บทความ
กระ มีกี่ประเภท ?

กระเกิดจากอะไร มีกี่ประเภท รวมวิธีรักษากระแบบเร่งด่วน

 

กระ ปัญหาผิวยอดนิยมที่มักปรากฎเป็นจุดเล็ก ๆ สีน้ำตาลบนใบหน้า อาจดูเหมือนเรื่องเล็กน้อย แต่กลับก่อให้เกิดความไม่มั่นใจได้ในหลายบุคคล ทำให้หลายคนสงสัยว่า กระเกิดจากอะไร ? มีกี่ประเภท ? สามารถรักษากระให้หายแบบเร่งด่วนได้อย่างไร? สามารถรักษากระให้หายขาดได้หรือไม่ ? วันนี้รมย์รวินท์ได้รวบรวมคำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับ “กระ” ตั้งแต่สาเหตุ ประเภท วิธีรักษากระแบบเร่งด่วน และการป้องกัน เพื่อไขทุกข้อสงสัย ทำให้ทุกคนเข้าใจปัญหากระได้อย่างลึกซึ้ง  พร้อมเผยผิวสวยมั่นใจไร้จุดด่างดำกันค่ะ

 

กระ คืออะไร ?

กระ คืออะไร ?

กระ คืออะไร ?

กระ (Freckles) เป็นจุด หรือ รอยสีน้ำตาลเล็ก ๆ บนผิว ที่เกิดจากการสะสมของเม็ดสีเมลานิน (Melanin) ในชั้นผิว โดยกระมักปรากฏชัดเจนในบริเวณที่สัมผัสกับแสงแดดบ่อย ๆ หรือบริเวณที่ไม่ได้ปกคลุมด้วยเสื้อผ้า ซึ่งสาเหตุที่กระตุ้นให้เกิดกระสามารถเกิดได้จากหลายปัจจัย

 

กระ มีลักษณะอย่างไร ?

กระมีลักษณะเป็นสีน้ำตาล ตั้งแต่สีน้ำตาลโทนอ่อนจนถึงสีน้ำตาลโทนเข้ม ขึ้นอยู่กับระดับเมลานินที่สะสมอยู่ใต้ชั้นผิวหนังบริเวณนั้น ซึ่งกระมักมีขนาดเล็ก 1-2 มิลลิเมตร แต่สามารถกระจายตัวอยู่เป็นกลุ่มที่ใหญ่ขึ้นได้ 

 

กระ เกิดจากอะไร ?

กระ เกิดจากอะไร ?

 

กระ เกิดจากอะไร ?

กระเกิดจากการสะสมเม็ดสีเมลานินใต้ผิวหนังมากเกินไป ซึ่งผิวหนังมักผลิตเม็ดสีเมลานินเพิ่มมากขึ้น เพื่อปกป้องผิวจากการถูกทำร้ายต่าง ๆ ที่กระตุ้น ทำให้เมื่อมีการสะสมเม็ดสีเมลานินใต้ผิวหนังมากเกินไปหรือไม่สมดุลจะทำให้เกิดเป็นจุดสีน้ำตาล ที่เรียกว่า กระ ได้ โดยปัจจัยที่กระตุ้นให้เกิดการผลิตเม็ดสีเมลานินมากเกินไป จนเกิดเป็นกระ มีดังนี้

 

  • กระเกิดได้จากแสงแดดและรังสี UV

กระที่เกิดจากแสงแดดและรังสี UV เป็นผลมาจากการที่ผิวสัมผัสกับแสงแดดมากเกินไป จนกระตุ้นให้เกิดการผลิตเม็ดสีเมลานินใต้ผิวหนังที่เพิ่มมากขึ้น เพื่อปกป้องผิวจากการถูกทำลายโดยรังสี UV ทำให้ผิวบริเวณนั้นเกิดเป็นจุดเล็ก ๆ สีน้ำตาลที่เรียกว่า กระ (Freckles)

  • กระเกิดได้จากพันธุกรรม

กระที่เกิดได้จากพันธุกรรม เป็นกระที่มาจากลักษณะทางพันธุกรรมที่ถูกถ่ายทอดต่อมา ซึ่งจะส่งผลต่อกระบวนการทำงานในการผลิตเม็ดสีเมลานิน (Melanin) โดยในบางบุคคลอาจมีลักษณะทางพันธุกรรมบางอย่างที่ทำให้ผิวไวต่อแสง ทำให้มีแนวโน้มในการเกิดกระง่ายมากขึ้น

  • กระเกิดได้จากฮอร์โมน

กระที่เกิดได้จากฮอร์โมน เป็นผลมาจากการเปลี่ยนแปลงในระดับฮอร์โมนในร่างกาย ซึ่งส่งผลต่อการทำงานของการผลิตเม็ดสีเมลานิน (Melanin) ทำให้เมลานินสะสมในบางจุดของผิวหนังจนเกิดเป็นกระขึ้นได้

  • กระเกิดได้จากการอักเสบของผิวหนัง และการสัมผัสสิ่งกระตุ้น

กระที่เกิดจากการอักเสบของผิวหนังและการสัมผัสสิ่งกระตุ้น เกิดจากการที่ผิวตอบสนองต่อการระคายเคืองหรือการอักเสบ ส่งผลให้เกิดการผลิตเม็ดสีเมลานินเพิ่มมากขึ้นเพื่อมาปกป้องผิว ทำให้ผิวบริเวณนั้นเกิดกระขึ้น

  • กระเกิดได้จากอายุที่เพิ่มขึ้น

กระที่เกิดจากอายุที่เพิ่มขึ้น เกิดจากการสะสมของเม็ดสีเมลานินในบริเวณที่ผิวได้รับสัมผัสแสงแดดเป็นเวลานาน ๆ ซึ่งเมื่ออายุเพิ่มมากขึ้น ผิวหนังจะมีการสะสมของเมลานินในบางจุดที่ได้รับแสงแดดมาเป็นเวลานานตลอดชีวิต ทำให้เกิดจุดด่างดำ หรือบางคนเรียกว่ากระอายุ

 

กระ เกิดตรงไหนได้บ้าง ?

กระสามารถเกิดขึ้นได้ในหลากหลายบริเวณที่ผิวสัมผัสแสงแดดบ่อย ๆ ทำให้เกิดการผลิตเมลานินในผิวหนังมากขึ้น หรือมักเกิดในบริเวณที่มีการสะสมเมลานินจากปัจจัยต่าง ๆ ซึ่งสามารถเกิดขึ้นได้ทั่วร่างกาย ดังนี้

  • กระสามารถเกิดขึ้นได้บริเวณใบหน้า
  • กระสามารถเกิดขึ้นได้บริเวณแขนด้านนอก
  • กระสามารถเกิดขึ้นได้บริเวณหลังมือ
  • กระสามารถเกิดขึ้นได้บริเวณคอ หรือหลังคอ
  • กระสามารถเกิดขึ้นได้บริเวณหลังส่วนบนและกลางหลัง
  • กระสามารถเกิดขึ้นได้บริเวณขา
  • กระสามารถเกิดขึ้นได้บริเวณหน้าอกและบริเวณรอบ ๆ
  • กระสามารถเกิดขึ้นได้บริเวณปีกจมูก หรือรอบ ๆ ปีกจมูก
  • กระสามารถเกิดขึ้นได้บริเวณหลังมือหรือข้อมือ
  • กระสามารถเกิดขึ้นได้บริเวณใบหูและคิ้ว

 

กระ มีกี่ประเภท ?

กระ มีกี่ประเภท ?

 

กระ มีกี่ประเภท ?

กระที่ปรากฎบนผิวไม่ได้มีเพียวแค่ประเภทเดียว แต่สามารถแบ่งออกได้ 4 ประเภทด้วยกัน โดยแบ่งได้จากลักษณะและความลึกของการสะสมของเม็ดสีเมลานินในผิวหนัง ซึ่งกระแต่ละประเภทจะมีสาเหตุการเกิดและวิธีการรักษาที่แตกต่างกันออกไป โดยประเภทของกระสามารถแบ่งออกได้ ดังนี้

 

1.กระตื้น (Ephelides)

กระประเภทตื้น (Ephelides) เป็นกระที่พบได้บ่อยในผู้ที่มีผิวที่ไวต่อแสงแดด หรือพบได้ง่ายในผู้ที่มีผิวขาว โดยกระตื้นมักพบในได้บริเวณที่สัมผัสแสงแดดเป็นเวลานาน 

ลักษณะของกระตื้น (Ephelides)

    • กระตื้นมีลักษณะกลมและมีขนาดที่เล็ก อาจะเป็นกลุ่มกระเล็ก ๆ กระจายไปตามผิว
  • กระตื้นมี สีครีม น้ำตาลอ่อน หรือสีส้มอ่อน
  • กระตื้นพบได้มากในบริเวณที่ผิวสัมผัสแสงแดดมากที่สุด

สาเหตุของการเกิดกระตื้น (Ephelides)

  • เกิดกระตื้นจากการถูกกระตุ้นจากแสงแดด ทำให้เกิดการผลิตเมลานินมากขึ้น เพื่อปกป้องผิวจากการถูกทำลาย ทำให้เกิดการสะสมของเมลานินมากเกินไปจนเกิดเป็นกระตื้นได้
  • เกิดกระตื้นจากพันธุกรรม โดยในผู้ที่มีผิวขาวหรือมีพันธุกรรมผิวไวต่อแสง มักมีแนวโน้มที่จะเกิดกระตื้นได้มากขึ้น
  • เกิดกระตื้นจากการที่ผิวที่ไวต่อแสงแดด มักมีแนวโน้มในการเกิดกระตื้นได้มากกว่า

 

2.กระลึก (Lentigines)

กระลึก (Lentigines) เป็นกระที่พบได้บ่อยในผู้ที่มีอายุมากขึ้น หรือผู้ที่มีการสัมผัสกับแสงแดดต่อเนื่องเป็นเวลานาน เกิดขึ้นบริเวณที่โดนแสงแดดบ่อย ๆ

ลักษณะของกระลึก (Lentigines)

  • กระลึกเป็นวงกลมหรือวงรี มีขนาดตั้งแต่เล็กจนถึงกลาง ขอบของกระลึกมักไม่ชัดเจน มีสีต่างกันออกไปบ้าง
  • กระลึกมีสีน้ำตาลเข้ม หรือสีน้ำตาลอมเหลือง
  • กระลึกมีขอบไม่ชัดเจน
  • กระลึกพบได้ในบริเวณที่สัมผัสแสงแดดบ่อยๆ

สาเหตุของการเกิดกระลึก (Lentigines)

  • กระลึกเกิดได้จากการเปลี่ยนแปลงระดับฮอร์โมนในร่างกาย
  • กระลึกเกิดได้เมื่ออายุมากขึ้น ทำให้ผิวหนังมีการสะสมของเม็ดสีมากขึ้น
  • กระลึกเกิดได้จากผิวได้รับแสงแดดมากเกินไป
  • กระลึกเกิดได้จากการใช้ยาบางชนิด ทำให้ผิวหนังไวต่อแสงแดดมากขึ้น
  • กระลึกเกิดได้จากการที่ผิวบาดเจ็บหรือการระคายเคือง ทำให้เกิดการสะสมของเม็ดสีในผิวหนังมากเกินไป
  • กระลึกเกิดได้จากพันธุกรรม

 

3.กระเนื้อ (Seborrheic Keratosis)

กระเนื้อ (Seborrheic Keratosis) เป็นเนื้องอกที่ไม่ร้ายแรงหรือลุกลามไปที่อื่น ๆ แต่ทำให้ผู้ที่เป็นฝ้าเนื้อรู้สึกไม่มั่นใจเมื่อเป็นกระเนื้อได้ ซึ่งกระเนื้อมักพบได้ในผู้สูงอายุ

ลักษณะของกระเนื้อ (Seborrheic Keratosis)

  • กระเนื้อมีขนาดตั้งแต่ 2-3 มิลลิเมตร ไปจนถึงขนาดใหญ่หลายเซนติเมตร
  • กระเนื้อมีลักษณะคล้ายกับแผ่นหรือก้อน  
  • กระเนื้อมีผิวขรุขระ และสามารถมีการยุบตัวขึ้นได้
  • กระเนื้อมีสีน้ำตาลอ่อนไปจนถึงสีน้ำตาลเข้ม หรือสีดำบางครั้ง
  • กระเนื้อมีสีที่แตกต่างกันได้

สาเหตุของการเกิดกระเนื้อ (Seborrheic Keratosis)

  • กระเนื้อมักเกิดในผู้สูงอายุประมาณ 40 ปีขึ้นไป
  • กระเนื้อเกิดได้จากการสัมผัสกับแสงแดดในระยะยาว
  • กระเนื้อเกิดได้จากพันธุกรรม
  • กระเนื้อเกิดได้จากฮอร์โมนในร่างกาย
  • กระเนื้อเกิดได้จากการใช้สารเคมีบางชนิด หรือการเกิดการระคายเคือง

 

4.กระแดด (Solar Lentigines)

กระแดด (Solar Lentigines) เป็นกระที่มักเกิดในบริเวณที่สัมผัสกับแสงแดดบ่อยๆ ซึ่งกระแดดไม่ใช่โรคร้ายแรงและไม่ส่งผลเสียต่อสุขภาพ แต่มักทำให้เกิดความไม่มั่นใจผู้ที่เป็นกระแดดได้

ลักษณะของกระแดด (Solar Lentigines)

  • กระแดดมีลักษณะเป็นจุดหรือแผ่นขนาดเล็ก จนถึงขนาดกลางหรือขนาดใหญ่
  • กระแดดมีรูปร่างกลมหรือรี
  • กระแดดมีขอบไม่คมชัด ไม่ชัดเจนเหมือนกับกระลึก
  • กระแดดมีสีน้ำตาลอ่อน จนไปถึงสีเหลืองจนถึงสีน้ำตาลเข้ม หรือสีดำ

สาเหตุของการเกิดกระแดด (Solar Lentigines)

  • กระแดดเกิดได้จากการสัมผัสกับแสงแดด
  • กระแดดมักเกิดในผู้สูงอายุ
  • กระแดดเกิดได้จากพันธุกรรม
  • กระแดดเกิดได้จากการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนในร่างกาย
  • กระแดดเกิดได้จากการใช้ยาบางชนิด 
  • กระแดดเกิดได้จากการบาดเจ็บหรือระคายเคืองที่ผิวหนัง

 

กระ สามารถหายเองได้ไหม ?

กระมักไม่สามารถหายได้เองตามธรรมชาติ โดยเฉพาะกระที่เกิดจากการสัมผัสกับแสงแดดและแสง UV เป็นเวลานาน ๆ หรือกระที่เกิดจากพันธุกรรม โดยสาเหตุที่ทำให้กระไม่สามารถหายได้เอง มีดังนี้

  • กระมักไม่สามารถหายได้เอง หากผิวยังได้รับแสงแดดต่อเนื่องอย่างต่อเนื่องโดยไม่มีการป้องกัน จนเกิดการกระตุ้นให้เกิดการผลิตเมลานินเพิ่มขึ้นตลอด 
  • ในผู้ที่เป็นกระจากกรรมพันธุ์ มีโอกาสเกิดกระสูง และไม่สามารถหายได้เอง เนื่องจากมีกรรมพันธุ์ที่เกี่ยวข้องกับการผลิตเมลานิน ที่มีความไวต่อแสงแดดมากกว่าคนปกติ
  • การสัมผัสแสงแดดซ้ำ ๆ เป็นเวลานาน ทำให้เกิดการเสียหายที่สะสม ทำให้กระไม่สามารถหายเองได้ และอาจลุกลามหรือเพิ่มจำนวนมากขึ้นตามอายุ
  • กระลึก เป็นกระที่ไม่สามารถจางลงได้เอง เนื่องจากเม็ดสีเมลานินฝังตัวลึกและไม่สามารถผลัดเซลล์ผิวออกได้ตามธรรมชาติ ทำให้ผู้ที่เป็นกระลึกไม่สามารถจางหายไปได้เอง

 

นอกจากกระจะไม่สามารถหายไปได้เองตามธรรมชาติแล้วนั้น กระมักจะเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ หากไม่ได้รับการรักษาที่เหมาะสมอีกด้วย ซึ่งปัจจัยที่ทำให้เกิดกระเพิ่มมากขึ้นแทนที่จะหายไปได้เอง มีดังนี้

  • ไม่มีการป้องกันแสงแดดที่เหมาะสม ทำให้ผิวยังได้รับความเสียหายกับแสงแดดอย่างต่อเนื่อง ทำให้เกิดกระเพิ่มมากขึ้นและลุกลาก กระจายตัวไปยังบริเวณอื่น ๆ
  • ฮอร์โมนและการเปลี่ยนแปลงของร่างกาย หากไม่ได้รับการรักษากระและดูแลที่เหมาะสมอาจทำให้เกิดกระเพิ่มมากขึ้น หรือทำให้กระมีสีที่เข้มขึ้นได้อีกด้วย

 

ดังนั้นหากเกิดกระบริเวณผิวหนังต่าง ๆ ควรเข้ารับการรักษากระที่ถูกต้อง พร้อมกับดูแลผิวอย่างถูกต้องสม่ำเสมอ เพื่อป้องกันไม่ให้กระเพิ่มจำนวนหรือเข้มขึ้น และลดโอกาสการเกิดกระซ้ำค่ะ

 

รวม 6 วิธีรักษากระแบบเร่งด่วน

รวม 6 วิธีรักษากระแบบเร่งด่วน

รวม 6 วิธีรักษากระแบบเร่งด่วน

วิธีการรักษากระสามารถทำได้หลากหลายวิธี ทั้งทางการแพทย์และการดูแลผิวด้วยตัวเองที่บ้าน โดยการรักษากระควรเลือกวิธีการที่เหมาะสม ตามประเภทและความลึกของเม็ดสีที่สะสมใต้ผิวหนัง สำหรับใครที่ต้องการรักษากระแบบเร่งด่วน ทำได้ ดังนี้

 

1.รักษากระด้วยการทำ Pico Laser

Pico Laser เป็นการรักษากระที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก เนื่องจากมีประสิทธิภาพสูงในการปัญหากระและปัญหาผิวต่าง ๆ สามารถทำลายเม็ดสีเมลานินในผิวหนังด้วยความเร็วสูง โดยไม่ทำให้เกิดความร้อนสะสมในผิวหนัง

การรักษากระด้วยการทำ Pico Laser เหมาะสำหรับ 

  • รักษากระด้วยการทำ Pico Laser เหมาะสำหรับกระลึก 
  • รักษากระด้วยการทำ Pico Laser เหมาะสำหรับกระตื้น
  • รักษากระด้วยการทำ Pico Laser  เหมาะสำหรับกระที่เกิดจากแสงแดด
  • รักษากระด้วยการทำ Pico Laser เหมาะสำหรับกระจากการเปลี่ยนแปลงฮอร์โมน

ข้อดีของการรักษากระด้วย Pico Laser

  • สามารถเข้าถึงและทำลายเม็ดสีที่สะสมในชั้นผิวได้ลึก
  • ไม่ทำให้ผิวบางหรือเสี่ยงต่อการเกิดแผลเป็น
  • ไม่มีการพักฟื้นที่ยาวนาน 

 

2.รักษากระด้วยการทำ Dual Yellow Laser

Dual Yellow Laser เป็นเทคโนโลยีเลเซอร์ที่สามารถทำลายเม็ดสีเมลานินในผิวหนังได้อย่างลึกซึ้งชั้นตื้นและลึกด้วยการใช้สองความยาวคลื่น 

การรักษากระด้วยการทำ  Dual Yellow Laser เหมาะสำหรับ

  • การรักษากระด้วยการทำ  Dual Yellow Laser เหมาะสำหรับกระแดด
  • การรักษากระด้วยการทำ  Dual Yellow Laser เหมาะกับคนที่มีผิวคล้ำ หรือผิวที่มีความไวต่อการรักษาด้วยเลเซอร์
  • การรักษากระด้วยการทำ  Dual Yellow Laser เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการรักษาจุดด่างดำร่วมด้วย
  • การรักษากระด้วยการทำ  Dual Yellow Laser เหมาะสำหรับกระตื้น

ข้อดีของการรักษากระด้วย Dual Yellow Laser

  • มีประสิทธิภาพสูงในการลดกระ
  • มีความแม่นยำสูงและไม่ทำให้ผิวหนังเสียหาย
  • ช่วยทำให้ผิวดูขาวกระจ่างใสขึ้น

 

3.รักษากระด้วยการทำ Fractional  Laser

Fractional Laser เป็นการรักษากระด้วยการใช้พลังงานเลเซอร์กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและช่วยในการฟื้นฟูผิว

การรักษากระด้วยการทำ Fractional  Laser เหมาะสำหรับ

  • การรักษากระด้วยการทำ Fractional  Laser เหมาะสำหรับกระแดด
  • การรักษากระด้วยการทำ Fractional  Laser เหมาะสำหรับกระลึก
  • การรักษากระด้วยการทำ Fractional  Laser เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการการรักษาที่มีความเสี่ยงน้อย
  • การรักษากระด้วยการทำ Fractional  Laser เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการผลลัพธ์ที่ยาวนาน

ข้อดีของการรักษากระด้วย Fractional  Laser

  • ลดเลือนกระได้อย่างมีประสิทธิภาพ
  • ทำให้ผิวดูกระจ่างใสขึ้น และสม่ำเสมอมากขึ้น
  • รักษาได้ลึกและละเอียด  โดยไม่ทำลายเนื้อเยื่อที่ไม่ได้รับผลกระทบ

 

4.รักษากระด้วยการทำทรีทเมนต์ PRP

การรักษากระด้วยการทำทรีตเมนต์ PRP เป็นการรักษากระที่ใช้เลือดของตัวเองเพื่อช่วยกระตุ้นการฟื้นฟูผิวหนัง และเมื่อฉีดกลับเข้าไปในบริเวณที่ต้องการรักษากระ จะช่วยลดรอยกระและปรับสภาพผิวให้ดูกระจ่างใสขึ้น

การรักษากระด้วยการทำทรีทเมนต์ PRP เหมาะสำหรับ

  • การรักษากระด้วยการทำทรีตเมนต์ PRP เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหากระตื้นๆ
  • การรักษากระด้วยการทำทรีตเมนต์ PRP เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการเห็นผลลัพธ์แบบค่อยเป็นค่อยไป
  • การรักษากระด้วยการทำทรีตเมนต์ PRP เหมาะสำหรับที่ต้องการการฟื้นฟูผิวแบบธรรมชาติและปลอดภัย

ข้อดีของการรักษากระด้วย ทรีตเมนต์ PRP

  • ช่วยฟื้นฟูผิวในหลายๆ ด้านพร้อมกัน
  • ไม่มีเวลาพักฟื้นยาวนาน
  • เป็นการรักษาด้วยวิธีธรรมชาติ จึงไม่ต้องกังวลเรื่องการแพ้สารเคมี

 

5.รักษากระด้วยการทำ Laser QS-Nd-YAG 

การรักษากระด้วยเลเซอร์ QS-Nd-YAG จะเป็นการใช้พลังงานแสงเลเซอร์ ทำลายเม็ดสีเมลานินในชั้นผิว โดยไม่ทำให้ผิวบริเวณรอบ ๆ ได้รับความเสียหาย

การรักษากระด้วย Laser QS-Nd-YAG เหมาะสำหรับ 

  • การรักษากระด้วย Laser QS-Nd-YAG เหมาะสำหรับกระแดด
  • การรักษากระด้วย Laser QS-Nd-YAG เหมาะสำหรับกระตื้น
  • การรักษากระด้วย Laser QS-Nd-YAG เหมาะสำหรับกระลึก
  • การรักษากระด้วย Laser QS-Nd-YAG ผู้ที่มีผิวแข็งแรง ไม่เคยมีประวัติการแพ้ต่อการรักษาด้วยเลเซอร์
  • การรักษากระด้วย Laser QS-Nd-YAG เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการรักษาจุดด่างดำจากแสงแดดร่วมด้วย

ข้อดีของการรักษากระด้วย Laser QS-Nd-YAG 

  • ผลลัพธ์การรักษารวดเร็ว มักจะจางลงภายในไม่กี่ครั้งหลังการรักษา
  • นอกจากกระจางลงแล้วผิวจะดูสว่างขึ้นและสีผิวสม่ำเสมอกว่าเดิม
  • ปลอดภัย มีความเสี่ยงน้อยในการเกิดผลข้างเคียง

 

6.การรักษากระด้วยการฉีดสารต่าง ๆ

วิธีการรักษากระด้วยการฉีดสารต่าง ๆ  เป็นวิธีการรักษาที่ใช้สารเคมีหรือสารที่ช่วยลดการผลิตเมลานิน ฉีดลงไปบริเวณที่มีปัญหากระ

การรักษากระด้วยการฉีดสารต่าง ๆเหมาะสำหรับ

  • การรักษากระด้วยการฉีดสารต่าง ๆ เหมาะสำหรับกระที่เกิดจากแสงแดด
  • การรักษากระด้วยการฉีดสารต่าง ๆ เหมาะสำหรับกระที่มีขนาดใหญ่หรือกระจายเป็นพื้นที่กว้าง
  • การรักษากระด้วยการฉีดสารต่าง ๆ เหมาะสำหรับกระที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงฮอร์โมน 

ข้อดีของการรักษากระด้วยการฉีดสารต่าง ๆ

  • ให้ผลลัพธ์ที่เห็นได้เร็วหลังจากการรักษา
  • ไม่ต้องการการพักฟื้นนานและสามารถกลับไปทำกิจวัตรประจำวันได้ทันที
  • ช่วยให้ผิวดูสว่างและกระจ่างใสขึ้นอย่างชัดเจน

 

การรักษากระเร่งด่วนสามารถทำได้หลายวิธี แต่ทั้งนี้เพื่อการรักษาที่เหมาะสมกับประเภทและความรุนแรงของกระในแต่ละบุคคล ควรทำการรักษาด้วยแพทย์ผู้ชำนาญการ เพื่อประสิทธิภาพในการรักษาสูงสุด

 

กระ สามารถรักษาให้หายขาดได้หรือไม่ ?

สามารถรักษากระให้ขาดได้หรือไม่ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย แต่โดยทั่วไปแล้วการรักษา กระ สามารถทำให้กระจางลงหรือทำให้ดูดีขึ้นได้ด้วยการรักษากระที่เหมาะสม แต่การหายขาดนั้นอาจเป็นไปได้ยาก เนื่องจากมีปัจจัยหลายอย่างที่ส่งผลต่อการเกิดกระอีกครั้งหลังจากการรักษากระ แต่ทั้งนี้หากรักษากระได้อย่างเหมาะสม และมีการดูแลผิวอย่างสม่ำเสมอเป็นประจำ จะสามารถลดโอกาสการเกิดกระอีกครั้งได้ค่ะ

 

กระ กับ ฝ้า ต่างกันยังไง ? 

ฝ้า (Melasma) และกระ (Freckles) เป็นปัญหาผิวที่มีลักษณะผิวที่คล้ายคลึงกัน แต่มีความแตกต่างกันหลายด้าน ดังนี้

 

  • กระและฝ้าแตกต่างกันด้านลักษณะ   

กระ (Freckles)

  • ขอบเขตค่อนข้างชัดเจน
  • เป็นจุดเล็ก ๆ สีน้ำตาลหรือสีดำ 
  • มักมีขนาดเล็ก
  • พบได้ทั่วร่างกายในบริเวณที่โดดแดดบ่อย

ฝ้า (Melasma)

  • ขอบเขตไม่ชัดเจน
  • เป็นแผ่นหรือปื้นใหญ่ ๆ สีน้ำตาลหรือสีเทา
  • ขนาดใหญ่กว่ากระ กระจายตัวไม่แน่นอน
  • มักเกิดบนใบหน้า

 

  • กระและฝ้าแตกต่างกันด้านสาเหตุการเกิด

กระ (Freckles)

  • กระมักเกิดจากการผลิตเม็ดสีเมลานินมากเกินไป จากการสัมผัสแสงแดดเป็นเวลานาน
  • การเกิดกระมักเกี่ยวกับพันธุกรรม โดยเฉพาะในคนผิวขาวหรือผิวอ่อน
  • กระเกิดได้ซ้ำเมื่อสัมผัสแสงแดดบ่อย ๆ และพบได้ตั้งแต่อายุน้อย

ฝ้า (Melasma)

  • ฝ้าเกิดจากการกระตุ้นเมลานินที่ผิดปกติในชั้นผิวหนังจากปัจจัยต่าง ๆ
  • ฝ้ามักเกิดในผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย

 

  • กระและฝ้าแตกต่างกันด้านการรักษา

ในด้านของการรักษานั้น การรักษากระมักรักษาได้ง่ายกว่าการรักษาฝ้า เนื่องจากกระมีสาเหตุการเกิดที่ไม่ซับซ้อนเท่าฝ้า และเม็ดสีเมลานินมักสะสมอยู่ในชั้นผิวที่ตื้นกว่า ในขณะที่การรักษาฝ้ามีสาเหตุการเกิดที่ซับซ้อนกว่าและเม็ดสีเมลานินในฝ้าอาจลึกถึงชั้นหนังแท้ ทำให้การรักษาเป็นไปได้ยากกว่าการรักษากระ อีกทั้งฝ้ายังมีโอกาสในการกลับมาเป็นซ้ำได้ง่ายกว่าอีกด้วย

 

  • กระและฝ้าแตกต่างกันด้านการป้องกัน
  • การเกิดกระ (Freckles) สามารเกิดซ้ำได้ยาก หากสามารถป้องกันได้ดี หากหลีกเลี่ยงแสงแดดและใช้ครีมกันแดดที่เหมาะสม 
  • ฝ้า (Melasma) มีโอกาสเกิดซ้ำสูง แม้จะมีการป้องกันแสงแดดและรักษาอย่างเหมาะสมก็ตาม เนื่องจากการเกิดฮอร์โมน และปัจจัยภายในยังคงเป็นตัวกระตุ้น

 

วิธีป้องกันการเกิดกระ

วิธีป้องกันการเกิดกระ

 

วิธีป้องกันการเกิดกระ

การป้องกันการเกิดกระ เป็นสิ่งที่ต้องทำอย่างสม่ำเสมอและมีความจำเป็นอย่างมากทั้งก่อนการรักษาและหลังการรักษากระ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดกระซ้ำขึ้นอีก โดยวิธีป้องกันการเกิดกระสามารถทำได้หลากหลายวิธี ดังนี้

 

  • ป้องกันการเกิดกระด้วยการทาครีมกันแดดสม่ำเสมอ 

การทาครีมกันแดดที่มีค่า SPF และ PA ที่มีค่าในการป้องกันแสงแดดและรังสี UV ที่เหมาะสม จะช่วยป้องกันไม่ให้ผิวได้รับความเสียหายจากแสงแดด และลดการเกิดกระหรือจุดด่างดำบนผิวหน้าได้ 

  • ป้องกันการเกิดกระด้วยการรับประทานอาหารที่มีสารต้านอนุมูลอิสระ

หากต้องการป้องกันการเกิดกระ การรับประทานอาหารที่มีสารต้านอนุมูลอิสระเป็นสิ่งที่สำคัญ เนื่องจากสารต้านอนมูลอิสระสามารถลดความเสียหายที่เกิดจากการทำลายของอนุมูลอิสระในร่างกาย ลดการอักเสบและปกป้องเซลล์ผิวจากความเสียหายที่เกิดจากปัจจัยภายนอก ที่เป็นสาเหตุของการเกิดกระได้ 

  • ป้องกันการเกิดกระด้วยการหลีกเลี่ยงการสัมผัสแสงแดด

การหลีกเลี่ยงการสัมผัสแสงแดดร้อนจัด จะช่วยให้การผลิตเมลานินลดน้อยลง ทำให้ลดการเกิดกระและจุดด่างดำบนผิวหน้าได้

  • ป้องกันการเกิดกระด้วยการใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิว

การใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวหน้าที่เหมาะสมกับสภาพผิว สามารถช่วยป้องกันการเกิดกระและจุดด่างดำได้ เนื่องจากผลิตภัณฑ์บำรุงผิวบางชนิดมีสารสกัดในการช่วยควบคุมการผลิตเมลานินหรือช่วยลดการสะสมของเมลานินในผิว ที่เป็นต้นเหตุของการเกิดกระได้

  • ป้องกันการเกิดกระด้วยการใช้เครื่องสำอางที่ได้มาตรฐาน

การใช้เครื่องสำอางที่ได้มาตรฐานสามารถช่วยป้องกันและลดโอกาสการเกิดกระได้ เนื่องจากเครื่องสำอางที่ได้มาตรฐานจะมีความปลอดภัยและมีคุณภาพสูง ทำให้ลดความเสี่ยงในการเกิดผิวอักเสบหรือผิวเกิดการระคายเคืองได้ 

กระเป็นปัญหาผิวที่เกิดจากการสะสมของเมลานินใต้ผิวหนัง ทำให้เกิดจุดสีน้ำตาลเล็ก ๆ บนผิว โดยมีปัจจัยที่กระตุ้นการเกิดกระมีหลายอย่าง เช่น แสงแดด, พันธุกรรม, ฮอร์โมน, การอักเสบของผิว หรืออายุที่เพิ่มขึ้น โดยกระสามารถเกิดขึ้นได้บริเวณที่สัมผัสแสงแดดบ่อย ๆ และมีหลายประเภท เช่น กระตื้น, กระลึก, กระเนื้อ, และกระแดด ซึ่งการรักษากระสามารถทำได้หลากหลายวิธี ทั้งการทำเลเซอร์ หรือการฉีดสารต่าง ๆ แต่การรักษากระจะได้ผลดีที่สุด หากทำร่วมกับการป้องกันแสงแดดและการดูแลผิวอย่างสม่ำเสมอ เพื่อป้องกันการเกิดกระซ้ำ

[elementor-template id="15452"]

Related Posts