ผิวชุ่มชื้น กุญแจสำคัญสู่ผิวสุขภาพดี
เคยสังเกตไหมว่า ? เมื่อผิวแห้งกร้าน ผิวจะดูหมองคล้ำ ขาดความเปล่งปลั่ง และอาจเกิดปัญหาผิวตามมาอีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็นสิว ริ้วรอย หรือผิวแพ้ง่าย นั่นเป็นเพราะผิวขาดความชุ่มชื้นจะสูญเสียความยืดหยุ่น ทำให้เกิดร่องลึก และเป็นช่องทางให้สิ่งสกปรกเข้าสู่ผิวได้ง่ายขึ้น วันนี้รมย์รวินท์จะพาไปดูกันว่า ผิวชุ่มชื้นเป็นกุญแจสำคัญสู่ผิวสุขภาพดีได้อย่างไร พร้อมกับแนะนำวิธีการบำรุงผิวให้ชุ่มชื้นอย่างถูกต้อง เพื่อให้คุณมีผิวชุ่มชื้น ผิวสุขภาพดี ไร้ปัญหาผิวไปพร้อมกันค่ะ
ผิวชุ่มชื้น คืออะไร ?
ผิวชุ่มชื้น หมายถึง ผิวที่มีความสมดุลระหว่างน้ำและน้ำมันธรรมชาติในชั้นผิว ซึ่งการที่ผิวมีน้ำและน้ำมันธรรมชาติมีความสมดุลกัน จะทำให้ผิวสุขภาพดี และไม่มันหรือแห้งเกินไป ซึ่งการมีผิวชุ่มชื้นนี้จะช่วยให้ผิวสุขภาพดี อิ่มน้ำ เรียบเนียน ไม่แห้งกร้าน หรือลอกเป็นขุย
ผิวชุ่มชื้นเกิดจากอะไร ?
การที่ผิวชุ่มชื้นเกิดได้จากหลายปัจจัย ที่จะช่วยในการรักษาสมดุลน้ำ และน้ำมันในผิว โดยสาเหตุหลักที่ทำให้ผิวชุ่มชื้นได้ มีดังนี้
- ปริมาณน้ำในชั้นผิวนอกสุด (Stratum Corneum) ซึ่งน้ำในชั้นนี้จะช่วยให้ผิวชุ่มชื้น เรียบเนียน อิ่มฟู ผิวสุขภาพดี
- การทำงานของเกราะป้องกันผิว (Skin Barrier) มีส่วนช่วยในการป้องกันการสูญเสียน้ำ และสิ่งระคายเคืองภายนอก
- การรักษาความสมดุลของน้ำมันธรรมชาติในผิว ช่วยในการกักเก็บความชุ่มชื้น และลดการสูญเสียน้ำในผิว ทำให้ผิวชุ่มชื้น ไม่แห้ง และทำให้มีผิวสุขภาพดี
- การดูแลผิวในชีวิตประจำวันที่เหมาะสม ปัจจัยนี้มีส่วนในการช่วยรักษาไขมันตามธรรมชาติ ไม่ทำให้ผิวแห้งตึง ทำให้ดูมีผิวสุขภาพดี
- ปัจจัยจากสิ่งแวดล้อม หากอยู่ในสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมจะสามารถช่วยรักษาความชุ่มชื้น ทำให้ผิวชุ่มชื้นได้
- การดูแลสุขภาพโดยรวม และการรับประทานอาหาร ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้น และส่งเสริมสุขภาพผิว อีกทั้งการดูแลสุขภาพด้วยการพักผ่อนให้เพียงพอยังสามารถช่วยกระตุ้นการฟื้นฟูเซลล์ผิว และลดการสูญเสียน้ำ ทำให้ดูมีผิวสุขภาพดีได้อีกด้วย
ผิวชุ่มชื้นช่วยให้ผิวสุขภาพดีได้อย่างไร ?
การมีผิวชุ่มชื้นสามารถช่วยให้ผิวสุขภาพดีได้ จากการที่มีบทบาทสำคัญในการช่วยแก้ไขปัญหาผิวในหลาย ๆ ด้าน เมื่อผิวชุ่มชื้นเพียงพอจะเสริมเกราะป้องกันให้กับผิวทำให้ผิวสุขภาพดีอย่างเห็นได้ชัด โดยการมีผิวชุ่มชื้นส่งผลทำให้ผิวสุขภาพดีได้ ดังนี้
- ผิวชุ่มชื้นส่งผลทำให้ผิวสุขภาพดีจากการช่วยป้องกันมลภาวะ แบคทีเรีย และสารระคายเคืองจากภายนอก
- ผิวชุ่มชื้นส่งผลทำให้ผิวสุขภาพดีจากการช่วยให้ผิวฟื้นตัวได้เร็วขึ้นจากการระคายเคืองหรือความเสียหาย
- ผิวชุ่มชื้นส่งผลทำให้ผิวสุขภาพดีจากการช่วยให้ผิวดูอิ่มน้ำ สดใส และเปล่งประกาย
- ผิวชุ่มชื้นส่งผลทำให้ผิวสุขภาพดีจากการลดปัญหาผิวต่าง ๆ
- ผิวชุ่มชื้นส่งผลทำให้ผิวสุขภาพดีจากการช่วยเสริมกระบวนการสร้างเซลล์ผิวใหม่
สัญญาณว่าผิวขาดความชุ่มชื้น ?
สัญญาณที่บอกได้ว่าผิวกำลังขาดความชุ่มชื้น สามารถสังเกตได้จากลักษณะของผิวที่แสดงให้เห็นภายนอกได้ด้วยอาการต่าง ๆ เหล่านี้
- ผิวแห้ง ผิวหยาบกร้าน ไม่เรียบเนียน
- ผิวอาจรู้สึกตึง หรือระคายเคือง
- สีผิวไม่สม่ำเสมอ
- ผิวแตกเล็กๆ บนผิวหนัง
- เกิดอาการคันเล็กน้อย หรือคันมาก
- ผิวมันมากขึ้นในบริเวณ T-zone (หน้าผาก, จมูก, คาง)
- ผิวลอกเป็นขุย หรือลอกเป็นแผ่นเล็กๆ
- ผิวดูหมองคล้ำ ไม่สดใส
- ริ้วรอยเหี่ยวย่นดูเด่นชัดขึ้น
- ผิวบอบบางและแพ้ง่าย
- ริ้วรอยเหี่ยวย่นดูเด่นชัดขึ้น
- ผิวบอบบางและแพ้ง่าย
สัญญาณของผิวที่ขาดความชุ่มชื้น สามารถสังเกตได้จากลักษณะดังที่กล่าวมาข้างต้น โดยในบางบุคคลอาจจะมีลักษณะของผิวรวมกันหลาย ๆลักษณะได้ สำหรับใครที่ต้องการสังเกตผิว ว่าขาดความชุ่มชื้นหรือไม่ สามารถสังเกตได้จากลักษณะผิวเหล่านี้ได้เลยค่ะ
สาเหตุหลักที่ทำให้ผิวขาดความชุ่มชื้น
ผิวแห้งกร้าน ขาดความชุ่มชื้น เป็นปัญหาที่พบได้บ่อยและส่งผลต่อสุขภาพผิวของเราอย่างมาก สาเหตุที่ทำให้ผิวขาดความชุ่มชื้นนั้นมีหลายปัจจัย ทั้งจากปัจจัยภายในร่างกาย ปัจจัยภายนอก และพฤติกรรมการใช้ชีวิต การทำความเข้าใจถึงสาเหตุเหล่านี้ จะช่วยให้เราสามารถดูแลผิวให้กลับมาชุ่มชื้น และทำให้มีผิวสุขภาพดีได้ โดยปัจจัยสำคัญที่ทำให้ผิวขาดความชุ่มชื้น มีดังนี้
- ผิวขาดความชุ่มชื้นจากสภาพแวดล้อม
การอยู่ในสภาพแวดล้อมที่มีมลภาวะที่ฝุ่นละอองและสารเคมีในอากาศ หรืออยู่ในสภาพแวดล้อมที่อากาศแห้ง แสงแดดจัด ๆ จะทำให้ผิวสูญเสียน้ำ และทำให้ผิวกักเก็บความชุ่มชื้นได้น้อยลง
- ผิวขาดความชุ่มชื้นจากพฤติกรรมการดูแลผิวที่ไม่เหมาะสม
การดูแลผิวที่ไม่เหมาะสม เช่น การล้างหน้าบ่อยเกินไป หรือการใช้ผลิตภัณฑ์รุนแรง ทำให้ผิวแห้ง ระคายเคือง และขาดความชุ่มชื้นได้
- ผิวขาดความชุ่มชื้นจากอายุที่เพิ่มขึ้น
การผลิตน้ำมันธรรมชาติ และสารกักเก็บน้ำจะลดลงเมื่ออายุเพิ่มมากขึ้น ทำให้ผิวแห้ง และสูญเสียความชุ่มชื้นง่ายขึ้น
- ผิวขาดความชุ่มชื้นจากการขาดน้ำในร่างกาย
การที่ร่างกายขาดน้ำจะทำให้ผิวไม่สามารถรักษาระดับความชุ่มชื้นได้อย่างเหมาะสม ส่งผลให้ผิวขาดความชุ่มชื้นได้
- ผิวขาดความชุ่มชื้นจากการขาดสารอาหาร
การที่ร่างกายขาดสารอาหาร หรือกรดไขมันจำเป็น มีโอกาสทำให้ผิวสูญเสียความชุ่มชื้น และทำให้ผิวไม่แข็งแรงได้
- ผิวขาดความชุ่มชื้นจากพฤติกรรมการใช้ชีวิต
หากมีการสูบบุหรี่ ดื่มแอลกอฮอล์ หรือนอนหลับพักผ่อนไม่เพียงพอ ร่างกายจะลดความสามารถของผิวในการกักเก็บน้ำ ทำให้ร่างกายและผิวสูญเสียน้ำ จนทำให้เกิดปัญหาผิวไม่ชุ่มชื้นได้
- ผิวขาดความชุ่มชื้นจากภาวะสุขภาพ
การเป็นโรคบางชนิด หรือการรับประทานยาบางอย่าง มีผลต่อการทำให้ผิวแห้งกร้าน ขาดความชุ่มชื้นได้ เพราะการเจ็บป่วยหรือโรคผิวหนังบางชนิด ส่งผลต่อระบบภูมิคุ้มกัน และลดความสามารถของผิวในการฟื้นฟู
ดูยังไงได้บ้างว่าผิวชุ่มชื้น ?
การเช็กว่าผิวชุ่มชื้นหรือไม่นั้นสำคัญมาก เพราะผิวที่ขาดความชุ่มชื้นจะทำให้เกิดปัญหาผิวต่าง ๆ ตามมามากมาย ซึ่งการเช็กผิวชุ่มชื้นสามารถทำได้หลายวิธี ทั้งการเช็กผิวชุ่มชื้นด้วยการสัมผัส การสังเกตจากภายนอก และจากเครื่องมือการวัดค่าความชุ่มชื้น โดยสามารถเช็กผิวชุ่มชื้น ได้ดังนี้
- การเช็กผิวชุ่มชื้นด้วยตัวเอง เป็นวิธีเช็กผิวชุ่มชื้นได้ที่บ้านด้วยตัวเอง โดยที่ไม่มีวิธีการที่ซับซ้อนยุ่งยาก สามารถเช็กได้หลายวิธี ดังต่อไปนี้
- การสัมผัสผิว หากสัมผัสแล้วผิวเรียบเนียน นุ่มลื่น ไม่เป็นขุย แสดงได้ว่าผิวชุ่มชื้น
- การดูผิวว่าผิวมีความเปล่งปลั่ง กระจ่างใส ไม่หมองคล้ำ หรือไม่ หากมีแสดงได้ว่าผิวสุขภาพดีและมีความชุ่มชื้น
- เช็กผิวชุ่มชื้นจากความรู้สึกที่เกิดบนผิว โดยผิวชุ่มชื้นจะไม่รู้สึกตึง หรือแห้งหลังล้างหน้า หรือหลังจากการสัมผัสอากาศ
- เช็กผิวชุ่มชื้นจากการทดสอบความยืดหยุ่น หากดึงผิวเบาๆ แล้วสามารถคืนรูปได้เร็ว แสดงได้ว่าผิวชุ่มชื้น
- การใช้เครื่องมือเช็กผิวชุ่มชื้น เป็นการใช้เครื่องมือต่าง ๆ ได้ในการวัดผิวชุ่มชื้น โดยสามารถทำได้ดังต่อไปนี้
- การใช้เครื่องวัดความชุ่มชื้น ในการเช็กผิวชุ่มชื้น โดยเครื่องนี้จะมีเซนเซอร์ที่วัดค่าไฟฟ้าผ่านผิวหนัง ที่สามารถวัดความชุ่มชื้นในผิวได้
- การใช้เครื่องวัดการนำไฟฟ้า โดยวัดค่าการนำไฟฟ้าผ่านผิว เพื่อเช็กระดับความชุ่มชื้นในผิว
- การใช้เครื่องวัดความชื้นจากเกล็ดผิวเพื่อวัดระดับความชื้นในชั้น Stratum Corneum ในการเช็กผิวชุ่มชื้น
- การใช้เครื่องมือวัดการสะท้อนแสงในการใช้แสงอินฟราเรด เพื่อวัดระดับน้ำในผิวหนัง เพื่อเช็กผิวชุ่มชื้น
การวัดระดับความชุ่มชื้นในผิว จะช่วยให้เรารู้ได้ว่าเราผิวแห้งกร้าน หรือขาดความชุ่มชื้นหรือไม่ โดยส่วนมากการวัดผิวชุ่มชื้นด้วยเครื่องวัดผิวจะมีความแม่นยำมากกว่า แต่การวัดผิวชุ่มชื้นด้วยตนเองก็สามารถทำได้เช่นกัน
ลักษณะของผิวชุ่มชื้น
ลักษณะของผิวชุ่มชื้น อิ่มน้ำ ผิวสุขภาพดี คือผิวที่มีความสมดุลทั้งในด้านการกักเก็บเก็บน้ำและน้ำมันธรรมชาติในผิว โดยลักษณะของผิวชุ่มชื้น มีดังนี้
- ผิวชุ่มชื้นจะมีผิวที่เรียบเนียน ไม่มีความแห้ง หรือความหยาบกร้าน
- ผิวชุ่มชื้นจะมีความเนียนนุ่มจากการที่เซลล์ผิวเก็บน้ำได้ดี และมีน้ำมันธรรมชาติช่วยเคลือบผิว
- ผิวชุ่มชื้นจะอิ่มฟู เต่งตึง และเปล่งปลั่ง
- ผิวชุ่มชื้นจะมีสีผิวสุขภาพดี สม่ำเสมอ ไม่หมองคล้ำ
- ผิวชุ่มชื้นจะไม่มีรอยของการแห้งแตก ลอกเป็นขุย
- ผิวชุ่มชื้นจะมีความยืดหยุ่นสูง สามารถคืนรูปได้อย่างรวดเร็ว เมื่อถูกกดหรือดึงเบา ๆ
วิธีทำให้ผิวชุ่มชื้น
การทำให้ผิวชุ่มชื้นสามารถทำได้หลายวิธี ซึ่งสามารถทำได้ทั้งการรักษาและเพิ่มความชุ่มชื้น เพื่อให้ผิวสุขภาพดี อิ่มฟู โดยสามารถทำให้ผิวชุ่มชื้นได้ด้วยวิธีต่าง ๆ ดังนี้
1.การดูแลตัวเองจากภายในเพื่อให้ผิวชุ่มชื้น
การเพิ่มความชุ่มชื้นด้วยวิธีนี้ เป็นวิธีการดูแลเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิวจากภายใน ทำให้ผิวชุ่มชื้นได้ ซึ่งวิธีนี้เป็นวิธีที่ช่วยบำรุงผิวจากรากฐาน ทำให้ผิวสุขภาพดีด้วยวิธีการต่าง ๆ ดังนี้
- การดื่มน้ำให้เพียงพอเพื่อให้ผิวชุ่มชื้น
หากร่างกายได้รับน้ำในปริมาณที่เพียงพอ เซลล์ผิวจะทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ อีกทั้งหากน้ำในร่างกายเพียงพอยังช่วยรักษาความยืดหยุ่นให้ผิว ทำให้ผิวชุ่มชื้น ดูอิ่มฟู ไม่แห้งกร้าน และลดความหมองคล้ำ ลดปัญหาผิวลอกเป็นขุย ทำให้ผิวสุขภาพดีได้
- การรับประทานอาหารที่ดีต่อผิวเพื่อให้ผิวชุ่มชื้น
อาหารที่ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิวมีหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นผัก ผลไม้ ที่มีน้ำสูง หรือจะเป็นอาหารที่อุดมด้วยกรดไขมันจำเป็น โดยการรับประทานอาหารที่ดีจะช่วยให้ผิวสุขภาพดีและช่วยสร้างความชุ่มชื้นจากภายในได้ ทำให้ผิวชุ่มชื้น ดูอิ่มน้ำ
การเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิวด้วยการดูแลตัวเองจากภายใน ช่วยเสริมสร้างพื้นฐานให้ผิวชุ่มชื้น อิ่มฟู และทำให้ผิวสุขภาพดีในระยะยาวได้
2.การใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวต่าง ๆ เพื่อให้ผิวชุ่มชื้น
การใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวเพื่อเพิ่มความชุ่มชื้น สามารถทำให้ผิวชุ่มชื้นได้ดีแล้วยังสามารถช่วยเสริมสร้างและกักเก็บความชุ่มชื้นได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้ผิวสุขภาพดีได้ โดยการเพิ่มความชุ่มชื้นในผิวสามารถทำได้ด้วยการใช้ผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ดังต่อไปนี้
- การใช้มอยส์เจอร์ไรเซอร์
สามารถช่วยให้ผิวชุ่มชื้นและทำให้ผิวสุขภาพดีได้ หากใช้มอยส์เจอร์ไรเซอร์ที่มีส่วนผสมในการกักเก็บน้ำ และเติมความชุ่มชื้นให้ผิว โดยการทามอยส์เจอร์ไรเซอร์ทันทีหลังล้างหน้า ขณะที่ผิวยังชื้น จะช่วยให้กักเก็บน้ำได้ดียิ่งขึ้น
- การใช้มาสก์ หรือซีรั่มเพิ่มความชุ่มชื้น
วิธีการนี้สามารถช่วยให้ผิวชุ่มชื้นได้ หากใช้มาสก์หรือซีรั่มที่มีส่วนผสมของสารบำรุงผิวที่ให้ความชุ่มชื้น หากใช้ต่อเนื่องสัปดาห์ละ 1-2 ครั้ง จะช่วยให้ผิวชุ่มชื้น และฟื้นฟูผิว ทำให้ผิวสุขภาพดี อิ่มน้ำ ฉ่ำวาวได้
- การใช้ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยเสริมเกราะป้องกันผิว (Skin Barrier)
วิธีการนี้เป็นวิธีที่ช่วยรักษาความชุ่มชื้น และป้องกันปัญหาผิวได้ดี โดยการเลือกใช้ผลิตภัณฑ์เหล่านี้ ควรเลือกให้เหมาะสมกับผิว จะทำให้ผิวชุ่มชื้นได้ดี และควรหลีกเลี่ยงการเลือกผลิตภัณฑ์ที่เสี่ยงต่อการทำให้ผิวแห้งหรือระคายเคือง
- การใช้ผลิตภัณฑ์ผลัดเซลล์ผิว
การใช้ผลิตภัณฑ์เหล่านี้อย่างเหมาะสมและต่อเนื่อง จะสามารถช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิว ดูอิ่มน้ำ และฟื้นฟูความสมดุลของผิว ทำให้ผิวสุขภาพดีได้ในระยะยาว จากการผลัดเซลล์ผิวเก่าออก ทำให้ความชุ่มชื้นซึมซาบเข้าสู่ผิวได้ดีขึ้น
3.การป้องกันผิวจากปัจจัยภายนอกเพื่อให้ผิวชุ่มชื้น
วิธีการนี้เป็นวิธีการที่มีความสำคัญ ในการปกป้องผิวจากความเสียหายภายนอก และลดการสูญเสียน้ำจากผิว ทำให้ผิวสุขภาพดีได้ ซึ่งวิธีการต่าง ๆ ที่จะช่วยทำให้ผิวชุ่มชื้นได้ มีดังนี้
- การหลีกเลี่ยงการใช้ผลิตภัณฑ์ที่ทำให้ผิวแห้ง
ควรหลีกเลี่ยงผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมรุนแรง และส่งผลให้ผิวสูญเสียน้ำหรือระคายเคืองได้ เช่น แอลกอฮอล์ ซัลเฟต หรือน้ำหอม เพราะส่วนผสมเหล่านี้ เมื่อไปอยู่ในผลิตภัณฑ์บางชนิด อาจจะทำให้ผิวเกิดการระคายเคือง และสูญเสียน้ำในผิวได้
- การป้องกันผิวจากมลภาวะและแสงแดด
การหลีกเลี่ยงปัจจัยต่าง ๆ เหล่านี้ จะช่วยให้ผิวชุ่มชื้นยาวนาน และทำให้มีผิวสุขภาพดีได้ เนื่องจากมลภาวะ อาจทำให้ผิวสูญเสียความชุ่มชื้น หรือเกิดปัญหาผิวต่าง ๆ ตามมาได้ อีกทั้งแสงแดดยังเป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่ทำให้ผิวสูญเสียน้ำ และเกิดความเสียหายระยะยาว ดังนั้นจึงควรทาครีมกันแดดที่มีค่า SPF สูงๆเป็นประจำ เพื่อไม่ให้ผิวถูกทำร้ายจากแสงแดด และทำให้ผิวสุขภาพดี
4.การทำหัตถการต่าง ๆ เพื่อให้ผิวชุ่มชื้น
การทำให้ผิวชุ่มชื้นด้วยการทำหัตถการต่าง ๆ เป็นวิธีการที่นิยมเป็นอย่างมากในปัจจุบัน ด้วยการใช้เทคโนโลยีทางการแพทย์ที่ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้น และฟื้นฟูสภาพผิวอย่างล้ำลึก ทำให้ผิวสุขภาพดีและสามารถเห็นผลลัพธ์ชัดเจนได้ในเวลาไม่นาน อีกทั้งยังสามารถแก้ไขปัญหาได้อย่างตรงจุด ซึ่งการทำหัตถการให้ผิวชุ่มชื้นที่นิยม มีดังนี้
- การฉีดฟิลเลอร์ (Dermal Fillers)
การทำให้ผิวชุ่มชื้นด้วยฟิลเลอร์ เป็นการเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิวโดยตรงด้วยการใช้สารเติมเต็มอย่างกรดไฮยาลูโรนิก (Hyaluronic Acid) ในการฉีดเข้าสู่ผิวเพื่อเติมเต็มความชุ่มชื้นลึกถึงชั้นผิว ทำให้ผิวสุขภาพดี อิ่มน้ำได้ โดยวิธีการนี้นิยมมากเพราะเห็นผลลัพธ์หลังการทำทันที
- การรักษาด้วย PRP (Platelet-Rich Plasma)
การทำให้ผิวชุ่มชื้นด้วยการทำ PRP ช่วยกระตุ้นการผลิตคอลลาเจน และฟื้นฟูผิว ทำให้ผิวชุ่มชื้น และกระจ่างใสได้ จากการแยกเกล็ดเลือดที่มีความเข้มข้นสูงจากผู้รักษากลับมาฉีดเข้าผิว ทำให้ผลลัพธ์ที่ได้คือช่วยให้ผิวสุขภาพดี ฟื้นฟูผิวจากภายใน ทำให้ผิวดูชุ่มชื้น กระจ่างใส และลดเลือนริ้วรอยได้ด้วย
- การใช้เครื่องมือเลเซอร์ (Laser Treatments)
การทำให้ผิวชุ่มชื้นด้วยการเลเซอร์ จะช่วยในการกระตุ้นเซลล์ผิวให้ผลิตคอลลาเจนใหม่และปรับสภาพผิวให้กระจ่างใส ทำให้ผิวสุขภาพดีและชุ่มชื้นได้ จากการกระตุ้นด้วยเลเซอร์ไปยังใต้ชั้นผิว
ในการทำให้ผิวชุ่มชื้นมีหลายวิธี ทั้งการเพิ่มความชุ่มชื้นด้วยตัวเองจากภายในและการใช้ผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ อีกทั้งยังมีการทำให้ผิวชุ่มชื้นอย่างรวดเร็วด้วยการทำหัตถการ ซึ่งวิธีนี้จะช่วยให้ผิวสุขภาพดี และชุ่มชื้นได้อย่างชัดเจนในเวลาไม่นาน
ผิวชุ่มชื้น ดียังไง ?
การที่มีผิวชุ่มชื้นมีข้อดีหลายอย่างในการปกป้องผิว โดยผิวชุ่มชื้นมีส่วนในการทำให้ผิวสุขภาพดีและแข็งแรงขึ้น อีกทั้งยังช่วยส่งเสริมให้ผิวดูเปล่งปลั่ง อ่อนเยาว์ และการที่มีผิวชุ่มชื้นยังมีข้อดีอื่น ๆ อีกหลายด้าน ดังนี้
- ผิวชุ่มชื้นจะช่วยลดริ้วรอย และร่องลึก
- ผิวชุ่มชื้นช่วยชะลอการเกิดริ้วรอยใหม่ ๆ อีกด้วย
- ผิวชุ่มชื้นลดโอกาสการระคายเคือง
- ผิวชุ่มชื้นลดความเสี่ยงของการอักเสบ ผื่น หรือผิวแห้งลอก
- ผิวชุ่มชื้นทำให้แผลหายเร็ว ลดการเกิดจุดด่างดำ และรอยแผลเป็น
- ผิวชุ่มชื้นช่วยให้ผิวสม่ำเสมอ และกระจ่างใส
- ผิวชุ่มชื้นช่วยปรับสมดุลผิวให้ไม่มันหรือแห้งเกินไป
- ผิวชุ่มชื้นช่วยให้เครื่องสำอางเกาะผิวได้ดีขึ้น
- ผิวชุ่มชื้นช่วยให้ผิวเรียบเนียน ไม่หมองคล้ำ
- ผิวชุ่มชื้นช่วยให้ผิวสุขภาพดี
ทำไมผิวถึงต้องการความชุ่มชื้น ?
ความชุ่มชื้นเป็นสิ่งที่ผิวต้องการเป็นอย่างมาก เนื่องจากผิวชุ่มชื้นมีบทบาทสำคัญหลายอย่าง ในการช่วยให้ผิวสุขภาพดีและป้องกันปัญหาผิว นอกจากนี้ยังมีบทบาทสำคัญอื่น ๆ อีก ดังนี้
- ผิวชุ่มชื้นมีบทบาทต่อผิวในการรักษาความแข็งแรงของเกราะป้องกันผิว ช่วยป้องกันผิวจากการเสียความชุ่มชื้น และสิ่งแปลกปลอมต่าง ๆ
- ผิวชุ่มชื้นมีบทบาทต่อผิวในการรักษาสมดุลน้ำในผิว
- ผิวชุ่มชื้นมีบทบาทต่อผิวในการช่วยให้ผิวดูอิ่มน้ำ สีผิวสม่ำเสมอ ทำให้ผิวสุขภาพดี
- ผิวชุ่มชื้นมีบทบาทต่อผิวในการเพิ่มประสิทธิภาพของการดูดซึมสารบำรุงผิว
- ผิวชุ่มชื้นมีบทบาทต่อผิวในการลดโอกาสเกิดปัญหาผิว
- ผิวชุ่มชื้นมีบทบาทต่อผิวในการกระตุ้นการทำงานของเซลล์ผิว
- ผิวชุ่มชื้นมีบทบาทต่อผิวในการช่วยให้เซลล์ผิวทำงานได้ดี
การมีผิวชุ่มชื้นนอกจากจะส่งผลต่อผิวภายนอกแล้ว ยังมีส่วนในการดูแลผิวจากภายในทั้งในด้านของการป้องกันผิว และการบำรุงผิว ดังนั้นการมีผิวชุ่มชื้นจะช่วยให้ให้ผิวสุขภาพดีในระยะยาวได้
ผิวชุ่มชื้น ป้องกันปัญหาผิวใดได้บ้าง ?
การมีผิวชุ่มชื้นเป็นเกราะป้องกันชั้นดีที่ช่วยปกป้องผิวจากปัญหาต่าง ๆ และยังทำให้ผิวสุขภาพดีอีกด้วย เนื่องจากผิวชุ่มชื้น ช่วยรักษาความยืดหยุ่นและสุขภาพของผิวได้ โดยปัญหาผิวที่สามารถป้องกันได้หากมีผิวชุ่มชื้น มีดังนี้
- ผิวชุ่มชื้นช่วยป้องกันการเกิดผิวแห้ง (Dry Skin) ได้
การเกิดผิวแห้งเกิดจากการที่ผิวสูญเสียน้ำในผิวมากเกินไป ทำให้เกิดการทำงานที่ผิดปกติของเกราะป้องกันผิว ซึ่งการมีผิวชุ่มชื้นจะช่วยไม่ทำให้เกิดปัญหาผิวแห้ง และทำให้ดูมีผิวสุขภาพดี
- ผิวชุ่มชื้นช่วยป้องกันการเกิดริ้วรอย และความเหี่ยวย่นได้
การที่มีผิวชุ่มชื้นจะช่วยให้ผิวมีน้ำเพียงพอ ทำให้ผิวมีความยืดหยุ่น ซึ่งการมีผิวชุ่มชื้นจะช่วยลดความเสี่ยงและป้องกันการเกิดริ้วรอย รอยเหี่ยวย่นได้
- ผิวชุ่มชื้นช่วยป้องกันการเกิดสิว (Acne) ได้
การที่ผิวแห้งจะทำให้เกิดการผลิตน้ำมันมากเกินไป ซึ่งเป็นสาเหตุของการเกิดสิวได้ โดยการที่มีผิวชุ่มชื้นจะช่วยในการควบคุมการผลิตน้ำมัน และลดสิวได้
- ผิวชุ่มชื้นช่วยป้องกันการเกิดผิวหมองคล้ำ (Dull Skin) ได้
ผิวชุ่มชื้นจะช่วยลดความหมองคล้ำในผิว ทำให้ผิวสุขภาพดี และกระจ่างใส
- ผิวชุ่มชื้นช่วยป้องกันการเกิดการเกิดจุดด่างดำและรอยแผลเป็นได้
การมีผิวชุ่มชื้นช่วยในการสมานแผล ทำให้แผลหายได้เร็วขึ้น ลดการเกิดแผลเป็น หรือรอยต่าง ๆ ได้ดี จากการที่ผิวฟื้นฟูและสมานแผลได้ดี
- ผิวชุ่มชื้นช่วยป้องกันการเกิดการสูญเสียความยืดหยุ่นของผิวได้
การมีผิวชุ่มชื้นมีบทบาทสำคัญมากในการทำให้ผิวมีความยืดหยุ่นและมีความกระชับ เพราะถ้าหากผิวแห้งขาดความชุ่มชื้นจะทำให้ผิวสูญเสียความยืดหยุ่นไป
- ผิวชุ่มชื้นช่วยป้องกันการเกิดผิวบอบบาง (Sensitive Skin) ได้
การมีผิวชุ่มชื้น แข็งแรง และมีผิวสุขภาพดี จะทำให้ลดการเกิดการระคายเคืองได้ เพราะผิวชุ่มชื้นจะทำให้ผิวมีเกราะป้องกันที่แข็งแรง ทำให้ผิวไม่บอบบาง จนเกิดการระคายเคืองได้ง่าย
- ผิวชุ่มชื้นช่วยป้องกันการเกิดรอยแตก หรืออาการคันจากผิวแห้งได้
ผิวที่ไม่มีความชุ่มชื้นจะเสี่ยงต่อการทำให้เกิดอาการคัน และทำให้ผิวแห้งกร้าน มีรอยแตกได้ ซึ่งการที่มีผิวชุ่มชื้นจะช่วยลดอาการเหล่านี้ได้
ผิวมันจำเป็นต้องเติมความชุ่มชื้นไหม ?
แม้ในผู้ที่มีผิวมัน ก็จำเป็นที่จะต้องมีความชุ่มชื้นในผิวเช่นเดียวกับผู้ที่ผิวแห้ง เนื่องจากความมันที่เกิดขึ้นบนผิว มักเป็นผลจากการที่ผิวขาดความชุ่มชื้น ทำให้เกิดการกระตุ้นให้ต่อมไขมันผลิตน้ำมันเพิ่มขึ้น เพื่อชดเชยความแห้ง โดยเหตุผลหลักที่ผิวมันต้องการความชุ่มชื้น มีดังนี้
- ผิวชุ่มชื้นในผู้ที่มีผิวมันจะช่วยเสริมเกราะป้องกันผิว (skin barrier) ทำให้ผิวสุขภาพดี แข็งแรง ลดการระคายเคืองของผิว
- ผิวชุ่มชื้นในผู้ที่มีผิวมันช่วยควบคุมสมดุลของผิว ลดการเงามันส่วนเกิน
- ผิวชุ่มชื้นในผู้ที่มีผิวมันช่วยป้องกันการผลิตน้ำมันที่มากเกินไปในผิว ทำให้ผิวมันน้อยลง
ผิวชุ่มชื้นเป็นผิวที่มีความสมดุลระหว่างน้ำและน้ำมันธรรมชาติในชั้นผิว ซึ่งผิวชุ่มชื้นจะช่วยแก้ปัญหาผิวและป้องกันการเกิดปัญหาผิวต่าง ๆ ได้ จากการที่ผิวมีเกราะป้องกันผิวที่ดี และมีการกักเก็บน้ำและน้ำมันที่สมดุล ซึ่งการมีผิวชุ่มชื้นจำเป็นมากกับทุกสภาพผิวแม้กระทั่งในผู้ที่มีผิวมัน
โดยวิธีการในการทำให้ผิวชุ่มชื้นสามารถทำได้หลากหลายวิธี ทั้งการบำรุงเพิ่มความชุ่มชื้นจากภายใน และการเพิ่มความชุ่มชื้นด้วยการทำหัตถการต่าง ๆ ซึ่งการทำให้ผิวชุ่มชื้นมีความสำคัญต่อการปกป้อง และทำให้ผิวสุขภาพดีในระยะยาวได้