ผิวแห้งต้นตอของฝ้า ปัจจัยเสี่ยงที่หลายคนมองข้าม
ปัญหาฝ้า เป็นหนึ่งในปัญหาผิวพรรณที่พบได้บ่อยและสร้างความกังวลใจให้กับหลายๆ คน โดยฝ้าไม่ได้เป็นเพียงแค่จุดด่างดำ แต่เป็นปัญหาที่ส่งผลต่อความมั่นใจและภาพลักษณ์ภายนอก สิ่งที่หลายคนไม่รู้คือการที่ผิวแห้งเป็นสาเหตุในการเกิดฝ้าได้เช่นกัน ในบทความนี้รมรวินท์จะพาไปเจาะลึกว่าเพราะอะไรผิวแห้งถึงเป็นต้นเหตุให้เกิดฝ้าได้ แล้วการรักษาฝ้าในคนที่มีผิวแห้งแตกต่างจากการรักษาฝ้าในคนปกติหรือไม่ ไปดูกันค่ะ
ผิวแห้งคืออะไร ?
ผิวแห้ง คือสภาพผิวที่ขาดความชุ่มชื้น ซึ่งผิวหนังจะรู้สึกตึง เคือง และคันได้ง่าย โดยผิวแห้งมักเกิดจากที่ผิวหนังผลิตน้ำมันหล่อลื่นน้อยเกินไป หรือผิวสูญเสียน้ำในผิวหนังมากเกินไป ทำให้ผิวเกิดการระคายเคืองขึ้นมา
สาเหตุที่ทำให้ผิวแห้ง
สาเหตุที่ทำให้ผิวแห้งมีหลายปัจจัย ทั้งจากปัจจัยภายในและปัจจัยภายนอก โดยสามารถแบ่งออกได้ ดังนี้
- ปัจจัยภายนอกที่ทำให้ผิวแห้ง การที่ผิวแห้งสามารถเกิดได้จากปัจจัยภายนอกต่างๆได้ ดังนี้
- ผิวแห้งจากแสงแดด
หากตากแดดบริเวณร้อนจัดเป็นเวลานาน รังสี UV จากแสงแดดสามารถทำลายผิวและลดการกักเก็บความชุ่มชื้นในผิวทำให้ผิวแห้งได้
- ผิวแห้งจากการอาบน้ำร้อน
การอาบน้ำอุ่นหรือน้ำร้อนเป็นเวลานานสามารถทำลายชั้นไขมันช่วยรักษาผิวชุ่มชื้นทำให้ผิวแห้งเสียได้
- ผิวแห้งจากมลภาวะ
การผิวเจอมลภาวะ ฝุ่น ควัน และสิ่งสกปรกในอากาศบ่อยๆ มลภาวะเหล่านี้จะสามารถทำให้ผิวแห้งและเกิดการระคายเคืองได้
- ผิวแห้งจากสภาพอากาศ
หากอากาศแห้ง หนาว หรือร้อนจัดเกินไป สามารถดึงความชุ่มชื้นออกจากผิว ทำให้ผิวแห้งได้
- ผิวแห้งจากการใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิวแรงเกินไป
การใช้สบู่หรือผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิวแรงเกินไป สารเคมีในผลิตภัณฑ์บางชนิดอาจะทำลายชั้นผิว ทำให้ผิวสูญเสียน้ำจนเกิดผิวแห้งได้
- ปัจจัยภายในที่ทำให้ผิวแห้ง ปัจจัยภายในร่างกายก็เป็นสาเหตุที่ทำให้ผิวแห้งได้ โดยสามารถแบ่งออกได้ ดังนี้
- ผิวแห้งจากอายุ
เมื่ออายุมากขึ้นการผลิตน้ำมันตามธรรมชาติของผิวในร่างกายจะลดลง ทำให้เกิดผิวแห้งได้ง่าย
- ผิวแห้งจากกรรมพันธุ์
ในบางคนที่มีกรรมพันธุ์ผิวแห้ง สามารถมีโอกาสผิวแห้งเสียได้ง่ายกว่าคนปกติ
- ผิวแห้งจากการดื่มน้ำน้อย
การดื่มน้ำไม่เพียงพอจะทำให้ผิวสูญเสียน้ำในผิว ทำให้ผิวขาดความชุ่มชื้นจนผิวแห้งได้
- ผิวแห้งจากโรคบางอย่าง
ในการเกิดโรคบางชนิด เช่นโรคภูมิแพ้ โรคเบาหวาน อาจจะทำให้มีโอกาสผิวแห้งได้
- ผิวแห้งจากการใช้ยาบางชนิด
การรับประทานยาบางชนิด เช่นยารักษาสิว ยาขับปัสสาวะ หรือยาที่ส่งผลต่อการทำงานของต่อมไขมัน อาจจะทำให้ผิวแห้งได้
ผิวแห้งมีผลเสียอย่างไร ?
ผิวแห้งสามารถก่อให้เกิดผลเสียหลายอย่างต่อผิวและความสวยงาม โดยมีผลเสียที่พบได้บ่อย ดังนี้
- ผิวแห้งทำให้ผิวขาดความยืดหยุ่น
ผิวแห้งมักจะสูญเสียความยืดหยุ่นทำให้ผิวดูแข็งและไม่เรียบเนียน ทำให้ผิวไม่สามารถป้องกันตัวเองจากปัจจัยภายนอกได้
- ผิวแห้งทำให้เพิ่มความเสี่ยงในการเกิดฝ้าและจุดด่างดำ
ผิวแห้งสามารถทำให้ผิวอ่อนแอทำให้เกิดฝ้า จุดด่างดำ หรือผิวคล้ำเสียได้ง่ายเมื่อโดนแสงแดด
- ผิวแห้งทำให้ผิวลอกเป็นขุย
หากผิวแห้ง ผิวจะขาดความชุ่มชื้น ทำให้ผิวลอกเป็นขุย โดยเฉพาะในบริเวณที่ผิวแห้งง่าย ซึ่งผิวที่แห้งมากอาจทำให้เกิดรอยแตก ระคายเคืองได้
- ผิวแห้งทำให้ผิวอักเสบ คัน ระคายเคือง
หากผิวแห้งเป็นเวลานานอาจเกิดโรคผิวหนังอักเสบซึ่งทำให้ผิวหนังเกิดการอักเสบ คัน และระคายเคืองได้
- ผิวแห้งทำให้ผิวหมองคล้ำ
หากผิวแห้งมีแนวโน้มที่จะทำให้ผิวดูหมองคล้ำ ไม่สดใส เพราะเซลล์ผิวที่ตายแล้วจะสะสมบนผิวหนังทำให้ผิวหมองคล้ำ ไม่เปล่งปลั่ง
- ผิวแห้งทำให้บำรุงผิวได้ยาก
การที่ผิวแห้งจะทำให้สารบำรุงจากครีมบำรุงซึมลงสู่ผิวหนังได้ยาก เพราะชั้นปกป้องผิวหนังถูกทำลาย ทำให้ผลประสิทธิภาพของผลิตภัณฑ์บำรุงผิวลดลง
ทำไมผิวแห้งถึงทำให้เกิดฝ้า?
ผิวแห้งเสียเป็นสภาวะที่ผิวขาดความชุ่มชื้นอย่างรุนแรง ส่งผลต่อโครงสร้างและการทำงานของผิวหนังหลายอย่าง จึงทำให้ผิวมีโอกาสเกิดฝ้าได้จากการทำงานของเซลล์ผิวและกระบวนการปกป้องผิวตามธรรมชาติที่เสียหาย ทำให้ผิวบอบบาง อ่อนแอและไวต่อการถูกทำร้ายจากปัจจัยภายนอก เช่น แสงแดด มลภาวะ
ฝ้าคือ ?
ฝ้า (Melasma) เป็นปัญหาผิวหนังชนิดหนึ่งที่ทำให้ผิวหน้ามีจุดด่างดำหรือรอยคล้ำ โดยเฉพาะในบริเวณที่ถูกแสงแดดจัดบ่อยๆ เช่น หน้าผาก แก้ม คาง โดยฝ้ามีลักษณะเป็นรอยสีเข้ม สีน้ำตาล เทา หรือดำ ซึ่งฝ้าสามารถขยายกว้างขึ้นได้หากสัมผัสกับแดดมากขึ้น โดยส่วนใหญ่ฝ้ามักเกิดในผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย แต่สามารถพบได้ในทุกสภาพผิวโดยเฉพาะผู้ที่มีผิวเข้ม
ฝ้าเกิดจากอะไรได้บ้าง ?
การเกิดฝ้าเกิดจากการที่มีการสะสมของเม็ดสีเมลนินในชั้นผิวหนังจำนวนมาก ทำให้ผิวหนังบริเวณนั้นมีสีเข้มกว่าส่วนอื่นๆ โดยการผลิตเม็ดสีเมลานินที่มากเกินไปเกิดได้จากปัจจัยการถูกกระตุ้นได้หลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นการถูกกระตุ้นจากปัจจัยภายนอกร่างกายและปัจจัยภายในร่างกาย ดังนี้
- ฝ้าถูกกระตุ้นจากปัจจัยภายนอก การเกิดฝ้าสามารถถูกกระตุ้นให้การผลิตเม็ดสีเมลานินจำนวนมากจากปัจจัยภายนอก ดังนี้
- ฝ้าถูกกระตุ้นจากแสงแดด การตากแดดร้อนจัดบ่อยๆเป็นเวลานาน จะทำให้ผิวแห้งจากรังสี UV ส่งผลให้เกิดการกระตุ้นการผลิตเม็ดสีเมลานินที่มากเกินไปในใต้ผิว จนเกิดเป็นฝ้าได้
- ฝ้าถูกกระตุ้นจากมลภาวะ มลภาวะและสารพิษทางอากาศนอกจากจะสามารถทำให้ผิวเสียได้แล้ว ยังสามารถทำลายผิวและกระตุ้นให้เกิดฝ้าบนผิวได้จากการที่เซลล์เมลานินถูกกระตุ้นให้เกิดการผลิตเม็ดสีมากเกินไป
- ฝ้าถูกกระตุ้นจากความเครียด หากมีความเครียดสะสม เรื้อรัง อาจจะส่งผลต่อระบบฮอร์โมนในร่างกาย ทำให้เกิดฝ้าบนผิวหนังได้
- ฝ้าถูกกระตุ้นจากการพักผ่อนไม่เพียงพอ การนอนหลับพักผ่อนไม่เพียงพอจะทำให้ผิวอ่อนล้า ทำให้เกิดฝ้าได้ง่าย
- ฝ้าถูกกระตุ้นจากปัจจัยภายใน นอกจากการกระตุ้นด้วยปัจจัยภายนอกแล้ว การผลิตเม็ดสีเมลานินที่มากเกินไปก็สามารถถูกกระตุ้นด้วยปัจจัยภายในร่างกายด้วยเช่นเดียวกัน โดยปัจจัยภายในร่างกายที่กระตุ้นให้เกิดฝ้ามี ดังนี้
- ฝ้าถูกกระตุ้นจากฮอร์โมน การเปลี่ยนแปลงฮอร์โมนที่ไม่สมดุล เป็นอีกหนึ่งสาเหตุในการกระตุ้นการผลิตเม็ดสีเมลานินที่มากผิดปกติ จนส่งผลให้เกิดฝ้าบนผิวหนัง
- ฝ้าถูกกระตุ้นจากพันธุกรรม หากมีครอบครัวเป็นฝ้า มีโอกาสที่จะเกิดฝ้าได้สูงจากพันธุกรรมที่ส่งต่อ
- ฝ้าถูกกระตุ้นจากการอักเสบของผิว หลังจากการเกิดอักเสบจากสิว หรือการใช้ผลิตภัณฑ์บางชนิดที่ระคายเคืองสามารถส่งผลให้เกิดการระคายเคืองผิว ผิวอ่อนแอจนเกิดการถูกกระตุ้นให้เป็นฝ้าได้ง่าย
- ฝ้าถูกกระตุ้นจากการทานยาบางชนิด ในการรับประทานยาบางชนิด เช่นยาคุมกำเนิด อาจมีผลข้างเคียงทำให้เกิดเป็นฝ้าบนผิวหนังได้
ผิวแห้งส่งผลอะไรกับฝ้าบ้าง ?
การที่ผิวแห้งสามารถส่งผลกระทบต่อการเกิดฝ้าได้ในหลายด้าน โดยเฉพาะในเรื่องของการทำให้ผิวอ่อนแอลงและเสี่ยงต่อการกระตุ้นการผลิตเม็ดสีเมลานินมากขึ้น ดังนี้
- ผิวแห้งเพิ่มความไวต่อแสงแดดจนทำให้เกิดฝ้า การที่ผิวแห้งขาดความชุ่มชื้นจะทำให้โครงสร้างผิวไม่แข็งแรง ทำให้เซลล์ผิวไม่สามารถป้องกันจากรังสี UV ได้ ทำให้ผิวถูกทำร้ายจากแสงแดดมากขึ้น ทำให้เกิดฝ้าได้ง่ายกว่า
- ผิวแห้งกระตุ้นการผลิตเมลานินจนทำให้เกิดฝ้า เมื่อผิวแห้งระคายเคือง มักจะถูกกระตุ้นให้เซลล์เม็ดสีเมลานินผลิตมากขึ้นเพื่อป้องกันผิวที่ถูกทำร้าย ซึ่งการผลิตเมลานินเพิ่มขึ้นอาจจะทำให้เกิดฝ้าชึ้นได้
- ผิวแห้งทำให้การฟื้นฟูช้าลงจนทำให้เกิดฝ้า ผิวแห้งมักจะมีการฟื้นฟูที่ช้ามากกว่าผิวชุ่มชื้นสุขภาพดี ทำให้เกิดปัญหาผิวต่างๆรวมถึงฝ้า มีโอกาสที่จะเกิดขึ้นได้ง่ายและรักษาฟื้นฟูได้ยาก
- ผิวแห้งเพิ่มการระคายเคืองจนทำให้เกิดฝ้า ผิวแห้งมีโอกาสเกิดการระคายเคืองได้ง่ายมากขึ้น โดยเฉพาะจากการใช้ผลิตภัณฑ์ที่ไม่เหมาะสม ทำให้เกิดการกระตุ้นให้เซลล์เม็ดสีเมลานินมากขึ้นจนทำให้เกิดฝ้า
- ผิวแห้งลดประสิทธิภาพการรักษาฝ้า หากมีการรักษาฝ้า การที่ผิวแห้งอาจทำให้การบำรุงและการรักษาไม่สามารถซึมเข้าผิวได้ดี ทำให้การรักษาฝ้าเป็นไปได้ช้าหรือมีประสิทธิภาพน้อยลง
ฝ้าที่เกิดจากผิวแห้งต่างกับฝ้าอื่นไหม ?
การเกิดฝ้าจากผิวแห้งไม่แตกต่างจากฝ้าที่เกิดด้วยปัจจัยอื่นมากนัก เพียงแต่ว่าหากมีปัญหาผิวแห้งอยู่แล้วระหว่างเป็นฝ้าอาจส่งผลต่อสภาพผิวโดยรวม และทำให้ฝ้ารุนแรงมากขึ้นได้ เนื่องจากผิวที่แห้งจะทำให้ผิวอ่อนแอลง ไวต่อการระคายเคืองมากยิ่งขึ้น อีกทั้งปัญหาผิวที่แห้งเสียอาจทำให้การรักษาฝ้าทำได้ยากมากยิ่งขึ้นด้วยจากการที่ผิวไม่สามารถซึมซาบครีมหรือผลิตภัณฑ์บำรุงผิวได้ไม่ดี และผิวบอบบางมากเกินไป ดังนั้นการรักษาความชุ่มชื้นของผิวระหว่างการรักษาฝ้าจึงเป็นเรื่องสำคัญที่ควรทำควบคู่ไปด้วยเพื่อการรักษาฝ้าที่มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
ทำไมผิวแห้งถึงทำให้ฝ้ารุนแรงขึ้น ?
ผิวแห้งทำให้เกิดฝ้ารุนแรงได้ เพราะผิวแห้งจะทำให้ผิวอ่อนแอ ผิวจึงไวต่อการระคายเคืองจากแสงแดด และมลภาวะมากขึ้น ทำให้ฝ้าเข้มขึ้นหรือลามไปยังจุดอื่นๆได้ง่าย โดยเหตุผลที่ผิวแห้งทำให้ฝ้าแย่ลงได้ มีดังนี้
- ผิวแห้งทำให้ฝ้ารุนแรงขึ้นจากการที่ผิวขาดความชุ่มชื้น
เมื่อผิวแห้ง ขาดน้ำ ผิวจะบางลงและสูญเสียความยืดหยุ่น ทำให้ผิวไวต่อการระคายเคืองจากแสงแดดและมลภาวะมากขึ้น ส่งผลให้ฝ้าเข้มขึ้นหรือลุกลามรุนแรงขึ้นได้
- ผิวแห้งทำให้ฝ้ารุนแรงขึ้นจากการที่เกราะป้องกันผิวอ่อนแอ
ผิวแห้งจะทำให้เกราะป้องกันผิวอ่อนแอลง ทำให้เม็ดสีเมลานินที่เป็นต้นเหตุของการเกิดฝ้าสามารถกระจายตัวได้ง่ายขึ้น ทำให้ฝ้าสามารถกระจายไปยังบริเวณอื่นๆได้ง่ายขึ้น
- ผิวแห้งทำให้ฝ้ารุนแรงขึ้นจากการที่ผิวอักเสบง่าย
การที่ผิวแห้งผิวมักจะเกิดการคันและระคายเคืองได้ง่าย การเกาหรือขัดถูบริเวณผิวแรงๆจะทำให้ผิวอักเสบ ซึ่งเป็นปัจจัยกระตุ้นให้ฝ้าเข้มขึ้นได้
การที่ผิวแห้งจะทำให้ฝ้ารุนแรงได้มากขึ้นจากการที่ผิวไวต่อการเกิดฝ้ามากขึ้น ดังนั้นการดูแลผิวชุ่มชื้นจึงเป็นสิ่งสำคัญต่อคนที่เป็นฝ้าเป็นอย่างมากค่ะ
ผิวแห้งและฝ้าสามารถรักษาพร้อมกันได้ไหม ?
การรักษาผิวแห้งและการรักษาฝ้าสามารถรักษาพร้อมกันได้ เพราะการรักษาฝ้ามักต้องใช้ผลิตภัณฑ์หรือทรีตเมนต์ที่เน้นการผลัดเซลล์ผิวและลดการผลิตเม็ดสีเมลานินที่ไม่สม่ำเสมอ ในขณะที่การรักษาผิวแห้งสามารถบำรุงให้มีความชุ่มชื้นมากขึ้นผ่านการใช้มอยเจอร์ไรเซอร์หรือผลิตภัณฑ์เพิ่มความชุ่มชื้นควบคู่ไปกับการรักษาฝ้าได้ โดยในปัจจุบันมีเทคโนโลยีหลายอย่างที่สามารถช่วยทั้งเรื่องความชุ่มชื้นและการรักษาฝ้าในโปรแกรมเดียวกันเพื่อการรักษาที่ล้ำลึก ครอบคลุม
รักษาฝ้าสำหรับคนผิวแห้งจะทำให้ผิวแห้งมากขึ้นไหม ?
การรักษาฝ้าในผู้ที่มีปัญหาผิวแห้งอาจมีความเสี่ยงที่จะทำให้ผิวแห้งขึ้นได้ในบางวิธีของการรักษา ดังนั้นในคนที่มีผิวแห้งควรเลือกวิธีการรักษาฝ้าที่เหมาะสมกับสภาพผิวและหลีกเลี่ยงการผลัดเซลล์ผิวที่แรงเกินไปหรือการทำเลเซอร์ในบางโปรแกรมที่อาจทำให้ผิวสูญเสียความชุ่มชื้นได้ แต่ในปัจจุบันมีเทคนิคและผลิตภัณฑ์รักษาฝ้าที่ออกแบบมาเพื่อดูแลผิวแห้งโดยเฉพาะ ทำให้สามารถรักษาฝ้าพร้อมกับดูแลผิวให้ชุ่มชื้นไปด้วยกันได้ ซึ่งถือว่าเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ดีสำหรับผู้ที่มีปัญหาผิวแห้งและมีปัญหาฝ้าค่ะ
คนผิวแห้งสามารถรักษาฝ้าวิธีใดได้บ้าง ?
ในคนที่มีปัญหาผิวแห้งแล้วต้องการรักษาฝ้าสามารถทำได้หลายวิธี แต่วิธีการรักษาฝ้าต่างๆอาจจะเหมาะสมกับชนิดและความรุนแรงของฝ้าที่แตกต่างกัน โดยวิธีการรักษาฝ้าที่นิยมในคนที่มีปัญหาผิวแห้งมีดังนี้
- รักษาฝ้าด้วยการใช้การใช้ผลิตภัณฑ์ที่อ่อนโยน ในการรักษาฝ้าสำหรับผู้ที่มีผิวแห้งสามารถทาเซรั่มหรือทาครีมที่มีสูตรที่อ่อนโยนต่อผิวแห้งช่วยลดเลือนฝ้าได้ โดยเน้นผลิตภัณฑ์ที่ผสมสารให้ความชุ่มชื้นหรือสารสกัดจากธรรมชาติที่ช่วยกักเก็บน้ำในผิว
- รักษาฝ้าด้วยการทำเลเซอร์ การรักษาฝ้าด้วยเลเซอร์ในผู้ที่มีปัญหาผิวแห้งสามารถทำได้ ด้วยการใช้เลเซอร์พลังงานต่ำ เช่น PICOLASER ที่จะช่วยทำลายเซลล์เม็ดสีที่ผิดปกติ ไม่ทำร้ายผิวชั้นนอกมากเกินไป ทำให้ฝ้าจางลง แต่ควรปรึกษาแพทย์ผู้ชำนาญการเพื่อวางแผนการรักษาฝ้าก่อนรักษาด้วยเลเซอร์
- รักษาฝ้าด้วยการใช้แสง IPL (Intense Pulsed Light) การรักษาฝ้าด้วยการใช้ IPL แสงที่มีความเข้มข้นสูงสามารถทำได้ในผู้ที่มีผิวแห้ง แต่ต้องระมัดระวังและดูแลผิวหลังการทำให้เหมาะสมด้วยการทำทรีตเมนต์เพิ่มความชุ่มชื้นเพิ่มเติม และการทาครีมกันแดดเพื่อป้องกันการระคายเคือง โดยการรักษาฝ้าด้วยวิธีนี้จะช่วยลดเลือนฝ้าและจุดด่างดำได้
- รักษาฝ้าด้วยการใช้เวชสำอางสำหรับผิวแห้ง การใช้เวชสำอางค์ที่พัฒนาเพื่อรักษาฝ้าโดยเฉพาะสามารถผสานคุณสมบัติการบำรุงผิวให้ชุ่มชื้นไปในตัวช่วยทำให้ผิวชุ่มชื้นมากยิ่งขึ้นพร้อมกับการรักษาฝ้าอีกด้วย
- รักษาฝ้าด้วยการดูแลผิว การดูแลรักษาผิวไม่ให้ผิวแห้งเสีย รักษาผิวให้ชุ่มชื้นเป็นประจำ จะช่วยลดการระคายเคืองและป้องกันไม่ให้เกิดฝ้าอีกครั้ง
ฝ้าในคนผิวแห้งหายถาวรได้ไหม ?
การรักษาฝ้าในคนที่ผิวแห้งสามารถรักษาให้หายขาดได้ แต่อาจจะต้องใช้เวลาและความต่อเนื่องในการรักษา และในบางคนที่มีฝ้าที่รุนแรงอาจจะต้องใช้การรักษาหลายวิธีร่วมกัน ซึ่งปัจจัยที่ทำให้การรักษาฝ้าต้องใช้ระยะเวลาเกิดได้จากปัจจัยต่างๆ ดังนี้
- สาเหตุของการเกิดฝ้า การเกิดฝ้าสามารถเกิดได้จากหลายปัจจัยทั้งพันธุกรรม ฮอร์โมน หรือแสงแดด ดังนั้นการรักษาจะหายขาดได้หรือไม่ขึ้นอยู่กับสาเหตุของการเกิดฝ้าได้ด้วยเช่นกัน
- ผิวแห้งเป็นตัวกระตุ้น หากเป็นคนที่มีปัญหาผิวแห้งจะเป็นการกระตุ้นให้ร่างกายผลิตเม็ดสีเมลานินมากขึ้น ทำให้ฝ้าเข้มขึ้นและเกิดซ้ำได้ง่าย
- เม็ดสีเมลานินฝังลึก การรักษาฝ้าจะหายขาดได้หรือไม่ขึ้นอยู่กับเม็ดสีเมลานินด้วยว่าฝังลึกในชั้นผิวหนังมากแค่ไหน เนื่องจากการรักษาฝ้าจะรักษาให้หายขาดได้ยากและต้องใช้เวลานานมากยิ่งขึ้นถ้าเม็ดสีเมลานินฝังลึก
- การตากแดดร้อนจัดบ่อยๆ หากรักษาฝ้าแล้วแต่ยังคงตากแดดร้อนจัดบ่อยๆและไม่ค่อยทาครีมกันแดด ฝ้าจะถูกกระตุ้นให้เข้มขึ้นและเกิดซ้ำได้จากรังสี UV
- การใช้ผลิตภัณฑ์บางชนิดที่กระตุ้น ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวบางชนิดอาจจะมีส่วนผสมที่ทำให้ฝ้าเข้มขึ้นได้ เช่นผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของน้ำหอม เป็นต้น
วิธีป้องกันไม่ให้ผิวแห้งระหว่างการรักษาฝ้า
การป้องกันไม่ให้ผิวแห้งระหว่างการรักษาฝ้ามีความสำคัญเพื่อให้ผลลัพธ์ที่มีประสิทธิภาพและลดการระคายเคืองที่อาจเกิดขึ้นได้ในอนาคต โดยวิธีป้องกันผิวแห้งระหว่างการรักษาฝ้า ดังนี้
- หลีกเลี่ยงผลิตภัณฑ์ที่มีสารทำร้ายผิว เพื่อป้องกันไม่ให้ผิวแห้งมากขึ้นในระหว่างการรักษาฝ้าควรหลีกเลี่ยงการใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมที่มีสารทำร้ายผิวหรือผลิตภัณฑ์ที่ทำให้ผิวแห้งเพิ่มมากขึ้น เช่นผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ หรือน้ำหอม ควรเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่อ่อนโยนต่อผิวในระหว่างการรักษาฝ้าเพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นและไม่ทำลายชั้นปกป้องของผิว
- ทำทรีตเมนต์ ในระหว่างการรักษาฝ้าคนที่มีปัญหาผิวแห้งสามารถทำทรีตเมนต์เพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นควบคู่กับการรักษาฝ้าได้ เพื่อที่จะช่วยบำรุงผิวให้มีความชุ่มชื้นตลอดการรักษาฝ้า
- ใช้ผลิตภัณฑ์ที่ให้ความชุ่มชื้น ในการรักษาฝ้าของผู้มีที่ปัญหาผิวแห้งควรใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีความชุ่มชื้นและครีมกันแดดที่อ่อนโยนควบคู่ไปด้วยเพื่อลดการถูกทำร้ายจากรังสี UV เพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิว และช่วยป้องกันการเป็นฝ้าซ้ำซ้อน
- หลีกเลี่ยงการผลัดเซลล์ผิวที่แรงเกินไป ระหว่างการรักษาฝ้าควรหลีกเลี่ยงการทำใช้สารผลัดเซลล์ผิวที่แรงเกินไปในผู้ที่มีปัญหาผิวแห้ง เพราะอาจจะทำให้เกิดการระคายเคืองและผิวแห้งเพิ่มมากขึ้นในระหว่างการรักษาฝ้า จนไปลดประสิทธิภาพในการรักษาฝ้าได้
วิธีดูแลผิวแห้งเพื่อป้องกันการเกิดฝ้า
ผิวแห้งเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่กระตุ้นให้เกิดฝ้าได้ อีกทั้งยังทำให้การเกิดฝ้านั้นรุนแรงมากยิ่งขึ้น เพราะผิวแห้งจะอ่อนและไวต่อการระคายเคือง ดังนั้นก่อนที่จะเกิดปัญหาผิวแห้งจนทำให้เกิดฝ้ารุนแรง ควรดูแลบำรุงผิวไม่ให้ผิวแห้งเสียได้ ดังนี้
- ดูแลผิวแห้งด้วยการบำรุงผิวด้วยมอยเจอร์ไรเซอร์
การใช้มอยเจอร์ไรเซอร์ที่ตรงกับสภาพผิว โดยเน้นสูตรที่อ่อนโยนและชุ่มชื้น เพื่อช่วยกักเก็บความชุ่มชื้นในผิว ลดการสูญเสียน้ำ ช่วยให้ผิวแข็งแรงขึ้น ลดการที่ผิวแห้งเสียได้
- ดูแลผิวแห้งด้วยการทากันแดดเป็นประจำ
รังสี UV ในแสงแดดเป็นสาเหตุหลักในการเกิดฝ้าและผิวแห้ง ดังนั้นการทากันแดดที่มีค่า SPF และ PA สูงทุกวันเป็นประจำ จึงเป็นสิ่งสำคัญมากในการป้องกันฝ้าและลดผิวแห้งเสีย
- ดูแลผิวแห้งด้วยการดื่มน้ำให้เพียงพอ
การดื่มน้ำให้เพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย คือการดื่มน้ำอย่างน้อยวันละ 8 แก้ว จะช่วยปริมาณน้ำในผิวมากขึ้นช่วยให้ผิวชุ่มชื้น ไม่แห้งเสียได้
- ดูแลผิวแห้งด้วยการเลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์
การรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ อาหารที่มีวิตามินและแร่ธาตุครบถ้วน จะช่วยบำรุงผิวจากภายใน ทำให้ผิวแข็งแรงสุขภาพดี ทำให้ผิวไม่แห้งเสีย
- ดูแลผิวแห้งด้วยการพักผ่อนให้เพียงพอ
การนอนหลับพักผ่อนเพียงพอ จะช่วยให้ร่างกายได้ซ่อมแซมตัวเอง ส่งผลให้ผิวดูสดใสและแข็งแรงมากขึ้น
ผิวแห้ง เป็นสภาวะที่ผิวขาดความชุ่มชื้น ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เกิดฝ้าได้ จากการที่ผิวอ่อนแอและบอบบางลง นอกจากจะทำให้เกิดฝ้าแล้ว การที่ผิวแห้งยังทำให้ฝ้าเข้มขึ้น หรือลุกลามไปยังจุดอื่น ๆ ได้อีกด้วย เพราะฉะนั้นการรักษาฝ้าในผู้ที่มีผิวแห้งควรทำควบคู่ไปกับการเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิว โดยการรักษาฝ้าในผู้ที่มีผิวแห้งสามารถทำได้หลายวิธี ไม่ว่าจะเป็นการรักษาด้วยเลเซอร์ หรือผลิตภัณฑ์รักษาฝ้า