Sculptra กับ Radiesse ต่างกันอย่างไร
ปัจจุบันเทคโนโลยีความงามมีการพัฒนา และก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว ซึ่งการเลือกหัตถการเพื่อฟื้นฟูผิว และกระตุ้นคอลลาเจนก็มีตัวเลือกที่หลากหลาย หนึ่งในนั้นคือ โปรแกรมฉีด Sculptra และ โปรแกรมฉีด Radiesse โดยทั้งสองตัวนี้ ถือเป็นหัตถการที่ได้รับความนิยมอย่างมากในการกระตุ้นคอลลาเจน แต่ก็มีจุดเด่นที่แตกต่างกันอยู่ในหลาย ๆ ด้าน ไม่ว่าจะเป็นส่วนประกอบ หลักการทำงาน หรือแม้แต่วิธีการฉีด บทความนี้ จะพาทุกคนไปเรียนรู้ความแตกต่างระหว่างโปรแกรมฉีด Sculptra และโปรแกรมฉีด Radiesse ว่า มีความแตกต่างกันอย่างไร? โปรแกรมฉีด Sculptra และ โปรแกรมฉีด Radiesse เหมาะกับใครบ้าง? เพื่อเป็นตัวเลือกในการประกอบการตัดสินใจสำหรับผู้ที่กำลังสนใจฉีดโปรแกรมฉีด Sculptra และโปรแกรมฉีด Radiesse
โปรแกรมฉีด Sculptra VS โปรแกรมฉีด Radiesse แตกต่างกันอย่างไร? ไขข้อสงสัยก่อนฉีด
โปรแกรมฉีด Sculptra กับ โปรแกรมฉีด Radiesse คืออะไร?

โปรแกรมฉีด Sculptra คืออะไร?
โปรแกรมฉีด Sculptra คืออะไร?
โปรแกรมฉีด Sculptra เป็นสารกระตุ้นคอลลาเจน (Biostimulator) ที่ถูกพัฒนา และผลิตโดยบริษัท Galderma Laboratories ซึ่งถือเป็นสารกระตุ้นคอลลาเจนยี่ห้อแรกของโลก ที่ได้รับการอนุมัติจากองค์การอาหารและยา ในประเทศสหรัฐอเมริกา (US FDA) และถูกนำมาใช้ในวงการแพทย์ทั่วโลก ตั้งแต่ปี 1999 โดยโปรแกรมฉีด Sculptra มีงานวิจัยรองรับถึงประสิทธิภาพมากกว่า 50 ฉบับ จึงไม่เสี่ยงอันตราย สามารถย่อยสลายได้ตามธรรมชาติ
โปรแกรมฉีด Sculptra มีส่วนประกอบหลัก คือ Poly-L-Lactic Acid (PLLA) ซึ่งเป็นสารสังเคราะห์จากพืช ที่มีคุณสมบัติในการกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน และอีลาสติน เพื่อทดแทนบริเวณที่สูญเสียคอลลาเจนไปเมื่ออายุมากขึ้น ทำให้ผิวแน่นกระชับ อิ่มฟู และลดความหย่อนคล้อยของผิวได้อย่างเป็นธรรมชาติ
โปรแกรมฉีด Radiesse คืออะไร?
โปรแกรมฉีด Radiesse คืออะไร?
โปรแกรมฉีด Radiesse เป็นสารกระตุ้นคอลลาเจน (Biostimulator) ที่ถูกพัฒนา และผลิตโดยบริษัท Merz Aesthetics ซึ่งถือเป็นสารกระตุ้นคอลลาเจนที่ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายทั่วโลก และถูกนำมาใช้ในวงการแพทย์ ตั้งแต่ปี 2006 โดยมีงานวิจัยรองรับถึงประสิทธิภาพมากกว่า 250 ฉบับ และมียอดการใช้งานมากกว่า 15 ไซริงค์ จาก 85 ประเทศทั่วโลก จึงไม่เสี่ยงอันตราย และสามารถสลายตัวได้เองตามกระบวนการธรรมชาติ
โปรแกรมฉีด Radiesse มีส่วนประกอบหลัก คือ Calcium Hydroxylapatite (CaHA) ซึ่งเป็นสารสังเคราะห์ที่ผลิตขึ้นมา เพื่อเลียนแบบสารประกอบแร่ธาตุในร่างกายมนุษย์ พบได้บ่อยในกระดูก และฟัน มีลักษณะเป็นอนุภาคทรงกลมขนาดเล็กสม่ำเสมอ มีขนาดประมาณ 25 – 45 ไมครอน โดยมีคุณสมบัติในการเติมเต็ม หรือเพิ่มปริมาตรให้ผิวในบริเวณที่ฉีด พร้อมกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนจากภายใน ทำให้ผิวเต่งตึง แน่นกระชับ และดูอ่อนเยาว์มากขึ้น
โปรแกรมฉีด Sculptra กับ โปรแกรมฉีด Radiesse แตกต่างกันอย่างไร?
โปรแกรมฉีด Sculptra กับ โปรแกรมฉีด Radiesse แตกต่างกันอย่างไร?
โปรแกรมฉีด Sculptra และโปรแกรมฉีด Radiesse มีความแตกต่างกันอยู่ในหลาย ๆ ด้าน โดยสามารถสรุปได้ ดังนี้
ส่วนประกอบหลัก
- โปรแกรมฉีด Sculptra มีส่วนประกอบหลัก คือ Poly-L-Lactic Acid (PLLA) ปริมาณ 150 mg., Sodium Carboxymethylcellulose (CMC) ปริมาณ 90 mg. และ Non-Pyrogenic Mannitol ปริมาณ 127.5 mg. ซึ่งสาร PLLA ในโปรแกรมฉีด Sculptra เป็นสารกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนจากธรรมชาติยี่ห้อแรกของโลก ที่ได้รับการรับรองจาก US FDA หรือ อย. อเมริกา โดยโปรแกรมฉีด Sculptra สามารถย่อยสลายได้ตามธรรมชาติ ไม่ทิ้งสารตกค้างไว้ในร่างกาย เหลือไว้เพียงคอลลาเจนที่ร่างกายค่อย ๆ สร้างขึ้นอย่างต่อเนื่อง
- โปรแกรมฉีด Radiesse มีส่วนประกอบหลัก คือ Calcium Hydroxylapatite (CaHA) ปริมาณ 30% ในรูปแบบ Microspheres และ Sodium Carboxymethylcellulose (CMC) ปริมาณ 70% ซึ่งเป็นเนื้อเจลที่ช่วยนำพา CaHA เข้าสู่บริเวณที่ฉีด โดย CaHA เป็นสารกระตุ้นคอลลาเจนที่สังเคราะห์ขึ้นมา เพื่อเลียนแบบแร่ธาตุที่มีอยู่ในร่างกายของมนุษย์ พบได้บ่อยในเนื้อเยื่อกระดูก และฟัน ทำให้สามารถเข้ากันได้ดีกับร่างกาย (Biocompatible) และไม่กระตุ้นให้เกิดปฏิกิริยาต่อต้านในระบบภูมิคุ้มกัน
กลไกการทำงาน
- โปรแกรมฉีด Sculptra เมื่อฉีดสาร PLLA ในโปรแกรมฉีด Sculptra เข้าไปยังบริเวณใบหน้าแล้ว สารนี้จะออกฤทธิ์ในการกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ผ่านระบบภูมิคุ้มกันในร่างกาย ซึ่งใช้กลไกการอักเสบระดับเซลล์ (Subclinical Inflammation) โดยสาร PLLA ในโปรแกรมฉีด Sculptra จะเข้าไปกระตุ้นเซลล์เม็ดเลือดขาว (Macrophages) ให้ส่งสัญญาณไปยังเซลล์ Fibroblast ให้เกิดการสร้างเส้นใยคอลลาเจน และอีลาสตินขึ้นมาใหม่ ทำให้ผิวแน่นกระชับ เต่งตึงในระยะยาว
- โปรแกรมฉีด Radiesse เมื่อฉีดสาร CaHA ในโปรแกรมฉีด Radiesse เข้าไปยังบริเวณใบหน้าแล้ว สารนี้จะออกฤทธิ์โดยตรงกับเซลล์ Fibroblast ในการก่อตัวรวมกันเป็นโครงสร้าง เพื่อกระตุ้นให้เซลล์ Fibroblast สร้างเส้นใยคอลลาเจน และอีลาสตินขึ้นมาใหม่ โดยไม่ผ่านกระบวนการอักเสบในร่างกาย
จุดเด่น
- โปรแกรมฉีด Sculptra ช่วยในการกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน Type 1 มากถึง 66.5% ตามกระบวนการธรรมชาติ พร้อมฟื้นฟูโครงสร้างผิวชั้นลึก และยกกระชับผิว รวมถึง แก้ปัญหาผิวที่หย่อนคล้อย ผิวหลวม ไม่เต่งตึง ให้กลับมาแน่นกระชับ ดูอิ่มฟูมากขึ้น
- โปรแกรมฉีด Radiesse ช่วยในการฟื้นฟูสารที่สำคัญต่อผิวถึง 5 องค์ประกอบ ได้แก่ กระตุ้นการสร้างคอลลาเจน Type 1 มากถึง 150%, กระตุ้นการสร้างคอลลาเจน Type 3 มากถึง 130%, กระตุ้นการสร้างอีลาสติน มากถึง 260%, กระตุ้นการสร้างหลอดเลือดเล็ก (Angiogenesis) และกระตุ้นการสร้างสารน้ำหล่อเลี้ยงผิว (Proteoglycan)
วิธีการฉีด
-
- โปรแกรมฉีด Sculptra จะมาในรูปแบบผงบรรจุอยู่ในขวด ซึ่งต้องมีการผสมกับน้ำเกลือปราศจากเชื้อ (Sterile Water) และใช้เครื่องเขย่าผสมตัวยาให้เป็นเนื้อเดียวกันเป็นเวลา 1 นาที ก่อนนำมาฉีดเข้าสู่ผิวหนังชั้นลึก (Deep Dermis) จากนั้นหลังฉีดโปรแกรมฉีด Sculptra เสร็จแล้ว จะต้องมีการนวดหน้าติดต่อกันเป็นเวลา 5 วัน วันละ 5 ครั้ง ครั้งละ 5 นาที เพื่อให้ตัวยากระจายตัวอย่างสม่ำเสมอทั่วบริเวณที่ฉีด และลดความเสี่ยงในการเกิดก้อน
- โปรแกรมฉีด Radiesse จะมาในรูปแบบเจลพร้อมฉีด (Pre-filled syringe) ซึ่งสามารถฉีดได้ 2 แบบ ได้แก่ แบบที่ 1 Non-diluted เป็นการฉีดแบบไม่ผสมน้ำเกลือ ใช้ฉีดเพื่อเพิ่มปริมาตรให้ผิวเฉพาะจุด คล้ายโปรแกรมฉีดฟิลเลอร์เนื้อแข็ง เช่น บริเวณคาง และกรอบหน้า ส่วนแบบที่ 2 คือ Diluted และ Hyper Diluted เป็นการฉีดแบบผสมน้ำเกลือ และยาชา ใช้ฉีดเพื่อกระตุ้นคอลลาเจนเป็นวงกว้าง โดยไม่ให้ผลลัพธ์ด้านการเติมเต็ม
จำนวนครั้งที่ฉีด
-
- โปรแกรมฉีด Sculptra โดยทั่วไป จะแนะนำให้ฉีดโปรแกรมฉีด Sculptra ประมาณ 2 – 3 ครั้ง ขึ้นอยู่กับสภาพผิวของแต่ละบุคคล ซึ่งในแต่ละครั้งควรเว้นระยะห่างสำหรับโปรแกรมฉีด Sculptra ประมาณ 4 – 6 สัปดาห์ เนื่องจากโปรแกรมฉีด Sculptra จะทำงานโดยการกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนตามธรรมชาติอย่างค่อยเป็นค่อยไป จึงต้องใช้ระยะเวลา และฉีดหลายครั้ง เพื่อให้ร่างกายสามารถสร้างคอลลาเจนได้อย่างเต็มที่ และเห็นผลลัพธ์ที่มีประสิทธิภาพสูงสุด
- โปรแกรมฉีด Radiesse โดยทั่วไป จะแนะนำให้ฉีดโปรแกรมฉีด Radiesse ประมาณ 1 – 3 ครั้ง ขึ้นอยู่กับสภาพผิวของแต่ละบุคคล ซึ่งในแต่ละครั้งควรเว้นระยะห่างกัน ประมาณ 4 สัปดาห์ เนื่องจากโปรแกรมฉีด Radiesse มีกลไกการทำงาน 2 ขั้นตอน ได้แก่ เติมเต็มในทันที และกระตุ้นคอลลาเจนในระยะยาว ซึ่งการฉีดในครั้งแรกสามารถเพิ่มปริมาตรให้ผิวได้ในทันที จากนั้นร่างกายจะเกิดการสร้างคอลลาเจนอย่างต่อเนื่องในระยะยาว แต่สำหรับผู้ที่มีปัญหาผิวค่อนข้างมาก แพทย์อาจแนะนำให้ฉีดมากกว่า 1 ครั้ง เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ชัดเจนที่สุด
ระยะเวลาเห็นผล
- โปรแกรมฉีด Sculptra ไม่สามารถเห็นผลลัพธ์ได้ทันทีหลังฉีด แต่จะเริ่มเห็นผลการเปลี่ยนแปลง ประมาณ 2 – 4 สัปดาห์ และเห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจนที่สุดหลังฉีดโปรแกรมฉีด Sculptra ภายใน 3 – 6 เดือน โดยโปรแกรมฉีด Sculptra สามารถคงอยู่ได้นานถึง 2 ปี ขึ้นอยู่กับสภาพผิวของแต่ละบุคคล
- โปรแกรมฉีด Radiesse สามารถเห็นผลลัพธ์ได้ทันทีหลังฉีด โดยเฉพาะในด้านการเติมเต็ม แต่จะเห็นผลลัพธ์ด้านการกระตุ้นคอลลาเจน ภายใน 3 – 6 เดือน โดยโปรแกรมฉีด Radiesse สามารถคงอยู่ได้นานถึง 2 ปี ขึ้นอยู่กับสภาพผิวของแต่ละบุคคล
โปรแกรมฉีด Sculptra กับ โปรแกรมฉีด Radiesse เหมาะกับใคร?
โปรแกรมฉีด Sculptra เหมาะกับใคร?
- โปรแกรมฉีด Sculptra เหมาะสำหรับ ผู้ที่มีอายุ 25 ปีขึ้นไป ผิวเสื่อมสภาพลงเรื่อย ๆ
- โปรแกรมฉีด Sculptra เหมาะสำหรับ ผู้ที่มีผิวหย่อนคล้อย เหี่ยวย่น ต้องการยกกระชับผิว
- โปรแกรมฉีด Sculptra เหมาะสำหรับ ผู้ที่มีริ้วรอย ร่องลึกตามวัยอย่างเห็นได้ชัด
- โปรแกรมฉีด Sculptra เหมาะสำหรับ ผู้ที่มีผิวหลวม ขาดความอิ่มฟู และขาดวอลุ่ม
- โปรแกรมฉีด Sculptra เหมาะสำหรับ ผู้ที่ต้องการฟื้นฟูโครงสร้างผิวจากภายใน
- โปรแกรมฉีด Sculptra เหมาะสำหรับ ผู้ที่ต้องการเติมคอลลาเจน ผิวขาดการบำรุง
- โปรแกรมฉีด Sculptra เหมาะสำหรับ ผู้ที่ต้องการปรับปรุงคุณภาพผิว
- โปรแกรมฉีด Sculptra เหมาะสำหรับ ผู้ที่ต้องการเพิ่มความหนาแน่นให้ผิว
- โปรแกรมฉีด Sculptra เหมาะสำหรับ ผู้ที่ต้องการเห็นผลลัพธ์ในระยะยาว
โปรแกรมฉีด Radiesse เหมาะกับใคร?
- โปรแกรมฉีด Radiesse เหมาะสำหรับ ผู้ที่มีอายุ 25 ปีขึ้นไป ผิวเสื่อมสภาพลงขึ้นเรื่อย ๆ
- โปรแกรมฉีด Radiesse เหมาะสำหรับ ผู้ที่มีริ้วรอย ร่องลึกตามวัยอย่างเห็นได้ชัด
- โปรแกรมฉีด Radiesse เหมาะสำหรับ ผู้ที่ต้องการเพิ่มปริมาตรให้กับผิวเฉพาะจุด
- โปรแกรมฉีด Radiesse เหมาะสำหรับ ผู้ที่มีผิวหย่อนคล้อย ห้อยย้อย ขาดความกระชับ
- โปรแกรมฉีด Radiesse เหมาะสำหรับ ผู้ที่ต้องการปรับรูปหน้าให้คมชัด ดูมีมิติ
- โปรแกรมฉีด Radiesse เหมาะสำหรับ ผู้ที่ผิวหน้าขาดวอลุ่ม ผิวไม่ยืดหยุ่น
- โปรแกรมฉีด Radiesse เหมาะสำหรับ ผู้ที่มีปัญหารอยเหี่ยวย่นบริเวณหลังมือ
- โปรแกรมฉีด Radiesse เหมาะสำหรับ ผู้ที่ต้องการเห็นผลลัพธ์ในทันที และระยะยาว
โปรแกรมฉีด Sculptra กับ โปรแกรมฉีด Radiesse มีข้อดีอย่างไร?
โปรแกรมฉีด Sculptra กับ โปรแกรมฉีด Radiesse มีข้อดีอย่างไร?
ข้อดีของโปรแกรมฉีด Sculptra
- โปรแกรมฉีด Sculptra ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน Type 1 มากถึง 66.5%
- โปรแกรมฉีด Sculptra ช่วยฟื้นฟูโครงสร้างผิวชั้นลึกจากภายใน และย้อนวัยผิวให้ดูอ่อนเยาว์
- โปรแกรมฉีด Sculptra ไม่เสี่ยงอันตราย เนื่องจาก PLLA เป็นสารสังเคราะห์จากพืช จึงไม่เป็นอันตรายต่อร่างกาย ไม่จับตัวเป็นก้อนง่าย และสามารถย่อยสลายได้ตามธรรมชาติ
- โปรแกรมฉีด Sculptra ให้ผลลัพธ์ที่ยาวนาน สามารถคงผลลัพธ์ได้นานถึง 2 ปี ขึ้นอยู่กับสภาพผิวของแต่ละบุคคล
- โปรแกรมฉีด Sculptra ให้ผลลัพธ์ที่เป็นธรรมชาติ เนื่องจากสาร PLLA จะเกิดการสร้างคอลลาเจนอย่างต่อเนื่อง ทำให้ผิวค่อย ๆ เติมเต็ม และเกิดการฟื้นฟู ผลลัพธ์ที่ได้จึงมีความเป็นธรรมชาติ
- โปรแกรมฉีด Sculptra เป็นสารกระตุ้นคอลลาเจนยี่ห้อแรกที่ได้รับการรับรองจาก อย. อเมริกา (US FDA)
- โปรแกรมฉีด Sculptra ถูกนำมาใช้ในวงการแพทย์ ตั้งแต่ปี 1999 และโปรแกรมฉีด Sculptra มีงานวิจัยระดับโลกรองรับมากกว่า 50 ฉบับ
ข้อดีของโปรแกรมฉีด Radiesse
- โปรแกรมฉีด Radiesse ช่วยเพิ่มคอลลาเจน Type 1 มากถึง 150%, เพิ่มคอลลาเจน Type 3 มากถึง 130%, เพิ่มอีลาสติน (Elastin) มากถึง 260% รวมถึง เพิ่ม Proteoglycan กักเก็บน้ำในเซลล์ผิว และเพิ่ม Angiogenesis สารอาหารผิวอีกด้วย
- โปรแกรมฉีด Radiesse สามารถเพิ่มปริมาตรให้ผิวได้ในทันทีหลังฉีด และกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในระยะยาว
- โปรแกรมฉีด Radiesse ไม่เสี่ยงอันตราย เนื่องจาก CaHA เป็นสารที่สามารถเข้ากันได้ดีกับร่างกาย จึงลดโอกาสในการเกิดปฏิกิริยาต่อต้านสิ่งแปลกปลอม
- โปรแกรมฉีด Radiesse ให้ผลลัพธ์ที่ยาวนาน สามารถคงผลลัพธ์ได้นานถึง 2 ปี ขึ้นอยู่กับสภาพผิวของแต่ละบุคคล
- โปรแกรมฉีด Radiesse ถูกนำมาใช้ในวงการแพทย์ ตั้งแต่ปี 2006 และมีงานวิจัยระดับโลกรองรับมากกว่า 250 ฉบับ
- โปรแกรมฉีด Radiesse ได้รับการรับรองมาตรฐานระดับสากลจาก อย. อเมริกา (US FDA) และ อย. ไทย (TH FDA)
Sculptra กับ Radiesse ต่างกันอย่างไร มีข้อจำกัดอะไร?
ข้อจำกัดของโปรแกรมฉีด Sculptra
- โปรแกรมฉีด Sculptra จะไม่ให้ผลลัพธ์ในทันที เนื่องจากไม่มีคุณสมบัติในการเติมเต็มเหมือนโปรแกรมฉีดฟิลเลอร์ หรือโปรแกรมฉีด Radiesse จึงต้องใช้ระยะเวลาในการเห็นผล เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการผลลัพธ์ที่เป็นธรรมชาติ และค่อยเป็นค่อยไป
- โปรแกรมฉีด Sculptra ต้องใช้เวลาในการเตรียม และผสมก่อนฉีด เพื่อให้ได้สารที่พร้อมใช้งาน โดยจะต้องใช้เครื่องเขย่าให้เข้ากันเป็นเวลา 1 นาที ซึ่งแตกต่างจาก โปรแกรมฉีด Radiesse ที่ไม่ต้องมีการเตรียมผสม สามารถนำมาฉีดได้ทันที
- โปรแกรมฉีด Sculptra ต้องมีการนวดหลังฉีด เพื่อให้ PLLA กระจายตัวได้ดี และป้องกันการเกิดก้อน ซึ่งแตกต่างจากโปรแกรมฉีด Radiesse ที่ไม่ต้องมีการนวดหลังฉีด หากไม่นวดตามคำแนะนำของแพทย์ อาจทำให้เกิดก้อนใต้ผิวหนังได้
ข้อจำกัดของโปรแกรมฉีด Radiesse
- โปรแกรมฉีด Radiesse มีระดับความยากในการฉีดมากกว่า โปรแกรมฉีด Sculptra จึงต้องฉีดโดยแพทย์ที่มีความรู้ และความชำนาญสูง
- โปรแกรมฉีด Radiesse อาจมีความเสี่ยงที่จะเกิดรอยแผลเป็นนูน หรือคีลอยด์ได้ในบริเวณที่ฉีด หากฉีดโดยแพทย์ที่ไม่มีความชำนาญ
โปรแกรมฉีด Sculptra กับ โปรแกรมฉีด Radiesse ฉีดร่วมกันได้ไหม?
โดยทั่วไป โปรแกรมฉีด Sculptra และโปรแกรมฉีด Radiesse สามารถฉีดร่วมกันได้ หากฉีดในบริเวณที่แตกต่างกัน แต่สำหรับผู้ที่ต้องการทำโปรแกรมฉีด Sculptra และโปรแกรมฉีด Radiesse ในบริเวณเดียวกัน ควรเว้นระยะห่างในการฉีด ประมาณ 1 – 3 เดือน เพื่อลดความเสี่ยงในการเกิดผลข้างเคียง ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับการพิจารณาของแพทย์ ซึ่งแพทย์จะเป็นผู้ประเมินสภาพผิว และปัญหาของแต่ละบุคคล เพื่อวางแผนการรักษาที่เหมาะสม
โปรแกรมฉีด Sculptra กับ โปรแกรมฉีด Radiesse แตกต่างจากโปรแกรมฉีดฟิลเลอร์อย่างไร?
การทำโปรแกรมฉีด Sculptra และโปรแกรมฉีด Radiesse มีความแตกต่างจากโปรแกรมฉีดฟิลเลอร์ในหลาย ๆ ด้าน ทั้งในด้านของส่วนประกอบ กลไกการทำงาน และผลลัพธ์ที่ได้ โดยโปรแกรมฉีด Sculptra, โปรแกรมฉีด Radiesse และโปรแกรมฉีดฟิลเลอร์มีความแตกต่างกัน ดังนี้
- โปรแกรมฉีด Sculptra มีส่วนประกอบหลัก คือ Poly-L-lactic acid (PLLA) เป็นสารสังเคราะห์จากพืช ซึ่งทำหน้าที่ในการกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ผ่านระบบภูมิคุ้มกัน หรือกระบวนการอักเสบในร่างกาย โดยจะกระตุ้นเซลล์เม็ดเลือดขาวให้ส่งสัญญาณไปยังเซลล์ Fibroblast ให้เริ่มผลิตคอลลาเจน และอีลาสตินขึ้นมาใหม่ ทำให้ผิวค่อย ๆ แน่นกระชับ เต่งตึง และดูอ่อนเยาว์จากภายใน ซึ่งโปรแกรมฉีด Sculptra เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการฟื้นฟูโครงสร้างผิว มีปัญหาผิวหย่อนคล้อย และสูญเสียคอลลาเจนในระดับลึก โดยไม่เน้นหวังผลด้านการเติมเต็ม โปรแกรมฉีด Sculptra สามารถคงผลลัพธ์ได้นานถึง 2 ปี ขึ้นอยู่กับสภาพผิวของแต่ละบุคคล
- โปรแกรมฉีด Radiesse มีส่วนประกอบหลัก คือ Calcium Hydroxylapatite (CaHA) เป็นสารสังเคราะห์ที่เลียนแบบสารประกอบแร่ธาตุในร่างกาย โดยเฉพาะกระดูก และฟัน ซึ่งทำหน้าที่ในการกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในระยะยาว และเพิ่มปริมาตรให้ผิวในบริเวณที่ฉีดทันที โดยจะเข้าไปกระตุ้นการทำงานของเซลล์ Fibroblast โดยตรง ไม่ผ่านกระบวนการอักเสบ ทำให้เกิดการสร้างคอลลาเจน และอีลาสตินเพิ่มขึ้น ส่งผลให้ผิวมีความหนาแน่น ยืดหยุ่น และตึงกระชับ เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการเติมเต็มในบริเวณที่สูญเสียปริมาตร เช่น กรอบหน้า คาง หรือขมับ ซึ่งสามารถคงผลลัพธ์ได้นานถึง 2 ปี ขึ้นอยู่กับสภาพผิวของแต่ละบุคคล
- โปรแกรมฉีดฟิลเลอร์ มีส่วนประกอบหลัก คือ Hyaluronic Acid (HA) เป็นสารสังเคราะห์ที่เลียนแบบสารที่มีอยู่ในผิวหนัง ซึ่งทำหน้าที่ในการเติมเต็มริ้วรอย ร่องลึก เพิ่มปริมาตรให้ผิว และปรับรูปหน้าเฉพาะจุดได้อย่างแม่นยำ โดย Hyaluronic Acid มีคุณสมบัติในการดูดซับน้ำ และเพิ่มความชุ่มชื้น เมื่อฉีดเข้าสู่ผิว จะเข้าไปเติมเต็มในบริเวณที่ฉีด ทำให้ดูอิ่มฟูขึ้นทันที ซึ่งสามารถฉีดได้หลากหลายบริเวณ เช่น ใต้ตา ริมฝีปาก ขมับ หน้าแก้ม กรอบหน้า หรือคาง เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการเติมเต็มเฉพาะจุด มีปัญหาริ้วรอย ร่องลึก และรูปหน้าไม่ได้สัดส่วน ซึ่งโดยทั่วไป โปรแกรมฉีดฟิลเลอร์สามารถคงผลลัพธ์ได้นานถึง 6 – 18 เดือน ขึ้นอยู่กับสภาพผิว และยี่ห้อโปรแกรมฉีดฟิลเลอร์ที่ใช้ แต่จะให้ผลลัพธ์ไม่ยาวนานเท่ากับการฉีดโปรแกรมฉีด Sculptra หรือโปรแกรมฉีด Radiesse จึงต้องมีการฉีดเพิ่มอยู่บ่อย ๆ
วิธีการเตรียมตัวก่อนโปรแกรมฉีด Sculptra กับ โปรแกรมฉีด Radiesse
- ก่อนฉีดโปรแกรมฉีด Sculptra กับโปรแกรมฉีด Radiesse ควรปรึกษาแพทย์ก่อนตัดสินใจ เพื่อให้แพทย์ประเมินสภาพผิว และรับคำแนะนำอย่างเหมาะสม
- ก่อนฉีดโปรแกรมฉีด Sculptra กับโปรแกรมฉีด Radiesse ควรแจ้งประวัติการแพ้ยา โรคประจำตัว ยาที่รับประทานเป็นประจำ รวมถึง ประวัติการทำหัตถการอื่น ๆ ให้แพทย์ทราบอย่างละเอียด
- ก่อนฉีดโปรแกรมฉีด Sculptra กับโปรแกรมฉีด Radiesse งดใช้ยา หรือวิตามินบางชนิดที่ส่งผลต่อการแข็งตัวของเลือด เช่น แอสไพริน (Aspirin) หรือไอบูโพรเฟน (Ibuprofen) อย่างน้อย 1 – 2 สัปดาห์ก่อนฉีดโปรแกรมฉีด Sculptra และโปรแกรมฉีด Radiesse
- ก่อนฉีดโปรแกรมฉีด Sculptra กับโปรแกรมฉีด Radiesse งดดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ อย่างน้อย 48 ชั่วโมงก่อนฉีด
- ก่อนฉีดโปรแกรมฉีด Sculptra กับโปรแกรมฉีด Radiesse งดสูบบุหรี่ อย่างน้อย 48 ชั่วโมงก่อนฉีด
- ก่อนฉีดโปรแกรมฉีด Sculptra กับโปรแกรมฉีด Radiesse งดการใช้ผลิตภัณฑ์ผลัดเซลล์ผิวที่มีส่วนผสมของ AHA, BHA หรือ Retinol รวมถึง การสครับผิว อย่างน้อย 1 – 2 สัปดาห์ก่อนฉีดโปรแกรมฉีด Sculptra และโปรแกรมฉีด Radiesse
- ก่อนฉีดโปรแกรมฉีด Sculptra กับโปรแกรมฉีด Radiesse ควรพักผ่อนให้เพียงพอ และดูแลสุขภาพร่างกายให้แข็งแรง เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการฉีดโปรแกรมฉีด Sculptra และ โปรแกรมฉีด Radiesse
วิธีการดูแลตัวเองหลังโปรแกรมฉีด Sculptra กับ โปรแกรมฉีด Radiesse
- หลังฉีดโปรแกรมฉีด Sculptra กับโปรแกรมฉีด Radiesse งดแต่งหน้าในบริเวณที่ฉีด อย่างน้อย 12 – 24 ชั่วโมง เพื่อลดความเสี่ยงในการติดเชื้อ
- หลังฉีดโปรแกรมฉีด Sculptra กับโปรแกรมฉีด Radiesse งดออกกำลังกายอย่างหนัก หรือกิจกรรมที่ทำให้เลือดสูบฉีด อย่างน้อย 2 – 3 วันแรกหลังฉีด
- หลังฉีดโปรแกรมฉีด Sculptra กับโปรแกรมฉีด Radiesse งดกด นวด บีบ หรือสัมผัสในบริเวณที่ฉีดโปรแกรมฉีด Sculptra และโปรแกรมฉีด Radiesse ประมาณ 1 – 2 สัปดาห์
- หลังฉีดโปรแกรมฉีด Sculptra กับโปรแกรมฉีด Radiesse งดการอยู่ท่ามกลางแสงแดดโดยตรง ประมาณ 1 – 2 สัปดาห์
- หลังฉีดโปรแกรมฉีด Sculptra กับโปรแกรมฉีด Radiesse งดความร้อนทุกรูปแบบ เช่น การอบไอน้ำ ทำเลเซอร์ หรือหัตถการที่ใช้ความร้อนบนใบหน้า อย่างน้อย 1 – 2 สัปดาห์หลังฉีดโปรแกรมฉีด Sculptra และโปรแกรมฉีด Radiesse
- หลังฉีดโปรแกรมฉีด Sculptra กับโปรแกรมฉีด Radiesse งดดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ อย่างน้อย 48 ชั่วโมง
- หลังฉีดโปรแกรมฉีด Sculptra กับโปรแกรมฉีด Radiesse งดสูบบุหรี่ อย่างน้อย 48 ชั่วโมง
- หลังฉีดโปรแกรมฉีด Sculptra กับโปรแกรมฉีด Radiesse ควรสังเกตอาการผิดปกติ หากมีอาการบวมแดง เป็นก้อน หรือมีหนอง ควรพบแพทย์ทันที
ถาม – ตอบเกี่ยวกับโปรแกรมฉีด Sculptra และ โปรแกรมฉีด Radiesse
ถาม – ตอบเกี่ยวกับ Sculptra กับ Radiesse ต่างกันอย่างไร
โปรแกรมฉีด Sculptra กับ โปรแกรมฉีด Radiesse ไม่เหมาะกับใคร?
- โปรแกรมฉีด Sculptra กับโปรแกรมฉีด Radiesse ไม่เหมาะสำหรับ ผู้ที่แพ้ส่วนประกอบใน โปรแกรมฉีด Sculptra และโปรแกรมฉีด Radiesse เช่น Poly-L-lactic acid (PLLA), Calcium Hydroxylapatite (CaHA) หรือ Carboxymethylcellulose (CMC)
- โปรแกรมฉีด Sculptra กับโปรแกรมฉีด Radiesse ไม่เหมาะสำหรับ ผู้ที่มีปัญหาผิวติดเชื้อ หรืออักเสบในบริเวณที่ฉีด ควรหลีกเลี่ยงจนกว่าผิวจะหายดี
- โปรแกรมฉีด Sculptra กับโปรแกรมฉีด Radiesse ไม่เหมาะสำหรับ ผู้ที่กำลังตั้งครรภ์ หรือให้นมบุตร
- โปรแกรมฉีด Sculptra กับโปรแกรมฉีด Radiesse ไม่เหมาะสำหรับ ผู้ที่มีภาวะเลือดออกผิดปกติ หรือมีปัญหาเกี่ยวกับการแข็งตัวของเลือด
- โปรแกรมฉีด Sculptra กับโปรแกรมฉีด Radiesse ไม่เหมาะสำหรับ ผู้ที่มีประวัติการเกิดแผลคีลอยด์ (Keloid)
- โปรแกรมฉีด Sculptra กับโปรแกรมฉีด Radiesse ไม่เหมาะสำหรับ ผู้ที่มีโรคประจำตัว เช่น โรคแพ้ภูมิตัวเอง (SLE)
โปรแกรมฉีด Sculptra กับ โปรแกรมฉีด Radiesse เจ็บไหม?
- การฉีดโปรแกรมฉีด Sculptra อาจมีความรู้สึกเจ็บเล็กน้อยในบริเวณที่ฉีด ซึ่งเป็นความเจ็บในระดับที่สามารถทนได้ โดยทั่วไป จะมีการทายาชา หรือฉีดยาชาในบริเวณที่ฉีดโปรแกรมฉีด Sculptra เพื่อลดความเจ็บปวดระหว่างการฉีดลง ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับเทคนิคในการฉีดของแพทย์ และน้ำหนักมือของแพทย์ในแต่ละคน
- การฉีดโปรแกรมฉีด Radiesse อาจมีความรู้สึกเจ็บเล็กน้อยคล้ายกับโปรแกรมฉีด Sculptra ซึ่งเป็นความเจ็บในระดับที่สามารถทนได้ โดยทั่วไป จะมีการทายาชา หรือฉีดยาชาในบริเวณที่ฉีด เพื่อลดความเจ็บปวดระหว่างการฉีดลง ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับเทคนิคในการฉีดของแพทย์ และน้ำหนักมือของแพทย์ในแต่ละคน
โปรแกรมฉีด Sculptra กับ โปรแกรมฉีด Radiesse อยู่ได้นานแค่ไหน?
- โปรแกรมฉีด Sculptra โดยทั่วไป ผลลัพธ์จากการฉีดโปรแกรมฉีด Sculptra สามารถอยู่ได้นานถึง 2 ปี หรือมากกว่านั้น ขึ้นอยู่กับสภาพผิวของแต่ละบุคคล การดูแลตัวเองหลังฉีด และจำนวนครั้งที่ฉีด
- โปรแกรมฉีด Radiesse โดยทั่วไป ผลลัพธ์จากการฉีดโปรแกรมฉีด Radiesse สามารถอยู่ได้นานถึง 2 ปี หรือมากกว่านั้น ขึ้นอยู่กับสภาพผิวของแต่ละบุคคล การดูแลตัวเองหลังฉีด และจำนวนครั้งที่ฉีดเหมือนกับโปรแกรมฉีด Sculptra
โปรแกรมฉีด Sculptra กับ โปรแกรมฉีด Radiesse มีผลข้างเคียงอะไรบ้าง?
โปรแกรมฉีด Sculptra และโปรแกรมฉีด Radiesse แม้จะเป็นหัตถการที่ไม่เสี่ยงอันตราย แต่ก็อาจมีผลข้างเคียงที่เกิดขึ้นได้หลังการฉีด โดยส่วนใหญ่เป็นผลข้างเคียงที่ไม่รุนแรง ดังนี้
- หลังโปรแกรมฉีด Sculptra และโปรแกรมฉีด Radiesse อาจเกิดอาการบวมแดงในบริเวณที่ฉีด ซึ่งสามารถหายได้เอง ภายใน 2 – 3 วัน
- หลังโปรแกรมฉีด Sculptra และโปรแกรมฉีด Radiesse อาจเกิดรู้สึกปวดตึงในบริเวณที่ฉีด ซึ่งสามารถหายได้เอง ภายใน 2 – 3 วัน
- หลังโปรแกรมฉีด Sculptra และโปรแกรมฉีด Radiesse อาจเกิดรอยฟกช้ำในบริเวณที่ฉีด ซึ่งสามารถหายได้เอง ภายใน 1 – 2 สัปดาห์
- หลังโปรแกรมฉีด Sculptra และโปรแกรมฉีด Radiesse หากเกิดอาการผิดปกติ เช่น เป็นก้อน ติดเชื้อ หรือผิวเปลี่ยนสี ควรแจ้งให้แพทย์ทราบ หรือรีบไปพบแพทย์ทันที
โปรแกรมฉีด Sculptra และโปรแกรมฉีด Radiesse ถือเป็นสารกระตุ้นคอลลาเจนที่ช่วยฟื้นฟูผิวให้กลับมาอ่อนเยาว์ทั้งคู่ แต่ก็มีส่วนประกอบ และกลไกการทำงานที่แตกต่างกันอย่างชัดเจน โดยโปรแกรมฉีด Sculptra มีส่วนประกอบหลักคือ PLLA เน้นกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในระยะยาว ไม่หวังผลด้านการเติมเต็ม ซึ่งผลลัพธ์ที่ได้จะค่อยเป็นค่อยไป และมีความเป็นธรรมชาติ เหมาะสำหรับการกระตุ้นคอลลาเจนเป็นบริเวณกว้าง และแก้ไขปัญหาผิวหย่อนคล้อยอย่างมีประสิทธิภาพ ในขณะที่โปรแกรมฉีด Radiesse มีส่วนประกอบหลักคือ CaHA ซึ่งให้ผลลัพธ์แบบ 2 ขั้นตอน ทั้งเติมเต็มปริมาตรในทันที และกระตุ้นคอลลาเจนในระยะยาว เหมาะสำหรับเติมเต็มเฉพาะจุด เช่น คาง ขมับ หรือกรอบหน้า ดังนั้น การเลือกทำระหว่างโปรแกรมฉีด Sculptra และโปรแกรมฉีด Radiesse ขึ้นอยู่กับปัญหาผิว และความต้องการของแต่ละบุคคล แนะนำให้เข้ามาปรึกษาแพทย์ได้ที่ รมย์รวินท์คลินิก ทุกสาขา เพื่อรับคำแนะนำที่เหมาะสมก่อนตัดสินใจฉีดโปรแกรมฉีด Sculptra และโปรแกรมฉีด Radiesse