สิว
รอยแดงจากสิว

รอยแดงจากสิวหายได้! 10 วิธีรักษารอยสิวบนใบหน้า ปรับผิวให้สวย กระจ่างใส

รอยแดง รอยดำ หลุมสิว ปัญหาผิวที่รักษาหายยากกว่าการรักษาสิวต้องรับมือยังไง! เพราะรอยแดงจากสิวคือหนึ่งในสาเหตุที่ทำให้สาว ๆ หลายคนเสียความมั่นใจ ดังนั้นสำหรับใครที่กำลังมองหาวิธีรักษารอยแดง รอยดำจากสิว บทความนี้ รมย์รวินท์จะพาทุกคนมาทำความรู้จักกับสาเหตุของการเกิดรอยสิว ทำยังไงให้รอยแดงจากสิวหายไป ใช้อะไรลดรอยแดงจากสิวได้บ้าง พร้อมลิสต์ 10 วิธีรักษารอยสิวที่แพทย์แนะนำค่ะ



สาเหตุของการเกิดรอยแดงจากสิว

รอยสิวทุกรอยบนใบหน้าไม่ได้เหมือนกันหมดค่ะ โดยทั่วไปแล้วเราจะสามารถแบ่งได้เป็น 3 ประเภทคือ รอยแดงจากสิว รอยดำจากสิว และรอยหลุมสิว ซึ่งสาเหตุการเกิดและลักษณะของรอยสิวจะมีความแตกต่างกัน ดังนี้

รอยแดงจากสิว 

รอยแดงจากสิว หรือ Post – Inflammatory Erythema คือรอยแดงจากสิวที่เกิดจากการอักเสบของผิว มีสีแดง ชมพู และอาจออกม่วงเล็กน้อย โดยหากผิวหน้าบริเวณที่เป็นสิวเกิดอาการอักเสบ ร่างกายจะลำเลียงเลือดไปซ่อมแซมเนื้อเยื่อบริเวณผิวที่มีอาการอักเสบ ทำให้จุดดังกล่าวเกิดการหดหรือขยายตัวของหลอดเลือดอยู่ตลอดเวลา ส่งผลเกิดเป็นรอยแดงอย่างที่เห็นค่ะ

รอยดำจากสิว 

รอยดำจากสิว หรือ Post – Inflammatory Hyperpigmentation คือรอยดำจากสิวที่เกิดจากอาการอักเสบของผิวไปกระตุ้นให้เมลาโนไซต์ (Melanocytes) ผลิตเม็ดสี (Melanin) มากขึ้นกว่าปกติ จนทำให้บริเวณที่มีอาการอักเสบเกิดเป็นรอยสีดำ สีน้ำตาล หรือสีเทา โดยการเกิดรอยดำจากสิวนั้นเป็นการอักเสบในชั้นผิวหนังแท้ ทำให้รักษาได้ยากและใช้เวลาในการรักษานานกว่ารอยแดง

รอยหลุมสิว 

รอยหลุมสิว หรือ Atrophic Scars คือรอยแผลเป็นจากสิวอักเสบ เมื่อร่างกายฟื้นฟูตัวเอง มีการสร้างคอลลาเจนและเนื้อเยื่อเพื่อรักษาแผลจากบริเวณที่เกิดอาการอักเสบ ผิวใหม่ที่ถูกสร้างขึ้นมักจะไม่เรียบเนียน มีลักษณะเป็นหลุมยุบลงไปต่างจากบริเวณอื่นของผิว


10 วิธีรักษารอยดำ รอยแดงจากสิว ปรับผิวหน้าให้เรียบเนียน

ปัจจุบันรอยแดงจากสิวมีวิธีรักษาค่อนข้างหลากหลายวิธี การเลือกวิธีที่เหมาะสมกับสภาพผิวจะช่วยให้การรักษารอยแดงจากสิวของคุณมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ซึ่งทางรมย์รวินท์จะมาแนะนำวิธีรักษารอยดำ รอยแดงจากสิวด้วยกันถึง 10 วิธี ไว้เป็นทางเลือกให้กับคุณ ดังนี้

1. ยาลดรอยแดงจากสิว

การใช้ยาลดรอยแดงจากสิวเป็นหนึ่งในวิธีรักษารอยสิวทั่วไปที่คนนิยมใช้กัน โดยตัวยาที่คุ้นหูคุ้นตาและแพทย์นิยมสั่งจ่ายมีดังนี้ 

  • Hydroquinone 

Hydroquinone (ไฮโดรควิโนน) คือยารักษารอยแดง รอยดำจากสิวที่มีคุณสมบัติรักษาอาการผิวหนังสร้างเมลานินในปริมาณที่มากผิดปกติ ปัจจุบันไฮโดรควิโนนยังไม่สามารถหาซื้อได้เองตามร้านขายยาทั่วไป สามารถหาได้จากการที่แพทย์สั่งจ่ายยาเท่านั้น นอกจากการรักษารอยสิวแล้ว ไฮโดรควิโนนยังใช้เพื่อรักษาฝ้าและกระได้ด้วยเช่นกัน 

  • Tretinoin

Tretinoin (เตรทติโนอิน) คือยารักษารอยสิวคล้ายกับไฮโดรควิโนน มีคุณสมบัติในการลดรอยดำ รอยแดงจากสิว อีกทั้งยังช่วยรักษาสิวอุดตันอีกด้วย

*การใช้ยารักษารอยสิวทั้งสองตัวข้างต้นที่ได้กล่าวไปควรใช้ตามคำแนะนำของแพทย์ค่ะ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของปริมาณและความถี่ในการใช้จำเป็นต้องอยู่ในการควบคุม เนื่องจากตัวยาอาจมีผลข้างเคียงหากใช้ผิดวิธี รวมไปถึงอาจสร้างฝ้าและกระถาวรให้กับใบหน้าได้

นอกจากยาตามแพทย์สั่งแล้ว ยังมีครีมลดรอยดำ รอยแดงจากสิวที่มีสารสกัดในการรักษารอยสิวอย่าง วิตามินซี, อาบูร์ติน, Niacinamide (ไนอะซินาไมด์), กรดไกลโคลิค และกรดโคจิค ซึ่งในผลิตภัณฑ์ครีมบำรุงที่มีสารสกัดเหล่านี้มักจะอยู่ภายใต้การควบคุมของอย. จึงสามารถใช้ได้อย่างปลอดภัย แต่อย่างไรก็ตามแนะนำให้ใช้ผลิตภัณฑ์เหล่านี้ตามคำแนะนำบนฉลากผลิตภัณฑ์เพื่อความปลอดภัยค่ะ

2. เลเซอร์ลดรอยแดงจากสิว

ผิวหน้าที่ขาดการดูแล รอยสิวที่ละเลยมาเป็นระยะเวลานาน อาจยากที่จะรักษาให้หายได้ด้วยการกินยา หรือทาครีมเพียงอย่างเดียว ซึ่งวิธีแก้ไขปัญหารอยดำ รอยแดงจากสิวที่มีประสิทธิภาพสูงวิธีหนึ่งก็คือการใช้เลเซอร์ลดรอยสิวนั่นเอง

โดยการทำเลเซอร์หน้าใสหรือเลเซอร์ลดรอยสิว แพทย์จะใช้เลเซอร์ในการกระตุ้นเซลล์ผิวชั้นกลางให้ฟื้นฟูตัวเองไวขึ้น อาจทำให้ผิวเกิดรอยแดงเล็กน้อยหลังทำเสร็จแต่สามารถหายได้เองในช่วง 1-2 สัปดาห์พร้อมกับรอยแดงจากสิวที่จางลง ปัจจุบันการเลเซอร์รอยสิวราคาไม่ได้แพงอย่างที่คิดทุกคนเข้าถึงได้ นอกจากนี้ การทำเลเซอร์ไม่ได้จำกัดเพียงเฉพาะบนใบหน้าเท่านั้น แต่การทำเลเซอร์รอยสิวที่หลังก็เป็นที่นิยมไม่แพ้กัน

3. ฉีดเมโสลดรอยแดงจากสิว

เมโสหน้าใส คืออีกหนึ่งหัตถการเสริมความงามที่ช่วยลดรอยสิวได้ โดยแพทย์จะทำการฉีดวิตามินและยาบำรุงที่เป็นประโยชน์ต่อเซลล์ผิวเข้าไป เพื่อให้ร่างกายได้รับสารอาหารที่ดี พร้อมที่จะปรับสภาพผิวให้เรียบเนียน ลดรอยสิว และลดริ้วรอยต่าง ๆ ให้จางลง

4. IPL ลดรอยแดงจากสิว

Intense Pulse Light หรือ IPL คล้ายกับการทำเลเซอร์ เพียงแต่เป็นการยิงลำแสงความเข้มข้นสูงกระตุ้นให้ผิวสร้างคอลลาเจนและเร่งการฟื้นฟูตัวเอง มีคุณสมบัติปรับสภาพผิวให้เรียบเนียน ลดความหมองคล้ำ และทำให้รอยดำ รอยแดงจากสิวจางลงได้เหมือนกับเลเซอร์ลดรอยสิว เพียงแต่การทำ IPL อาจจำเป็นต้องอาศัยความสม่ำเสมอที่มากกว่าการทำเลเซอร์เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่เหมือนกัน

5. HIFU ลดริ้วรอย 

การทำไฮฟู่เป็นอีกหนึ่งหัตถการที่เหมาะสำหรับการรักษารอยสิว โดยจะเหมาะเป็นพิเศษกับการรักษาหลุมสิว เนื่องจากคลื่นอัลตราซาวนด์สามารถลงไปทำให้ชั้นใต้ผิวหนังที่ถูกทำลาย ได้กลับมาฟื้นฟูตนเองได้ดีตั้งแต่ภายใน เมื่อชั้นใต้ผิวได้ถูกฟื้นฟู เติมเต็มไปด้วยคอลลาเจนที่ร่างกายสร้างขึ้นมาใหม่ จึงสามารถช่วยให้หลุมสิวดูตื้นขึ้นนั่นเอง 

6. การผลัดเซลล์ผิว (Chemical Peeling) 

ปรับสภาพผิวด้วยการลอกหน้าผลัดเซลล์ (Chemical Peeling) กระตุ้นการสร้างเซลล์ผิวหน้าใหม่ ผลัดทิ้งผิวเสียที่เสื่อมสภาพจากการใช้น้ำยาเคมีทางการแพทย์ มีคุณสมบัติช่วยให้รอยสิวจางลง และมีใบหน้าที่ดูอ่อนเยาว์ 

7. Pico

การทำ Pico Laser โดดเด่นในเรื่องของการลดรอยดำ รอยแดงจากสิว พร้อมปรับสภาพผิวให้รอยสิวจากลงอย่างสมบูรณ์ผ่านการทำเลเซอร์ที่จะกระตุ้นให้ผิวสร้างอีลาสติน และคอลลาเจนได้เต็มประสิทธิภาพมากขึ้น ช่วยให้ผิวฟื้นฟูไว และซ่อมแซมตัวเองจนรอยสิวจางลงอย่างเห็นได้ชัดค่ะ

8. Rejuran Healing

รีจูรัน (Rejuran) หัตถการฟื้นฟูและซ่อมแซมผิวในระดับลึก ปรับสภาพผิวด้วยโพลีนิวคลีโอไทด์ (Polynucleotide) ที่สกัดจาก DNA ของปลาแซลมอนที่มีคุณภาพ เพื่อฟื้นฟูผิวให้แลดูอ่อนวัย ช่วยให้รูขุมขนเล็กลง พร้อมแก้ปัญหารอยสิว หลุมสิว และยังช่วยยกกระชับให้ใบหน้าดูอวบอิ่ม ผิวดูสุขภาพดีอีกด้วย

9. Skin Booster

ฟื้นฟูผิวอย่างมีประสิทธิภาพไปกับการทำ Skin Booster หรือการฉีดผิวด้วยวิตามินเพื่อผิวแลดูอ่อนวัย ตัวช่วยกระตุ้นให้ผิวแข็งแรง ชุ่มชื้น และแข็งแรง มีคุณสมบัติลดรอยแดงจากสิว ริ้วรอย รวมไปถึงรอยแผลเป็น

10. ปรึกษาแพทย์ผิวหนังเฉพาะทาง

สำหรับใครที่มีสิวสเตียรอยด์หรือสิวหัวหนองเรื้อรัง มีโอกาสที่ผิวหน้าจะมีหลุมสิว รอยดำ รอยแดงจากสิวเยอะเป็นพิเศษ ยากที่จะรักษาให้หายด้วยการทาครีมหรือการทำหัตถการบางอย่าง การปรึกษาแพทย์ผิวหนังเฉพาะทางโดยตรงคือสิ่งที่เราแนะนำค่ะ เพราะการเข้าปรึกษาเพื่อรับคำแนะนำจากแพทย์โดยตรงจะช่วยให้คุณรักษาสิวได้ที่ต้นเหตุ รวมไปถึงยังทราบวิธีรักษารอยสิว หรือรับยารักษารอยสิวที่เหมาะกับตัวเอง


แนะนำวิธีดูแลผิวให้ไร้รอยแดง

รอยแดงจากสิว รักษายังไง

สำหรับใครที่ไม่อยากจะต้องมานั่งรักษารอยแดงจากสิว หรือไม่อยากจะต้องมานั่งกังวลว่าต้องทำยังไงให้รอยแดงจากสิวหายไป ข้อแนะนำในการดูแลผิวไม่ให้เกิดรอยสิวตั้งแต่ต้นก็เป็นวิธีที่ดีเช่นกันค่ะ เพราะฉะนั้นแล้วการดูแลผิวเพื่อป้องกันรอยสิวจะมีวิธีไหนบ้าง มาดูกัน

  • หลีกเลี่ยงการแกะ แคะ เกาสิวด้วยตัวเอง
  • ใช้เจลแต้มสิวทุกครั้งที่สิวเกิดอาการอักเสบ
  • ใช้สกินแคร์ที่เน้นเรื่องความชุ่มชื้น เพื่อให้ผิวอิ่มฟู และสุขภาพดีอย่างสม่ำเสมอ
  • พยายามใช้สกินแคร์ให้เหมาะกับสภาพผิว ไม่ว่าจะเป็นคนผิวมัน ผิวแห้ง ผิวผสม การใช้ผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสมจะช่วยให้ผิวแข็งแรง และดูแลเรื่องริ้วรอยได้อย่างมีประสิทธิภาพค่ะ

คำถามที่พบบ่อย

รอยแดงจากสิวกี่วันหาย?

‘รอยแดงจากสิวกี่วันหาย’ เบื้องต้นรอยสิวจะหายช้าหรือเร็วนั้นยากที่จะประเมินเวลา บางคนอาจใช้เวลาเป็นเดือนหรือบางคนอาจใช้เวลาเป็นปี ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับการดูแลตัวเองค่ะ เพราะฉะนั้นหากเป็นไปได้แนะนำว่าให้ดูแลผิวหน้าให้ดีตั้งแต่ต้น และหลีกเลี่ยงการทำให้ผิวเกิดรอยแดงจากสิวจะดีกว่า

รอยแดงจากสิวหายเองได้ไหม?

ในเบื้องต้นรอยแดงจากสิวสามารถหายเองได้ แต่อย่างที่กล่าวไปว่าระยะเวลาที่รอยแดงจะจางลงนั้นไม่แน่นอน ขึ้นอยู่กับสภาพผิวของแต่ละคน

รอยแดงจากสิวสามารถกลับมาเป็นซ้ำได้ไหม?

แน่นอนว่ารอยสิวมีต้นเหตุมาจากการเกิดสิว หากรักษาสิวไม่ได้รอยแดงจากสิวก็มีโอกาสกลับมาอีก ยิ่งในกลุ่มผู้ที่มีผิวแพ้ง่ายยิ่งมีโอกาสเกิดรอยแดงจากสิวซ้ำได้เรื่อย ๆ


แนวทางการรักษารอยแดงจากสิวอย่างมีประสิทธิภาพ

รอยแดงจากสิวรักษาหายยาก แต่รักษาให้หายได้ ในหลาย ๆ ครั้งการดูแลตัวเองจากการทาครีมและปรับพฤติกรรมอาจจะไม่สามารถป้องกันรอยแดงจากสิวได้แบบ 100% เพราะฉะนั้นหัตถการเสริมความงามจึงเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ใครหลายคนไว้วางใจให้ดูแลผิวที่มีรอยแดงจากสิวให้ดีขึ้น แต่จะเลือกรักษารอยสิวที่ไหนดี ให้ Romrawin Clinic ยินดีดูแลคุณค่ะ

Romrawin Clinic เราคือคลินิกเสริมความงามครบวงจรที่มีแพทย์มากประสบการณ์คอยดูแลคุณทุกขั้นตอน รักษารอยสิวอย่างถูกวิธีและมีประสิทธิภาพไปกับการทำ PICO, IPL, HIFU หรืออื่น ๆ ที่ Romrawin Clinic เรามีครบ สถานบริการสะอาด เครื่องมือแพทย์นำเข้าถูกกฎหมายได้มาตรฐานสากล พร้อมด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัย พร้อมบริการคุณด้วยใจค่ะ


สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม หรือปรึกษาปัญหากับแพทย์
ได้ที่ช่องทางดังต่อไปนี้
แชร์บทความนี้