้างคอลลาเจนจากการสร้างโครงข่าย 3 มิติของ CaHA

Radiesse กับ Rejuran & Rejuran I

Rejuran & Rejuran i เป็นหัตถการในการปรับโครงสร้างผิวให้แข็งแรง ผิวเรียบเนียน และฉ่ำวาว (Glass Skin) รวมถึงฟื้นฟูริ้วรอยและลดความหมองคล้ำ ซึ่งมีคุณสมบัติการกระตุ้นคอลลาเจนคล้ายกับการทำ Radiesse แต่ Rejuran เน้นการบำรุงเพื่อให้ผิวสามารถซ่อมแซมและฟื้นฟูได้ดีกว่าเดิม เร่งให้ผิวแข็งแรง ดูกระจ่างใสอย่างเป็นธรรมชาติเท่านั้น และยังช่วยให้เซลล์มีความยืดหยุ่น ลดโอกาสการเกิดริ้วรอยได้ประมาณหนึ่ง ซึ่งต่างจาก Radiesse ที่เป็นหัตถการที่เน้นการลดเลือนริ้วรอยโดยเฉพาะ

การทำ Rejuran จึงเหมาะกับผู้ที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป ที่ต้องการบำรุงผิวแบบเร่งด่วน ซึ่งผลลัพธ์ของการทำ Rejuran อยู่ได้นาน 3-6 เดือน ขึ้นอยู่กับการดูแลผิวหน้าของแต่ละคนค่ะ

ผู้ที่สนใจฉีด Rejuran สามารถอ่านข้อมูลเพิ่มเติมได้เลยที่ : Rejuran ราคาเท่าไหร่ ฉีดรีจูรันดีไหม? พร้อมรีวิวผลลัพธ์ที่ออกมา เรียกได้ว่าเกินคุ้ม!

Radiesse กับ Skin Booster

Skin Booster เป็นหัตถการที่ช่วยเรื่องงานผิวโดยเฉพาะ ด้วยการเติมสาร Hyaluronic Acid และสารบำรุงต่าง ๆ เข้าสู่ชั้นผิว ซึ่งช่วยแก้ไขปัญหาผิวหน้าที่มีความแห้งกร้าน ขาดความชุ่มชื้น เพิ่มความกระชับให้กับรูขุมขน รวมถึงช่วยกระตุ้นให้ร่างกายสร้างคอลลาเจนมากขึ้น และยังป้องกันการเสื่อมสภาพของคอลลาเจนเดิม ซึ่งสามารถป้องกันริ้วรอยในอนาคตได้อีกด้วย โดยผลลัพธ์หลังทำจะอยู่ได้นาน 6-12 เดือน ขึ้นอยู่กับยี่ห้อสกินบูสเตอร์ และการดูแลผิวหน้า

แต่การทำ Radiesse จะช่วยแก้ไขปัญหาผิวหย่อนคล้อย และริ้วรอยร่องลึกได้อย่างแม่นยำมากกว่า Skin Booster เนื่องจากออกฤทธิ์ในการกระตุ้นเซลล์ไฟโบรบลาสต์โดยตรง ซึ่งเซลล์ไฟโบรบลาสต์สามารถสร้างคอลลาเจนให้แก่ชั้นผิวได้ค่ะ

Radiesse กับ เมโสหน้าใส

เมโสหน้าใส เป็นหัตถการในการกู้ผิวหน้าใส ด้วยการเติมสารสำคัญที่เป็นประโยชน์ต่อผิว ซึ่งการฉีดเมโสหน้าใสเป็นการฉีดวิตามินและสารสกัดต่าง ๆ ที่มีประโยชน์เข้าสู่ผิวหน้าโดยตรง ทำให้เซลล์ผิวสามารถนำสารสำคัญไปใช้ได้ง่าย ซึ่งส่งผลให้เห็นผลลัพธ์ไวกว่าการทาครีมบำรุง เพื่อรักษาปัญหาฝ้า กระ และจุดด่างดำให้ดูจางลง ใน 7-14 วัน เหมาะสำหรับผู้ที่ไม่มีเวลาดูแลตัวเอง และผู้ที่พักผ่อนไม่เพียงพอ 

ต่างจากการทำ Radiesse ที่จะเป็นการเติมสารกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนให้กับใบหน้า แก้ไขปัญหาผิวหน้าหย่อนคล้อย เหมาะกับผู้ที่เริ่มมีริ้วรอยแห่งวัย ร่างกายมีความสามารถในการสร้างคอลลาเจนน้อยลงค่ะ

Radiesse กับ ชาแนล

การฉีดชาแนลเป็นหนึ่งในการทำเมโสหน้าใส ซึ่งเป็นการฉีดตัวยาที่มีสารอาหารสำคัญมากถึง 55 ชนิดเข้าชั้นใต้ผิวหนังเพื่อช่วยบำรุงผิว ชาแนล หรือ New Cell Treatment Factor ทำหน้าที่ฟื้นฟูผิวอย่างล้ำลึก ทำให้คุณสามารถเห็นความเปลี่ยนแปลงได้ในระยะเวลาไม่นาน เหมาะกับผู้ที่มีริ้วรอย ผิวขาดน้ำ รวมถึงริ้วรอยรอยจุดด่างดำฝังลึก ให้ผิวกลับมาสุขภาพดีและแข็งแรงมากยิ่งขึ้น อีกทั้งผลลัพธ์จะยังคงอยู่ได้ยาวนาน ประมาณ 2-6 สัปดาห์ค่ะ 

ต่างจากการทำ Radiesse ที่จะมีองค์ประกอบเพียงแค่ CaHA เท่านั้น แต่สามารถกระตุ้นองค์ประกอบที่มีบทบาทต่อสุขภาพที่ดีของผิวมากถึง 5 ตัว ไม่ว่าจะเป็น Collagen Type I, Collagen Type III, Elastin, Proteoglycan และ Angiogenesis 

Radiesse กับ มาเด้คอลลาเจน

มาเด้คอลลาเจน เป็นตัวยาที่จะฉีดเข้าไปสู่ผิวหนังบริเวณที่มีปัญหา ซึ่งมีส่วนผสมของวิตามินต่าง ๆ ที่ช่วยในการบำรุงผิวหน้า และแก้ไขจุดหมองคล้ำให้กระจ่างใสมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ มาเด้คอลลาเจนยังช่วยเรื่องการไหลเวียนเลือด ให้ผิวหน้าเนียนนุ่มยิ่งขึ้นนั่นเอง เหมาะกับผู้ที่เป็นสิว ผิวมัน และขาดการดูแล มาเด้คอลลาเจนจะมีผลลัพธ์อยู่ได้นาน 1-2 เดือน ขึ้นอยู่กับการดูแลผิวหน้าของแต่ละคนค่ะ

มาเด้คอลลาเจนจะมีเป้าหมายการรักษาที่ต่างกับการทำ Radiesse โดยที่ Radiesse จะเน้นกระตุ้นคอลลาเจนเพื่อให้ผิวที่ดูหย่อนคล้อยตามวัยกลับมาดูเรียบเนียน และจัดการปัญหาร่องลึกให้ดูอิ่มฟูมากยิ่งขึ้น


ข้อควรรู้ก่อนฉีด Radiesse

ในหัวข้อนี้ เรามาศึกษาข้อควรรู้ก่อนตัดสินใจฉีด Radiesse โดยรมย์รวินท์คลินิกได้รวบรวมข้อมูลต่าง ๆ มาให้คุณแล้ว ดังนี้

  • Radiesse เป็นผลิตภัณฑ์สารเติมเต็มที่สลายได้เองตามธรรมชาติ
  • Radiesse ช่วยเติมคอลลาเจนให้ผิวหน้า โดยเฉพาะคอลลาเจนที่พบได้ในเด็ก ซึ่งเป็นคอลลาเจนที่สำคัญ ซึ่งจะทำให้ผิวหน้าของเรากลับมาดูอ่อนเยาว์และเต่งตึงมากขึ้น
  • Radiesse ให้ผลลัพธ์ยาวนานถึง 2 ปี จึงไม่จำเป็นต้องรักษาบ่อย
  • Radiesse มีความปลอดภัยสูง เนื่องจากได้รับการรับรองตามมาตรฐานสากล และเป็นสารเติมเต็มที่แพทย์ทั่วโลกใช้มากว่า 20 ปี 
  • หลังทำ Radiesse 1 เดือน ผิวหน้าจะมีวอลลุ่มอย่างเห็นได้ชัดเจน
  • หลังทำ Radiesse ไม่ต้องพักหน้านาน สามารถแต่งหน้าหรือทาครีมบำรุงได้ตามคำแนะนำของแพทย์ได้เลย
  • Radiesse สามารถพบได้เมื่อมีการเอกซเรย์หรือ CT Scan หากมีความจำเป็นต้องทำหัตถการเหล่านี้ควรจะต้องแจ้งให้แพทย์ทราบ

ก่อนฉีด Radiesse ควรเตรียมตัวอย่างไร?

หากคุณต้องการฉีด Radiesse เพื่อกระตุ้นคอลลาเจนในชั้นผิวหนัง เพิ่มความเต่งตึงให้กับใบหน้า คุณควรวางแผน และเตรียมตัวให้พร้อมก่อนฉีดเพิ่มคอลลาเจนให้ผิวหน้า ดังนี้

  • ก่อนฉีด Radiesse ควรแจ้งประวัติการแพ้ยา และโรคประจำตัวให้แพทย์ทราบก่อนรับบริการ
  • ก่อนฉีด Radiesse ควรงดยากลุ่มต้านการอักเสบ
  • ก่อนฉีด Radiesse ควรงดวิตามิน อาหารเสริม และยาที่มีผลต่อการแข็งตัวของเลือด 
  • ก่อนฉีด Radiesse ให้งดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ 1-2 วัน
  • ก่อนฉีด Radiesse ให้งดสครับผิว และครีมบำรุงที่มีคุณสมบัติในการผลัดเซลล์ผิว

หลังฉีด Radiesse ควรดูแลตัวเองอย่างไร?

เติมคอลลาเจนให้ผิวหน้า

เมื่อคุณทำการฉีด Radiesse เสร็จเรียบร้อยแล้ว เพื่อให้การฉีดเติมคอลลาเจนให้ผิวหน้าเห็นผลการรักษามากที่สุด เราควรดูแลตัวเองหลังฉีดด้วยวิธีดังต่อไปนี้

  • หลังฉีด Radiesse ควรงดการดื่มแอลกอฮอล์ 
  • หลังฉีด Radiesse ควรดื่มน้ำสะอาดให้เพียงพอ จะช่วยให้ผิวมีอิ่มฟูยิ่งขึ้น
  • หลังฉีด Radiesse ควรหลีกเลี่ยงแสงแดดอย่างน้อย 24 ชั่วโมง
  • หลังฉีด Radiesse ควรงดออกกำลังกาย หรือหลีกเลี่ยงกิจกรรมที่โดนความร้อนโดยตรง
  • หลังฉีด Radiesse ไม่ควรจับหรือสัมผัสบริเวณที่ฉีด เพราะอาจส่งผลต่อการกระจายตัวของยา
  • หลังฉีด Radiesse ไม่ควรแต่งหน้าอย่างน้อย 12 ชั่วโมง หรือจนกว่ารอยเข็มจะหายดี
  • หลังฉีด Radiesse หากพบว่า ผิวมีอาการแดงบวม แนะนำประคบเย็นเพื่อช่วยลดอาการช้ำ

ผลข้างเคียงหลังฉีด Radiesse มีอะไรบ้าง?

เรามาดูผลข้างเคียงหลังฉีดกระตุ้นคอลลาเจนกันต่อค่ะ ว่าจะมีผลข้างเคียงอะไรบ้างที่เราควรสำรวจตัวเอง และพิจารณาก่อนการตัดสินใจฉีด Radiesse 

  • หลังฉีด Radiesse หากรู้สึกปวดบริเวณที่ฉีดให้รับประทานยาแก้ปวด เพื่อบรรเทาอาการที่เกิดขึ้น
  • หลังฉีด Radiesse อาจมีรอยแดงจากเข็ม รอยช้ำ หรืออาการคันในบริเวณที่ฉีด แต่อาการเหล่านี้สามารถหายได้เอง
  • หลังฉีด Radiesse หากผิวหนังบริเวณมีการเปลี่ยนสี รอยแดงเห็นได้ชัดเจน หรือมีอาการปวดผิดปกติมากขึ้น ให้เข้ารับการปรึกษาแพทย์เฉพาะทางทันทีค่ะ

คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับ Radiesse

ฉีด Radiesse กี่ครั้งถึงเห็นผลลัพธ์ชัดเจน?

การฉีด Radiesse จะเห็นผลลัพธ์ทันทีในครั้งแรกที่ฉีดค่ะ แต่หากต้องการให้ผลลัพธ์อยู่ได้นาน แนะนำให้ฉีดต่อเนื่อง 2-3 ครั้ง โดยเว้นระยะห่างจากการฉีดครั้งแรก 30 วัน ซึ่งผู้เข้ารับบริการจะเห็นการเปลี่ยนแปลงว่า ผิวหนังบริเวณที่ฉีดมีความกระชับมากยิ่งขึ้น ผิวมีความแน่นฟู ริ้วรอยร่องลึกต่าง ๆ ดูตื้นขึ้นใน 1 เดือนแรกหลังทำ แต่หลังจากนั้นใน 3-6 เดือน Radiesse จะเริ่มออกฤทธิ์กระตุ้นคอลลาเจน ทำให้ใบหน้ามีวอลลุ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ ค่ะ 

ฉีด Radiesse อันตรายไหม?

การฉีด Radiesse เป็นผลิตภัณฑ์ที่ได้รับการรองรับถึง 3 องค์การด้วยกัน คือ EU, US และ TH FDA จึงมั่นใจได้เลยว่า กระตุ้นคอลลาเจนด้วยวิธีนี้มีมาตรฐานและความปลอดภัยแน่นอนค่ะ

ฉีด Radiesse อยู่ได้นานไหม?

ผลลัพธ์ของการฉีดจะอยู่ได้อย่างน้อย 1 ปี และสามารถอยู่ได้นานมากกว่านั้น ขึ้นอยู่กับตำแหน่งที่ฉีด, คุณภาพของผิว, อายุ และการดูแลตัวเองหลังฉีดค่ะ


เลือกฉีด Radiesse ที่ไหนดี?

Radiesse เป็นการเติมคอลลาเจนให้ผิวหน้า โดยฉีดสารกระตุ้นคอลลาเจนที่จะช่วยปรับโครงสร้างบนผิวหน้าให้ดูดีขึ้นจากภายใน พร้อมทั้งบำรุงสภาพผิวให้ดูอ่อนเยาว์มากยิ่งขึ้น ใครที่กำลังเผชิญกับปัญหาผิวหย่อนคล้อยตามวัย หรือผิวหนังเหี่ยวย่น คุณควรเลือกคลินิกเสริมความงามที่มีมาตรฐานและมีการใช้เครื่องมือที่ปลอดภัย ไม่เช่นนั้นอาจจะเกิดผลข้างเคียงซึ่งเป็นอันตรายต่อผิวหน้าได้

สำหรับผู้ที่สนใจ Radiesse หรือฉีดฟิลเลอร์ แต่ไม่รู้จะเลือกฟิลเลอร์ ยี่ห้อไหนดี สามารถมาดูแลผิวหน้า และขอคำปรึกษากับแพทย์เฉพาะทางกับทางรมย์รวินท์คลินิกได้ เราพร้อมให้บริการด้วยเทคโนโลยีทางการแพทย์ที่มีประสิทธิภาพโดยแพทย์มากประสบการณ์ ให้คุณได้ดูดีขึ้นในแบบของตัวเอง และได้รับคำแนะนำตลอดการรักษาค่ะ


Related Posts