ส่องกระจกมองตอนไหนก็มักจะเห็นสิวขึ้นที่คางอยู่เสมอจนทำให้หงุดหงิดใจ แต่เคยสงสัยกันบ้างไหมว่าสิวที่คางนั้นเกิดจากสาเหตุอะไร วันนี้ใครที่กำลังเป็นสิวที่คางอยู่ห้ามพลาด เพราะบทความนี้รมย์รวินท์จะมาเฉลยทุกอย่างเกี่ยวกับสิวที่คาง ตั้งแต่สาเหตุ วิธีการรับมือ ไปจนถึงการป้องกัน ใครที่กำลังเป็นสิวที่คางอยู่ต้องถูกใจบทความนี้อย่างแน่นอน
สิวที่คางคืออะไร?
สิวที่คาง เป็นลักษณะสิวประเภทต่าง ๆ เช่น สิวอุดตัน สิวอักเสบ ฯลฯ มักจะเกิดขึ้นบริเวณคาง ไปจนถึงช่วงกรอบหน้า เมื่อสัมผัสแล้วจะเป็นตุ่มนูน และรู้สึกได้ว่ามีหัวสิวอยู่ภายใน ถือเป็นลักษณะกลุ่มโรคทางผิวหนังหรือโรคสิว (Acne Vulgaris) โดยสิวที่คางเกิดจากหลากหลายสาเหตุ ส่วนใหญ่มักจะเกิดจากการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนภายในร่างกาย การระคายเคืองผิวหนัง และการอุดตันในรูขุมขน เป็นต้น
สาเหตุของสิวที่คาง
สาเหตุของการเกิดสิวที่คางสามารถเกิดขึ้นได้จากหลากหลายสาเหตุ ซึ่งโดยส่วนใหญ่แล้วสิวที่คางเกิดจากสาเหตุดังต่อไปนี้
- ฮอร์โมน : ฮอร์โมนเป็นสาเหตุหลัก ๆ ของสิวที่คาง เมื่อฮอร์โมนในร่างกายมีความแปรปรวนโดยเฉพาะฮอร์โมนกลุ่ม Androgen ที่เพิ่มปริมาณสูงขึ้นในช่วงก่อนมีประจำเดือน ช่วงเข้าสู่วัยรุ่น หรือช่วงที่เครียด พักผ่อนไม่เพียงพอ ฯลฯ ก็จะทำให้ต่อมไขมันเกิดการสร้างซีบัมมากขึ้นจนผิวมัน และผิวหนังมีการผลัดเซลล์ออกมามากผิดปกติจนเกิดการอุดตันเป็นสิว หรือที่หลายคนเรียกติดปากว่าสิวฮอร์โมน
- การใส่แมสก์เป็นประจำ : การสวมใส่แมสก์เป็นประจำเพื่อป้องกันฝุ่นละออง เชื้อไวรัสก็เป็นอีกหนึ่งสาเหตุที่ทำให้เกิดสิวที่คาง เพราะการเสียดสีในขณะที่ใส่แมสก์จะทำให้ผิวบริเวณคางเกิดการระคายเคืองขึ้นได้ นอกจากนั้นยังทำเกิดความอับชื้นจากเหงื่อจึงยิ่งกระตุ้นทำให้เกิดการอุดตันขึ้น
- การสะสมของเชื้อแบคทีเรีย และสิ่งสกปรก : เชื้อแบคทีเรีย และสิ่งสกปรกที่เกิดจากการสัมผัสผิวบริเวณคาง หรือจากเหงื่อ เมื่อเกิดสะสมมากขึ้นจะยิ่งกระตุ้นทำให้เกิดการอุดตัน และทำให้เกิดสิวที่คางได้ในที่สุด
- การอุดตันของสกินแคร์ และเครื่องสำอางที่ใช้ : สาเหตุการเกิดสิวขึ้นที่คางสาเหตุสุดท้ายคือการใช้สกินแคร์ และเครื่องสำอางที่มีส่วนผสมทำให้เกิดการอุดตัน เช่น ซิลิโคน เป็นต้น
ประเภทของสิวที่คาง
เคยสังเกตไหมว่าสิวที่คางมีหลากหลายประเภท วันนี้รมย์รวินท์จะพาไปรู้จักกับประเภทสิวที่คางว่าแต่ละแบบมีลักษณะอย่างไร ต้องรับมือแบบไหน ดังต่อไปนี้
สิวอักเสบที่คาง
สิวอักเสบที่คางเป็นสิวที่เกิดจากการอุดตัน และเกิดการอักเสบขึ้นจากการกระตุ้นด้วยสิ่งสกปรกเชื้อโรคแบคทีเรียที่เข้าสู่รูขุมขน ซึ่งสิวอักเสบจะมีลักษณะเป็นตุ่มนูน บวมแดง และมีหนองอยู่ภายใน โดยเมื่อสัมผัสโดนสิวอักเสบจะรู้สึกปวด เจ็บได้
สิวอุดตันที่คาง
สิวอุดตันที่คางเป็นลักษณะสิวที่เกิดจากการอุดตันของไขมัน ที่จับตัวกับเซลล์ผิวที่ตายแล้วจนทำให้เกิดลักษณะตุ่มนูนเป็นไตแข็ง ๆ เมื่อลูบหรือจับโดนจะรู้สึกว่าผิวไม่เรียบเนียน โดยสิวอุดตันสามารถแบ่งออกได้เป็น สิวอุดตันหัวเปิด และสิวอุดตันหัวปิด ซึ่งสิวอุดตันที่คางหากปล่อยไว้ใต้ผิวนาน ในอนาคตอาจเกิดการอักเสบจนกลายเป็นสิวอักเสบได้
สิวไม่มีหัวที่คาง
สิวไม่มีหัวที่คางเป็นลักษณะสิวที่ไม่สามารถมองเห็นหัวสิวได้ด้วยตาเปล่า เป็นตุ่มนูนแดง จัดเป็นสิวอักเสบชนิดหนึ่ง โดยเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุไม่ว่าจะเป็นการอุดตันของไขมัน และสิ่งสกปรกบนใบหน้า ความเครียด พักผ่อนไม่เพียงพอ ระดับฮอร์โมนที่เปลี่ยนแปลง หรือการใช้ยาคุมกำเนิด ก็ทำให้เป็นสิวที่คางไม่มีหัวได้ สิวที่คางประเภทนี้ไม่ควรแกะ บีบสิว หรือกดสิว เพราะจะทำให้เกิดการอักเสบมากขึ้น
เป็นสิวที่คางหรือเพราะปัญหาด้านผิวหนังอื่นๆ
นอกจากสิวที่คางแล้ว ยังมีปัญหาผิวหนังชนิดอื่น ๆ ที่มีลักษณะอาการคล้ายคลึงกับสิวที่คางมาก เราลองมาเช็กกันก่อนว่าอาการที่เป็นอยู่ใช่ปัญหาด้านผิวหนังอื่น ๆ หรือไม่
สิวเสี้ยนที่คาง
สิวเสี้ยนที่คางเกิดจากสาเหตุที่คล้ายกับสิวใต้คาง คือเกิดจากการอุดตันในรูขุมขนของไขมันหรือสิ่งสกปรก นอกจากนี้อาจเกิดจากอาการแพ้ผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ที่ใช้ในชีวิตประจำวัน เช่น ยาสีฟัน น้ำยาบ้วนปาก ครีมโกนหนวด ยาสระผม เป็นต้น
ขนคุดที่คาง
ขนคุดที่คาง มักเกิดขึ้นกับผู้ชายเมื่อโกนหนวดอย่างไม่ถูกวิธี เช่น กดแรงเกินไป ใบมีดไม่คม โกนหนวดย้อนแนวเส้นขน ก็จะทำให้เกิดเป็นขนคุดที่คาง ทำให้เกิดความระคายเคือง และอักเสบกลายเป็นสิวขึ้นที่คางหรือสิวขึ้นรอบปากได้ ส่วนใหญ่จะเกิดขึ้นกับผู้ที่มีขนหยิกมากกว่าขนตรง
ผื่นแพ้ที่คาง
ผื่นแพ้ที่คาง เป็นอาการผิวหนังอักเสบที่แตกต่างจากสิวขึ้นใต้คาง โดยเกิดจากเชื้อรา เชื้อแบคทีเรียอักเสบในรูขุมขน แล้วส่งผลต่อผิวหนังเป็นบริเวณกว้าง เกิดขึ้นได้ทั้งบริเวณใต้คางและบริเวณรอบปาก มีลักษณะเป็นผื่นแพ้หรือตุ่มแดงที่มีลักษณะคล้ายสิวแต่ไม่ใช่สิว และอาจมีอาการคันร่วมด้วย ผื่นแพ้ที่คางสามารถรักษาได้ โดยใช้ยาทาภายนอกประเภทต่าง ๆ
รูขุมขนอักเสบ
รูขุมขนอักเสบที่คาง เกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรียหรือเชื้อราในรูขุมขน สามารถเกิดขึ้นได้ทั่วร่างกายที่มีรูขุมขนรวมถึงบริเวณใต้คาง มีลักษณะเป็นตุ่มแดง ตุ่มหัวหนองที่มีเส้นขนอยู่ตรงกลาง คล้ายกับสิวหัวหนอง แต่จะไม่มีการอุดตัน จึงทำให้อาจเข้าใจผิดว่าเป็นสิวที่คางได้ รูขุมขนอักเสบที่คางสามารถหายเองได้ด้วยการใส่ใจดูแลรักษาความสะอาด
สิวที่คางเกิดจากโรคต่างๆ ได้หรือไม่?
สิวที่คาง นอกจากจะเกิดจากสิ่งสกปรกอุดตันในรูขุมขนแล้ว ยังมีสาเหตุปัจจัยภายในอื่น ๆ ที่ทำให้เป็นสิวที่คาง ไม่ว่าจะเป็นการรับประทานอาหารรสจัด อาหารที่มีส่วนผสมของนม รับประทานไม่เป็นเวลา จนทำให้เกิดความผิดปกติในกระเพาะอาหาร และลำไส้เล็ก หรือรวมไปถึงระดับฮอร์โมนภายในร่างกายเกิดเปลี่ยนแปลง ก็ทำให้เกิดสิวขึ้นที่คางได้
นอกจากนั้นสิวที่คางยังบ่งบอกถึงอาการเบื้องต้นของโรคต่าง ๆ เช่น ความผิดปกติของต่อมไร้ท่อ ที่ทำให้ฮอร์โมนแปรปรวน, โรค PCOS (Polycystic ovarian Syndrome) ที่เป็นความผิดปกติในมดลูก ทำให้ผู้หญิงมีฮอร์โมนเพศชายมากว่าปกติ และโรค CAH (Congenital adrenal hyperplasia) ที่ทำให้เกิดภาวะผิดปกติของฮอร์โมนจากต่อมหมวกไต ก็ทำให้เกิดสิวที่คางขึ้นได้
สิวที่คางสามารถหายเองได้หรือไม่?
หากปล่อยให้สิวที่คางหายเองสิวจะหายหรือไม่? จริง ๆ แล้วสิวที่คางหากปล่อยให้หายเองสามารถหายได้เช่นกันค่ะ แต่จะต้องใช้เวลาค่อนข้างนานเพื่อให้สิวที่คางหาย อย่างไรก็ตามการปล่อยสิวที่คางไว้นาน แน่นอนว่าปัญหาที่ตามมาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ก็คือปัญหาหลุมสิว ทำให้ผิวมีลักษณะขรุขระ รอยบุ๋ม และสามารถสังเกตเห็นได้ชัดว่าผิวมีความไม่เรียบเนียน จนต้องรักษาหลุมสิวด้วยวิธีต่าง ๆ ต่ออีก เช่น การกรอผิว การเซาะพังผืด เลเซอร์หลุมสิว เป็นต้น
วิธีรักษาสิวที่คางด้วยตัวเอง
สิวที่คางหากมีปริมาณ และความรุนแรงของสิวไม่เยอะ การรักษาสิวที่คางด้วยตนเองก็สามารถทำได้เช่นกัน ซึ่งวิธีรักษาสิวที่คางด้วยตัวเองสามารถทำได้ดังต่อไปนี้
- ดื่มน้ำ และนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ
- ทำความสะอาดผิวหน้าแบบ Double cleansing ไม่ว่าจะแต่งหน้า หรือทากันแดดเป็นประจำ
- เลือกใช้สกินแคร์ให้เหมาะสมกับปัญหา และสภาพผิว
- หลีกเลี่ยงการสัมผัสผิวหน้าโดยไม่จำเป็น หากต้องสัมผัสควรล้างมือให้สะอาดก่อนเสมอ
- ไม่แกะ เกา บีบสิว เพราะทำให้เชื้อโรคเข้าสู่รูขุมขนได้ง่าย และจะยิ่งเพิ่มความอักเสบ
- หากเป็นสิวอักเสบแนะนำให้ทายาแต้มสิว หรือใช้แผ่นแปะสิวเพื่อลดการอักเสบ
- เลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ เน้นอาหารประเภทผัก ผลไม้ นมจากพืช เครื่องดื่มที่ปราศจากความหวาน เป็นต้น
- ใส่ใจเรื่องความสะอาดของใช้ส่วนตัว เช่น ผ้าขนหนู ปลอกหมอน ผ้าปูที่นอน ผ้าเช็ดหน้า เป็นต้น
- ไม่ควรปล่อยให้ผมสกปรก ควรสระผมอย่างสม่ำเสมอ โดยเฉพาะผู้ที่มีผมยาว เพราะเส้นผมที่สกปรกอาจไปโดนสิวที่คาง และยิ่งกระตุ้นให้เกิดสิวเพิ่มขึ้นได้
สิวที่คางแบบไหนถึงควรพบแพทย์
ในบางครั้งสิวที่คางบางลักษณะก็ไม่ควรนิ่งนอนใจ เพราะสิวที่คางในลักษณะนี้อาจเป็นสัญญาณเตือนว่าถึงเวลาที่ต้องพบแพทย์ได้แล้ว โดยใครที่มีลักษณะสิวที่คางดังต่อไปนี้ ไม่ควรปล่อยไว้ หรือรักษาด้วยตนเอง
- เกิดสิวที่คางในจุดเดิมซ้ำ ๆ
- มีสิวอักเสบ สิวอุดตัน สิวไม่มีหัว สิวหัวช้างบริเวณคางจำนวนมาก และรุนแรง
- รักษาด้วยตัวเองแล้วอาการไม่ดีขึ้น
หากใครมีลักษณะสิวที่คางดังต่อไปนี้ ไม่ควรปล่อยไว้นานนะคะ เพราะอาจทำให้ความรุนแรงของสิวเพิ่มมากขึ้นได้ ที่สำคัญการปล่อยปัญหาสิวทิ้งไว้นานจะยิ่งทำให้เกิดรอยสิวโดยเฉพาะรอยดำ และหลุมสิวรุนแรงกว่าเดิมได้ ฉะนั้นหากมีสิวที่คางในลักษณะนี้แนะนำให้พบแพทย์ผิวหนังเพื่อวินิจฉัยหาสาเหตุของสิว และรักษาตามความเหมาะสม
วิธีรักษาสิวที่คางด้วยการพบแพทย์
เมื่อเป็นสิวที่คางแล้วทำการรักษาด้วยตนเอง หากเริ่มสังเกตเห็นว่าระดับความรุนแรงของสิวที่ขึ้นเริ่มมีมากขึ้นผิดปกติ การรักษาด้วยตนเองนั้นอาจจะต้องเปลี่ยนมาสู่การพบแพทย์ผู้เชี่ยวชาญแทน เพราะจะช่วยให้ทราบต้นตอสิว และจัดการได้อย่างตรงจุด ซึ่งวิธีการรักษาสิวที่คางกับแพทย์ผิวหนังมีดังต่อไปนี้
การรักษาด้วยการรับประทานยา
การรักษาสิวที่คางด้วยการรับประทานยา เป็นวิธีการที่เหมาะกับผู้ที่มีสิวขึ้นเป็นจำนวนมาก หรือเป็นสิวอักเสบรุนแรง โดยยารักษาสิวที่คางแบ่งได้เป็น 2 ชนิด ได้แก่
- ยาปฏิชีวนะ (Antibiotics) เป็นยาที่ช่วยฆ่าเชื้อแบคทีเรีย ลดอาการอักเสบของสิวที่คาง
- ยากลุ่มกรดวิตามินเอ (Isotretinoin) เป็นยาที่ช่วยยับยั้งการทำงานของต่อมไขมัน ให้ผลิตน้ำมันน้อยลง เพื่อลดการอุดตันในรูขุมขน ลดความมันของผิว และลดอาการอักเสบของสิวที่คาง
นอกจากนี้ยังสามารถใช้ยาคุมกำเนิด มาช่วยปรับฮอร์โมนเพื่อลดสิวขึ้นคางผู้หญิงได้เช่นกัน แต่ควรปรึกษาแพทย์ก่อนที่จะนำยาชนิดต่าง ๆ มาใช้ทุกครั้ง
การรักษาด้วยการใช้ยาทา
การใช้ยาทาภายนอกเป็นวิธีการรักษาสิวที่คางแบบเบื้องต้น สามารถรักษาได้ทั้งสิวอุดตันและสิวอักเสบ โดยจะมียาทาสิวที่คางอยู่ 2 ชนิด ได้แก่
- ยาในกลุ่มอนุพันธ์วิตามินเอ (Retinoids) เป็นยาที่ช่วยลดอาการอักเสบ ลดการอุดตันในรูขุมขน สลายสิวอุดตันให้ลดลง
- ยาทาปฏิชีวนะ (Benzoyl peroxide) เป็นยาที่ช่วยฆ่าเชื้อแบคทีเรีย ลดอาการอักเสบของสิวที่คาง
การใช้ยาทารักษาสิวที่คางควรปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกร และศึกษาวิธีใช้ก่อนเสมอ เพื่อความปลอดภัยและได้ผลลัพธ์ที่ดีในการรักษาสิวที่คาง
การกดสิว
การกดสิวเป็นการรักษาสิวที่คางรูปแบบหนึ่งโดยเฉพาะรักษาสิวอุดตัน ซึ่งการกดสิวจะใช้เข็มเปิดหัวสิว จากนั้นจะค่อย ๆ ใช้อุปกรณ์กดเพื่อนำหัวสิวออกมาอย่างเบามือ ที่สำคัญการกดสิวควรทำโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อให้ไม่เกิดการอักเสบตามมาภายหลัง ข้อดีของการรักษาวิธีนี้คือสามารถช่วยกำจัดสิวอุดตันออกได้เร็ว และยังลดโอกาสการเกิดสิวอักเสบในอนาคตอีกด้วย
การฉีดสิว
การฉีดสิวจะเป็นการฉีดยาคอร์ติโซน หรือยากลุ่มคอร์ติโคสเตียรอยด์ เช่น ไตรแอมซิโนโลน (Triamcinolone) ในบริเวณสิวที่มีอาการบวมแดงเพื่อยับยั้ง และตัดวงจรการอักเสบ เช่น สิวหัวหนอง สิวอักเสบ เป็นต้น ซึ่งการฉีดสิวจะช่วยให้สิวบริเวณที่ฉีดเกิดการยุบตัวลงเร็วขึ้น และยังช่วยลดโอกาสการเกิดหลุมสิวในอนาคต
การทำทรีทเมนท์
การทำทรีทเมนท์หน้าจะช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิว โดยเฉพาะผิวที่เป็นสิวจะเกิดความอ่อนแอ มีลักษณะผิวแห้งจากการใช้ยารักษาสิวชนิดต่าง ๆ การทำทรีทเม้นท์จึงเป็นอีกหนึ่งวิธีที่ช่วยรักษาสิวที่คาง ช่วยให้ผิวเกิดความชุ่มชื้น มีความแข็งแรง และยังปลอบประโลมผิว ลดการอักเสบ และการระคายเคืองอีกด้วย
การฉีดผิว
การฉีดผิวสามารถช่วยรักษาสิวที่คางได้ด้วยเช่นกัน เพราะตัวยาในสารฉีดผิวจะประกอบไปด้วยส่วนผสมที่ช่วยฟื้นฟูทำให้ผิวเกิดความแข็งแรง เติมความชุ่มชื้น เกิดความกระจ่างใส ลดการอักเสบเช่น กรดไฮยาลูโรนิก คอลลาเจน วิตามินหลากหลายชนิด และอื่น ๆ เป็นต้น ตัวอย่างการฉีดผิวที่นิยมใช้ในการรักษาสิว ได้แก่ ฉีดเมโสหน้าใส ฉีดชาแนล หรือ Rejuran
เลเซอร์สิว
การเลเซอร์ผิวบางชนิดนอกจากจะช่วยฟื้นฟูผิวที่เสื่อมสภาพ กระตุ้นการสร้างเซลล์ผิวใหม่แล้ว ยังช่วยลดการเกิดสิวด้วยการลดไขมันที่อุดตันบริเวณที่รูขุมขนหลุดออก พร้อมฆ่าเชื้อแบคทีเรียที่เป็นต้นเหตุทำให้เกิดสิว จึงทำให้การเลเซอร์เป็นอีกหนึ่งการรักษาสิวที่ได้ประสิทธิภาพ โดยเลเซอร์สิวที่ช่วยรักษาสิวอุดตัน สิวอักเสบ จัดการปัญหาสิวที่คางได้แก่ Dual Yellow, CO2 Laser เป็นต้น
แนวทางป้องกันสิวที่คาง
ไหนใครไม่อยากให้เกิดสิวที่คางบ้าง ลองปฏิบัติตามแนวทางป้องกันสิวที่สามารถทำตามได้ง่าย ๆ เพื่อลดโอกาสการเกิดสิวที่คาง ดังต่อไปนี้
- เลือกใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิวหน้าที่อ่อนโยน ไม่ก่อให้เกิดการระคายเคือง โดยควรล้างหน้าให้สะอาดเช้า-เย็น
- ใช้สกินแคร์ที่เหมาะกับปัญหาผิว และบำรุงผิวให้แข็งแรงอยู่เสมอ
- หลีกเลี่ยงการใช้เครื่องสำอางที่มีทำให้เกิดการอุดตันจนนำไปสู่การเกิดสิวที่คาง
- ทากันแดดเป็นประจำ
- ดื่มน้ำ พักผ่อนให้เพียงพอ
- รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ หลีกเลี่ยงอาหารที่ก่อให้เกิดสิวที่คาง เช่น ของทอด นม ของหวาน
- งดสูบบุหรี่ และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
- ไม่ใส่แมสก์ซ้ำ และควรเปลี่ยนแมสก์เป็นประจำทุกวัน
รอยดำจากสิวที่คาง รักษาอย่างไร
เป็นเรื่องปกติเมื่อรักษาสิวที่คางหายแล้วสิ่งที่ตามมามักจะหนีไม่พ้นรอยดำจากสิว ซึ่งรอยดำจากสิวถือเป็นอีกหนึ่งปัญหาที่สร้างความหนักใจพอสมควร เพราะการรักษารอยสิวเป็นการรักษาที่ค่อนข้างใช้เวลา สำหรับใครที่มีรอยดำจากสิวอยู่ วันนี้รมย์รวินท์มีเคล็ดลับในการรักษารอยดำจากสิวที่คางมาฝาก แต่จะมีอะไรบ้าง ไปดูพร้อม ๆ กันเลยค่ะ
ใช้ Skincare ในกลุ่ม Vitamin C
การรักษารอยดำจากสิวที่คางด้วยการใช้สกินแคร์ในกลุ่ม Vitamin C เป็นวิธีการลดรอยดำที่ได้รับความนิยม เพราะ Vitamin C เป็นส่วนผสมในสกินแคร์ที่มีคุณสมบัติในการต้านอนุมูลอิสระ ลดการอักเสบ สามารถช่วยลดรอยดำ รอยแดงรอยจากสิวที่คางให้จางลง ที่สำคัญการใช้ผลิตภัณฑ์สกินแคร์ที่มีส่วนผสมของ Vitamin C ยังช่วยให้ผิวกระจ่างใสขึ้นอีกด้วย
ใช้ Skincare ในกลุ่ม Vitamin A
สกินแคร์กลุ่ม Vitamin A หรือเรตินอยด์ (Retinoid) เป็นส่วนผสมในสกินแคร์ที่ไม่พูดถึงไม่ได้ เพราะ Vitamin A หรือเรตินอยด์มีคุณสมบัติช่วยผลัดเซลล์ผิว ลดรอยดำจากสิวให้ดูจางลง นอกจากจะช่วยรักษารอยสิวแล้ว การใช้สกินแคร์ในกลุ่ม Vitamin A ยังส่งผลดีต่อผิวในเรื่องอื่น ๆ อีกด้วย เช่น ริ้วรอย ช่วยให้ผิวเกิดความเรียบเนียน เป็นต้น
การฉีดผิวใส
หากต้องการลดเวลาในการรักษารอยสิวจากคาง ให้รอยดำหายเร็วขึ้นอีกหนึ่งเคล็ดลับที่รมย์รวินท์คลินิกอยากแนะนำคือการฉีดผิวใส เพราะการฉีดผิวใสเป็นตัวยาที่มีส่วนประกอบที่สามารถช่วยฟื้นฟูจากภายใน โดยฉีดเข้าชั้นผิวหนังแท้โดยตรง จึงทำให้ช่วยสามารถฟื้นฟูปัญหาผิวโดยเฉพาะรอยดำจากสิวได้อย่างตรงจุด นอกจากนั้นยังช่วยให้ผิวแข็งแรง มีความเรียบเนียนเพิ่มขึ้น ตัวอย่างการฉีดผิวใสที่ช่วยรักษารอยสิวให้จางลง เช่น การฉีดเมโสหน้าใส และการฉีด Rejuran เป็นต้น
การใช้เลเซอร์ลดรอยสิว
วิธีการลดรอยดำจากสิวที่คางวิธีสุดท้ายที่เห็นผลเร็ว เคลียร์รอยดำให้จางลงอย่างชัดเจนหนีไม่พ้นการเลเซอร์ลดรอยสิว ซึ่งการเลเซอร์ลดรอยสิวจะเป็นการปล่อยพลังงานเลเซอร์ลงไปที่ผิวหนังชั้นบน และผิวหนังกลาง ซึ่งพลังงานเลเซอร์จะทำให้ปัญหารอยสิวที่เกิดจากเม็ดสีเมลานินที่ผิดปกติมีการแตกกระจายตัวออก นอกจากนั้นยังช่วยกระตุ้นการเกิดเซลล์ผิวใหม่ ด้วยกระบวนการนี้เองจึงทำให้รอยดำที่เกิดจากการรักษาสิวที่คางจางลง
อย่างไรก็ตามการใช้เลเซอร์รักษารอยสิวที่คางจำเป็นต้องรักษาหลายครั้ง เพื่อให้เห็นผลลัพธ์การเปลี่ยนแปลงที่มีประสิทธิภาพ โดยเลเซอร์ลดรอยสิวมีหลากหลายรูปแบบให้คนไข้เลือกตามความเหมาะสม เช่น Q-switch Laser, Pico Laser เป็นต้น
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับสิวที่คาง
ตอบคำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับสิวที่คางที่หลายคนสงสัย
1. ใส่แมสก์ทุกวัน ป้องกันสิวที่คางอย่างไรดี?
ปัจจุบันการใส่แมสก์ในชีวิตประจำวันเป็นเรื่องที่จำเป็นมากขึ้น เพราะทั้งโรคระบาด หรือปัญหาฝุ่นละอองที่ส่งผลต่อสุขภาพ ซึ่งบางคนเมื่อใส่แมสก์เป็นเวลานานทำให้สิวขึ้นที่คาง ซึ่งการป้องกันสิวที่คางเมื่อต้องใส่แมสก์มีวิธีการง่าย ๆ ดังนี้
- ไม่ใส่แมสก์ซ้ำเป็นเวลานาน
- ควรเปลี่ยนแมสก์ใหม่เป็นประจำทุกวัน
- ล้างหน้าให้สะอาดทั้งตอนเช้า และตอนเย็น
- บำรุงผิวด้วยมอยเจอร์ไรเซอร์ ให้ผิวมีความแข็งแรงอยู่เสมอ
2. อาหารที่ควรหลีกเลี่ยงเมื่อเป็นสิวที่คาง
อาหารการกินในแต่ละวันก็เป็นสิ่งที่ควรให้ความใส่ใจไม่น้อยเมื่อมีสิวที่คาง เพราะอาหารบางชนิดอาจยิ่งกระตุ้นให้สิวเกิดความรุนแรง หรือเพิ่มปริมาณของสิวที่คางได้มากขึ้น ฉะนั้นเมื่อเป็นสิวที่คางแนะนำให้หลีกเลี่ยงการรับประทานดังต่อไปนี้
- อาหาร และเครื่องดื่มที่มีส่วนประกอบของนม เช่น โยเกิร์ต ชีส เป็นต้น
- อาหาร และเครื่องดื่มที่น้ำตาล เช่น โดนัท คุกกี้ ชานม น้ำอัดลม เป็นต้น
- ของทอด อาหารฟาสฟู้ด
- อาหารแปรรูป เช่น ไส้กรอก แฮม เป็นต้น
3. สิวที่คางอันตรายหรือไม่?
การเป็นสิวที่คางไม่ใช่อาการที่อันตรายค่ะ และสามารถรักษาให้หายได้ด้วยตนเองหากมีปริมาณสิวในระดับไม่รุนแรง อย่างไรก็ตามหากสังเกตว่าสิวที่คางมีปริมาณในระดับที่รุนแรง ควรพบแพทย์ผิวหนังเพื่อวินิจฉัยถึงสาเหตุของสิวที่คาง และรับการรักษาที่เหมาะสมจะดีที่สุด
สรุปเรื่องสิวที่คาง
สิวที่คางเป็นอีกหนึ่งบริเวณยอดฮิตที่มักเกิดสิว เพราะไม่ว่าจะการใส่แมสก์ หรือการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนในช่วงก่อนมีประจำเดือน ทำให้สิวที่คางมักแวะมาทักทายอยู่เป็นประจำ แต่อย่างไรก็ตามหากเริ่มสังเกตเห็นว่ามีปริมาณสิวที่คางผิดปกติ รักษาด้วยตนเองแล้วไม่ดีขึ้นไม่ควรปล่อยไว้ ทางที่ดีรีบพบแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อจัดการปัญหาสิวให้จบ เพียงเท่านี้สิวที่คางก็ลาขาด
แต่สำหรับใครที่กำลังกังวลกับปัญหาสิวที่คาง ต้องการปรึกษา และรักษาโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ พร้อมวิธีการรักษาสิวที่มีประสิทธิภาพอย่างโปรแกรม AC Clear จบปัญหาสิว ลดโอกาสการเกิดสิวใหม่ด้วยขั้นตอนต่าง ๆ ไม่ว่าจะกดสิว ฉีดสิว ทำทรีทเมนท์ เลเซอร์ ครบจบในโปรแกรมเดียวสิวที่คางไม่มาก่อกวนอีกต่อไป
อ้างอิง (เว็บต่างประเทศ)
Jillian Kubala. (2019, July 24). The Best Diet and Supplements for Acne Vulgaris (Hormonal Acne).
https://www.healthline.com/nutrition/hormonal-acne-diet
Kushneet Kukreja. (2022, Oct 27). How To Treat Acne On Chin And Jawline?.
https://www.olivaclinic.com/blog/causes-treatment-acne-chin/