เม็ดสีจุดเล็ก ๆ ที่ขึ้นประปรายบนใบหน้าและตามลำตัวของคุณนั้นอาจเป็น “กระ” ปัญหาผิวหนังชนิดหนึ่งที่ทำให้ใบหน้าของคุณดูมีสีไม่สม่ำเสมอ จนอาจทำให้คุณสูญเสียความมั่นใจในการเข้าสังคมได้ เพื่อให้คุณสามารถดูแลรักษากระให้จางลงและไม่ให้หน้าเป็นกระมากกว่าเดิม ในบทความนี้จะกล่าวถึงข้อมูลเกี่ยวกับกระและวิธีดูแลรักษากระที่หน้าให้จางลงค่ะ
กระ คืออะไร
กระ คือ ปัญหาผิวหนังชนิดหนึ่งที่มีลักษณะเป็นจุดด่างดำสีน้ำตาลอ่อนไปจนถึงสีดำ ทำให้ผิวหนังดูไม่เรียบเนียน กระสามารถขึ้นกระจายตัวบนผิวหนังบริเวณต่าง ๆ ของร่างกายได้ เช่น หน้าผาก แก้ม จมูก คอ แขน ขา โดยมีขนาดตั้งแต่ 2 มิลลิเมตร และขนาดอาจขยายใหญ่ขึ้นได้มากถึง 2 เซนติเมตรค่ะ
กระมีกี่ชนิด แต่ละชนิดมีลักษณะอย่างไร?
กระแบ่งออกเป็น 4 ชนิดด้วยกัน ซึ่งแต่ละชนิดมีความแตกต่างกันดังนี้
กระลึก
กระลึก (Nevus of Hori) เป็นกระที่เริ่มขึ้นหลังจากอายุ 20 ปี มีลักษณะจุดขนาดเล็กสีน้ำตาล สีเทา สีดำ เข้มกระอื่น ๆ แต่ขอบของกระจะดูเลือนรางเล็กน้อย เกิดจากเซลล์เม็ดสีผิวหนังชั้นหนังแท้ผลิตมากผิดปกติ โดยมีเรื่องของพันธุกรรม ฮอร์โมน และแสงแดดเข้ามามีส่วนกระตุ้น สามารถพบได้ทั่วทั้งบริเวณหน้า แต่มักจะขึ้นบริเวณจมูกและโหนกแก้ม
กระตื้น
กระตื้น (Ephelides) เป็นกระที่เริ่มขึ้นในช่วงวัยรุ่นโดยเฉพาะผู้ที่มีผิวขาว มีลักษณะจุดขนาดเล็กสีน้ำตาล มักเกิดจากพันธุกรรมที่มีความผิดปกติ โดยเซลล์เม็ดสีจะมีความไวต่อแสงแดดมากเป็นพิเศษ ทำให้ผิวบริเวณที่มักโดนแสงแดด เช่น ใบหน้า มีกระตื้นขึ้นได้ง่าย และยังมีโอกาสที่กระตื้นจะกระจายตัวมากขึ้น มีขนาดใหญ่ขึ้น หรืออาจมีสีเข้มขึ้นถ้าหากผิวยังคงถูกปัจจัยต่าง ๆ กระตุ้นให้สร้างเม็ดสีอยู่
กระแดด
กระแดด (Solar Lentigines) เป็นกระที่พบได้มากหลังจากอายุ 40 ปีขึ้นไป มีลักษณะจุดหรือปื้น มีหลายขนาดตั้งแต่ขนาดเล็กไปจนถึงขนาดใหญ่ สีของกระจะเป็นสีน้ำตาลไปจนถึงสีดำ สามารถเห็นขอบของกระได้อย่างชัดเจน เกิดจากผิวถูกแสงแดดส่องระยะเวลานาน กระแดดมักจะขึ้นตามบริเวณแก้ม แขน หรือผิวส่วนที่มักถูกแสงแดดเป็นประจำ
กระเนื้อ
กระเนื้อ (Seborrheic Keratosis) เป็นกระที่พบได้ตั้งแต่อายุ 20 ปีขึ้นไป และมีความแตกต่างจากกระชนิดอื่นเล็กน้อย โดยจะมีลักษณะตุ่มก้อนเล็ก ๆ นูนสีน้ำตาลอ่อนไปจนถึงสีน้ำตาลเข้มขึ้นบนผิวหนังบริเวณต่าง ๆ เช่น ใบหน้า ลำคอ แผ่นหลัง หน้าอก จากความผิดปกติของผิวหนังชั้นหนังกำพร้า แต่ก็มีโอกาสที่กระเนื้อจะขยายขนาดใหญ่ขึ้นได้ถ้าหากมีปัจจัยกระตุ้น เช่น อายุร่างกาย แสงแดด เป็นต้น
กระเกิดจากสาเหตุปัจจัยใดได้บ้าง?
ปัจจัยที่ส่งผลให้ผิวหนังของคุณมีกระขึ้นมีดังนี้
- แสงแดด
แสงแดดเป็นสิ่งที่ทำให้มีกระแดดที่หน้าและตัว และยังอาจทำให้เกิดฝ้าแดดขึ้นได้อีกด้วย เนื่องจากภายในแสงแดดมีรังสี UVA ที่สามารถทะลุเข้าสู่ชั้นผิวหนังแท้และไปกระตุ้นให้เซลล์ผิวหนังผลิตเม็ดสีกระขึ้นบนใบหน้าและลำตัว
- แสงสีฟ้า
แสงสีฟ้าเป็นคลื่นแสงที่ดวงตาสามารถมองเห็นได้ สามารถพบได้ทั้งตามแสงจากดวงอาทิตย์ หรือสิ่งของเครื่องใช้รอบตัวคุณ เช่น โทรศัพท์ โทรทัศน์ คอมพิวเตอร์ และอื่น ๆ ซึ่งแสงสีฟ้าจะไปทำลายเซลล์ผิวให้เสื่อมลง และยังเป็นตัวกระตุ้นให้ผิวหนังผลิตเม็ดสีทำให้หน้าตกกระ
- พันธุกรรม
สำหรับผู้ที่สมาชิกภายในครอบครัวมีกระขึ้นผิวหนังเยอะ คุณก็จะมีโอกาสได้รับพันธุกรรมนั้น ๆ จากครอบครัวได้ เพราะในกรณีที่คุณมีพันธุกรรมผิวขาวจะทำให้ผิวสร้างเม็ดสีเมลานินได้ง่ายเมื่อโดนแสง ซึ่งจะไปเพิ่มโอกาสให้มีกระฝ้าขึ้นตามผิวหนังสูงกว่าผู้ที่มีผิวคล้ำหรือผู้ที่มีผิวสี
- ฮอร์โมน
กรณีที่ร่างกายมีภาวะฮอร์โมนแปรปรวน ทั้งจากความเครียด การทานยาคุม การมีประจำเดือน หรืออยู่ในช่วงระหว่างการตั้งครรภ์ก็จะส่งผลให้เซลล์ผลิตเม็ดสีมากขึ้น จึงทำให้มีกระขึ้นตามร่างกายได้ง่ายกว่าปกติ
จะรู้ได้อย่างไรว่าเป็น กระ หรือ ฝ้า
ฝ้าหรือกระ? ด้วยลักษณะของฝ้าและกระที่ใกล้เคียงกันมากจึงอาจทำให้คุณสับสนว่าบนใบหน้าเป็นกระหรือเป็นฝ้า อีกยังมีสาเหตุการเกิดใกล้เคียงกัน คือ แสงแดด แต่กระและฝ้าก็ยังคงมีจุดที่แตกต่างกันอยู่ค่ะ
- กระ : เป็นจุดกลม มีขนาดเล็ก เห็นขอบชัด มีสีน้ำตาล สีเทา และสีดำ
- ฝ้า : เป็นแผ่น มีหลายขนาด เห็นขอบไม่ชัด มีสีน้ำตาล ม่วงอมน้ำเงิน ฟ้าอมเทา และสีดำ
วิธีรักษากระมีกี่วิธี แต่ละวิธีต่างกันอย่างไร?
ในปัจจุบันมีวิธีรักษากระบนใบหน้าให้ดูจางลงได้ ซึ่งแต่ละวิธีก็จะส่งผลต่อกระดังนี้
เลเซอร์รักษากระ
เลเซอร์กระเป็นหนึ่งในวิธีที่รักษาฝ้ากระได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพราะคลื่นแสงจากเลเซอร์จะเป็นตัวทำลายเม็ดสีบนผิวของคุณให้จางลงได้ เลเซอร์ที่มักนำมาใช้รักษากระ ได้แก่ Pico Laser, Q-switched, Dual Yellow Laser ซึ่งเลเซอร์เหล่านี้จะมีความปลอดภัยต่อผิวของคุณ และยังมีส่วนช่วยฟื้นฟูเซลล์ผิวให้สร้างคอลลาเจนที่ช่วยให้ใบหน้าของคุณชุ่มชื้น เรียบเนียนขึ้นได้ด้วย
กรดหรือสารเคมีลอกผิว
การลอกผิวหรือการผลัดเซลล์ผิว จะนำกรดหรือ น้ำยาเคมีมาลอกเซลล์ผิวที่เสื่อมสภาพหรือเม็ดสีบนใบหน้าให้หลุดลอกออกไป จึงสามารถรักษาได้ทั้งฝ้า กระ จุดด่างดำ แต่การลอกผิวจะทำให้ผิวหน้าบางลง ดังนั้นหลังลอกเซลล์ผิวควรบำรุงผิวอย่างสม่ำเสมอเพื่อฟื้นฟูผิวให้แข็งแรง
บำบัดผิวด้วยความเย็น Cryotherapy
Cryotherapy หรือการจี้เย็นเป็นวิธีที่ใช้รักษากระเนื้อขึ้นตามตัวได้ด้วยความเย็น โดยจะนำไนโตรเจนเหลวมาจี้กระเพื่อให้ความเย็นจากไนโตรเจนไปหยุดการผลิตเซลล์ผิว แล้วกระเนื้อก็จะค่อย ๆ หลุดออกจากผิวหนังไป แต่การรักษากระเนื้อบนใบหน้าและลำตัวด้วยวิธีนี้จำเป็นจะต้องให้แพทย์ผู้มีประสบการณ์การใช้เครื่องเท่านั้นเพื่อความปลอดภัยของผิว
ครีมหรือยาทา
การใช้ครีมหรือยาทาผิวก็เป็นหนึ่งในวิธีรักษาฝ้า กระ ที่สามารถทำได้ด้วยตัวเอง โดยคุณสามารถเลือกใช้ครีมที่มีส่วนผสมของ AHA, PHA ที่ช่วยผลัดเซลล์ผิว และ Arbutin, Kojic Acid ที่ช่วยลดการผลิตเม็ดสี ทำให้กระบนใบหน้าค่อย ๆ จางลงได้ แต่วิธีแก้ฝ้ากระนี้จะใช้เวลาค่อนข้างนานและต้องทาครีมสม่ำเสมอเพื่อให้เห็นผลค่ะ
วิธีป้องกันผิวหน้าและผิวกายจากกระ
คุณสามารถดูแลตนเองเพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้มีกระที่หน้าหรือกระที่ลำตัวซ้ำได้ด้วยวิธีดังนี้
ทาสกินแคร์บำรุงผิว
การบำรุงผิวให้แข็งแรงอยู่เสมอก็จะช่วยลดการเกิดปัญหาผิวหนังต่าง ๆ รวมถึงกระได้ โดยคุณสามารถเลือกใช้ครีมหรือเซรั่มลดฝ้าและกระตามลักษณะผิวหนังของคุณ ถ้าต้องการไม่ให้หน้าเป็นฝ้าหรือกระก็ควรใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนช่วยยับยั้งการสร้างเม็ดสี และอาจเลือกสูตรที่ช่วยผลัดเซลล์ผิวเพื่อให้ใบหน้าดูกระจ่างใสมากขึ้น ในส่วนผู้ที่มีผิวแพ้ง่ายก็จะต้องเลือกใช้สกินแคร์สูตรที่อ่อนโยนต่อผิวเพื่อไม่ให้ผิวระคายเคือง
หมั่นทาครีมกันแดด
แสงแดดเป็นสาเหตุสำคัญที่กระตุ้นให้ร่างกายผลิตเม็ดสีเมลานิน ซึ่งส่งผลให้ผิวของคุณมีกระขึ้น ดังนั้นจึงควรทาครีมกันแดดที่มีคุณสมบัติช่วยปกป้องผิวจากแสงแดดอยู่เสมอ โดยควรทาครีมกันแดดทุก ๆ 2-4 ชั่วโมงเพื่อคงประสิทธิภาพของครีมกันแดด และควรหลีกเลี่ยงการอยู่ในสถานที่มีแสงแดดแรงเป็นเวลานาน เพราะจะทำให้กระขึ้นตามตัวและใบหน้าง่ายมากขึ้น
หลีกเลี่ยงแสงสีฟ้าจากอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์
แสงสีฟ้าเป็นแสงที่เป็นตัวทำลายผิวหนังให้เสื่อมเร็วขึ้น โดยแสงจะไปทำลายคอลลาเจนซึ่งจะทำให้ผิวแห้งและมีริ้ว นอกจากนี้ยังเป็นต้นเหตุของกระบนหน้าได้อีกด้วย ดังนั้นคุณควรหลีกเลี่ยงการใช้อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ซึ่งเป็นแหล่งกำเนิดแสงสีฟ้าติดต่อกันในระยะเวลานาน เช่น โทรศัพท์ โทรทัศน์ คอมพิวเตอร์ เป็นต้น
รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย
การรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกายนอกจากจะช่วยให้สุขภาพร่างกายแข็งแรงแล้ว ก็ยังมีส่วนช่วยทำให้ผิวหนังของคุณแข็งแรงมากขึ้นด้วยเช่นกันค่ะ สำหรับผู้ที่ต้องการรับประทานอาหารที่ช่วยบำรุงผิว ควรทานอาหารที่ให้วิตามินซี วิตามินอี วิตามินบี3 เพื่อให้ผิวมีโอกาสขึ้นกระน้อยลง และที่สำคัญคุณควรดื่มน้ำสะอาดในปริมาณที่เพียงพอในแต่ละวันเพื่อให้ผิวของคุณชุ่มชื้นและแข็งแรง
นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ
ในหนึ่งวันควรนอนหลับอย่างน้อย 6-8 ชั่วโมงเพื่อให้ระบบในร่างกายทำงานปกติ ถ้าหากนอนหลับไม่เพียงพอก็จะส่งผลทำให้ร่างกายเกิดความเครียด ซึ่งเป็นตัวการที่ทำให้ฮอร์โมนในร่างกายแปรปรวน และยังเป็นหนึ่งในสาเหตุที่กระตุ้นเซลล์ให้ผลิตเม็ดสีกลายเป็นกระ ฝ้า สิว ทำให้ใบหน้าโทรม ดูหม่นหมองลง
กระ ปัญหาผิวสีไม่เรียบเนียนที่สามารถดูแลให้ดีขึ้นได้
กระเป็นหนึ่งในปัญหาผิวที่ทำให้ผิวหนังมีรอยจุดสีน้ำตาลขึ้น ซึ่งอาจทำให้คุณรู้สึกไม่มั่นใจในการพบปะผู้คน ส่งผลให้สูญเสียโอกาสต่าง ๆ ได้ เพื่อรักษากระ ใบหน้าให้จางลง ทางรมย์รวินท์พร้อมให้คำแนะนำวิธีรักษากระบนใบหน้าที่ช่วยให้คุณมีผิวเรียบเนียนมากขึ้นได้ในระยะยาวค่ะ