บทความ
RF (Radio Frequency) ดีจริงไหม?

RF (Radio Frequency) ดีจริงไหม? ใช้ในโปรแกรมอะไรบ้าง

RF (Radio Frequency) ดีจริงไหม? เจาะลึกข้อดี-ข้อเสีย พร้อมวิธีดูแลเพื่อผลลัพธ์ที่ดี

ปัญหาผิวหย่อนคล้อย ริ้วรอยก่อนวัยและความไม่กระชับของใบหน้า เป็นสิ่งที่หลายคนกังวล โดยเฉพาะเมื่ออายุเพิ่มขึ้น คอลลาเจนและอีลาสตินในชั้นผิวจะลดลง ส่งผลให้ผิวสูญเสียความเต่งตึงและดูไม่กระชับเหมือนเดิม ปัจจุบัน RF (Radio Frequency) หรือคลื่นวิทยุ ได้รับความนิยมอย่างมากในวงการความงาม เนื่องจากเป็นเทคโนโลยีที่สามารถช่วยยกกระชับผิวได้โดยไม่ต้องผ่าตัด

 

หลักการทำงานของยกกระชับผิว RF คือการปล่อยพลังงานความร้อนลงสู่ชั้นผิวเพื่อกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอีลาสติน ช่วยให้ผิวเฟิร์มขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ ลดเลือนริ้วรอย และปรับโครงสร้างผิวให้ดูเรียบเนียนขึ้น แต่อย่างไรก็ตาม หลายคนสงสัยว่ายกกระชับผิว RF (Radio Frequency) ดีจริงไหม? ให้ผลลัพธ์ที่คุ้มค่าหรือไม่? และมีข้อเสียอะไรที่ควรรู้ก่อนตัดสินใจทำ?

 

บทความนี้จะพาคุณไปทำความเข้าใจถึงข้อดีและข้อเสียของการยกกระชับผิวด้วย RF (Radio Frequency) พร้อมแนะนำวิธีเลือกที่ไม่อันตรายเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ตอบโจทย์ความต้องการของคุณมาก

 

ยกกระชับผิวด้วย RF (Radio Frequency) คืออะไร?

ยกกระชับผิวด้วย RF (Radio Frequency) คืออะไร?

 

ยกกระชับผิวด้วย RF (Radio Frequency) คืออะไร?

RF (Radio Frequency) หรือ คลื่นความถี่วิทยุ เป็นพลังงานรูปแบบหนึ่งที่มีความถี่อยู่ในช่วง 3 kHz – 300 GHz ซึ่งถูกนำมาใช้อย่างแพร่หลายในหลายอุตสาหกรรม ไม่ว่าจะเป็นด้านการสื่อสาร โทรคมนาคม หรือแม้แต่ทางการแพทย์และความงาม

 

ในวงการเสริมความงาม RF (Radio Frequency) นิยมนำมาใช้ในการยกกระชับผิวและกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน โดยอาศัยหลักการส่งพลังงานความร้อนลงไปในชั้นผิว เพื่อกระตุ้นกระบวนการฟื้นฟูและกระชับผิวตามธรรมชาติ ซึ่งช่วยลดเลือนริ้วรอย ปรับโครงสร้างผิวให้แน่นขึ้น และทำให้ผิวอ่อนเยาว์ขึ้นโดยไม่ต้องผ่าตัด

 

หลักการทำงานของยกกระชับผิวด้วย RF (Radio Frequency)

เมื่อ RF (Radio Frequency) ถูกส่งเข้าสู่ผิวหนัง พลังงานความร้อนที่เกิดขึ้นจะกระจายลงไปยังชั้นผิวลึก ส่งผลให้เกิดกระบวนการฟื้นฟูและยกกระชับผิวอย่างเป็นธรรมชาติ โดยมีผลลัพธ์ที่สำคัญ ดังนี้

  • กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอีลาสติน — พลังงานจาก RF (Radio Frequency) ทำให้เส้นใยคอลลาเจนหดตัวทันที ส่งผลให้ผิวกระชับขึ้นตั้งแต่ครั้งแรกที่ทำ นอกจากนี้ยังช่วยกระตุ้นให้ร่างกายสร้างคอลลาเจนและอีลาสตินใหม่อย่างต่อเนื่อง ทำให้ผิวแข็งแรงและยืดหยุ่นขึ้น พร้อมลดเลือนปัญหาผิวหย่อนคล้อย
  • กระตุ้นการไหลเวียนของเลือด — พลังงาน RF (Radio Frequency) ช่วยเพิ่มการไหลเวียนของเลือดและกระตุ้นระบบน้ำเหลือง ทำให้เซลล์ผิวได้รับออกซิเจนและสารอาหารมากขึ้น ส่งผมให้ผิวดูเปล่งปลั่ง อิ่มฟู และมีสุขภาพดีขึ้น
  • กระชับรูขุมขนและลดเลือนริ้วรอย — พลังงานความร้อนจาก RF (Radio Frequency) ส่งผลให้โครงสร้างผิวแน่นขึ้นและเสริมสร้างความแข็งแรงของชั้นผิว ช่วยให้รูขุมขนที่กว้างดูเล็กลง ผิวเรียบเนียนขึ้น พร้อมช่วยลดเลือนริ้วรอยเล็ก ๆ และปรับสภาพผิวให้ดูอ่อนเยาว์ขึ้น
  • สลายไขมันใต้ผิวหนัง — เทคโนโลยี RF (Radio Frequency) สามารถปล่อยพลังงานลงลึกถึงชั้นไขมันใต้ผิว ช่วยลดไขมันสะสมบริเวณแก้ม คาง และเหนียง ทำให้ใบหน้าดูเรียวขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ นอกจากนี้ยังช่วยยกกระชับปรับรูปหน้าให้ได้สัดส่วนและดูมีมิติยิ่งขึ้น

 

ประเภทของ RF (Radio Frequency) ที่ใช้ในวงการความงาม

การใช้พลังงาน RF (Radio Frequency) ในการเสริมความงามมีหลากหลายประเภท ซึ่งแต่ละแบบมีระดับพลังงานและความลึกของการส่งพลังงานที่แตกต่างกัน โดยสามารถแบ่งออกเป็น 3 ประเภทหลัก มีดังนี้

  • Monopolar RF – เป็นพลังงาน RF (Radio Frequency) เป็นแบบขั้วเดียวที่สามารถส่งพลังงานลงลึกถึงชั้นไขมันใต้ผิว ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและสลายไขมันสะสม เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการลดไขมันบริเวณ แก้ม เหนียง หรือยกกระชับปรับรูปหน้าให้เรียวขึ้น นอกจากนี้ยังใช้ในกระบวนการยกกระชับผิวบริเวณลำตัว เช่น ต้นแขน ต้นขา และหน้าท้อง
  • Bipolar RF – เป็นพลังงาน RF (Radio Frequency) แบบสองขั้วที่ส่งพลังงานระหว่างขั้วไฟฟ้าสองขั้ว พลังงานจะกระจายอยู่ที่ชั้นผิวระดับกลาง ช่วยกระชับผิวหน้าและลดเลือนริ้วรอยได้อย่างมีประสิทธิภาพ เนื่องจากพลังงานไม่ลงลึกมากเกินไป ทำให้เหมาะสมกับผู้ที่ต้องการยกกระชับผิวหน้า ลดริ้วรอยเล็ก ๆ และปรับสภาพผิวให้เรียบเนียนขึ้น
  • Tripolar RF – เป็นเทคโนโลยีที่ใช้ขั้วไฟฟ้าแบบ 3 ขั้วในการส่งพลังงานเข้าสู่ผิว ช่วยให้พลังงานกระจายตัวได้อย่างทั่วถึงและลึกขึ้น ทำให้มีประสิทธิภาพในการยกกระชับ และสลายไขมันใต้ผิวได้ดียิ่งขึ้น

 

ข้อดีของการยกกระชับผิวด้วย RF(Radio Frequency)

ข้อดีของการยกกระชับผิวด้วย RF(Radio Frequency)

 

ข้อดีของการยกกระชับผิวด้วย RF(Radio Frequency)

การใช้ คลื่น RF (Radio Frequency) ในการยกกระชับผิวเป็นวิธีที่ได้รับความนิยม เนื่องจาก ไม่ต้องผ่าตัด และให้ผลลัพธ์ที่เป็นธรรมชาติ โดยข้อดีหลัก ๆ มีดังนี้

  • ยกกระชับผิวด้วย RF (Radio Frequency) ไม่ต้องผ่าตัด ไม่มีแผล และไม่ต้องพักฟื้น
  • ยกกระชับผิวด้วย RF (Radio Frequency) กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอีลาสติน
  • ยกกระชับผิวด้วย RF (Radio Frequency) ช่วยลดริ้วรอยและปรับผิวให้เรียบเนียน
  • ยกกระชับผิวด้วย RF (Radio Frequency) กระชับรูขุมขน ทำให้ผิวละเอียดขึ้น
  • ยกกระชับผิวด้วย RF (Radio Frequency) ช่วยลดไขมันสะสมใต้ผิวหนัง ทำให้ใบหน้าดูเรียวขึ้น
  • ยกกระชับผิวด้วย RF (Radio Frequency) กระตุ้นการไหลเวียนโลหิตและระบบน้ำเหลือง
  • ยกกระชับผิวด้วย RF (Radio Frequency) ช่วยกระตุ้นการผลัดเซลล์ผิว ทำให้ผิวดูสดใสขึ้น
  • ยกกระชับผิวด้วย RF (Radio Frequency) ลดอาการบวมและทำให้ใบหน้าดูสดชื่นขึ้น
  • ยกกระชับผิวด้วย RF (Radio Frequency) ช่วยยกกระชับปรับรูปหน้าให้ดูเข้ารูปและสมส่วนขึ้น
  • ยกกระชับผิวด้วย RF (Radio Frequency) เหมาะกับทั้งใบหน้าและลำตัว
  • ยกกระชับผิวด้วย RF (Radio Frequency) ไม่อันตราย เหมาะกับทุกสภาพผิว
  • ยกกระชับผิวด้วย RF (Radio Frequency) สามารถทำซ้ำได้เพื่อผลลัพธ์ที่ยาวนาน
  • ยกกระชับผิวด้วย RF (Radio Frequency) สามารถใช้ร่วมกับหัตถการอื่นได้
  • ยกกระชับผิวด้วย RF (Radio Frequency) ไม่ทำให้เกิดอาการบาดเจ็บของเนื้อเยื่อหรือผิวไหม้
  • ยกกระชับผิวด้วย RF (Radio Frequency) เหมาะสำหรับทุกช่วงวัย
  • ยกกระชับผิวด้วย RF (Radio Frequency) ให้ผลลัพธ์ที่ดูเป็นธรรมชาติ ไม่แข็งตึง

 

ข้อจำกัดของการยกกระชับผิวด้วย RF(Radio Frequency)

แม้ว่าการยกกระชับผิวด้วย คลื่น RF จะเป็นวิธีที่ไม่อันตรายและได้รับความนิยม แต่ก็มีข้อเสียบางอย่างที่ควรรู้ก่อนตัดสินใจทำ ดังนี้

  • ยกกระชับผิวด้วย RF (Radio Frequency) ต้องทำต่อเนื่องจึงจะเห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจน
  • ยกกระชับผิวด้วย RF (Radio Frequency) ผลลัพธ์อยู่ได้ชั่วคราว ต้องทำซ้ำเพื่อคงสภาพผิว
  • ยกกระชับผิวด้วย RF (Radio Frequency) ให้ผลลัพธ์ที่ลึกไม่เท่ากับ HIFU หรือการศัลยกรรม
  • ยกกระชับผิวด้วย RF (Radio Frequency) อาจไม่เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาผิวหย่อนคล้อยมาก
  • ยกกระชับผิวด้วย RF (Radio Frequency) อาจเกิดผลข้างเคียงเล็กน้อย เช่น ผิวแดงหรือบวมชั่วคราว
  • ยกกระชับผิวด้วย RF (Radio Frequency) ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับคุณภาพของเครื่องมือและประสบการณ์ของแพทย์
  • ยกกระชับผิวด้วย RF (Radio Frequency) ไม่สามารถแก้ปัญหาริ้วรอยลึกหรือความหย่อนคล้อยขั้นรุนแรงได้
  • ยกกระชับผิวด้วย RF (Radio Frequency) มีข้อจำกัดสำหรับบางกลุ่มบุคคล

 

ยกกระชับผิวด้วย RF (Radio Frequency) ช่วยอะไรบ้าง?

  • ยกกระชับผิวด้วย RF (Radio Frequency) ช่วยให้ผิวตึงกระชับขึ้น ลดความหย่อนคล้อย
  • ยกกระชับผิวด้วย RF (Radio Frequency) เพิ่มความยืดหยุ่นของผิว ทำให้ผิวดูอ่อนเยาว์
  • ยกกระชับผิวด้วย RF (Radio Frequency) ช่วยลดเลือนริ้วรอยเล็ก ๆ บนใบหน้า เช่น รอยตีนกา ร่องแก้ม และรอยย่นบริเวณหน้าผาก
  • ยกกระชับผิวด้วย RF (Radio Frequency) ช่วยให้ใบหน้าดูอ่อนกว่าวัย โดยไม่ต้องฉีดโปรแกรมโบลดริ้วรอย หรือ ฉีดโปรแกรมฟิลเลอร์
  • ยกกระชับผิวด้วย RF (Radio Frequency) ทำให้ผิวดูละเอียดขึ้น ลดปัญหาผิวหยาบกร้าน
  • ยกกระชับผิวด้วย RF (Radio Frequency) กระชับรูขุมขน และปรับสภาพผิวให้ดูละเอียดขึ้น
  • ยกกระชับผิวด้วย RF (Radio Frequency) ช่วยลดเหนียง ลดไขมันสะสมใต้คาง
  • ยกกระชับผิวด้วย RF (Radio Frequency) ยกกระชับปรับรูปหน้าให้ดูเรียวขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ
  • ยกกระชับผิวด้วย RF (Radio Frequency) ช่วยลดไขมันสะสมบริเวณร่างกาย เช่น ต้นแขน ต้นขา หน้าท้อง และสะโพก
  • ยกกระชับผิวด้วย RF (Radio Frequency) ทำให้ผิวดูสุขภาพดีและเปล่งปลั่งจากภายใน
  • ยกกระชับผิวด้วย RF (Radio Frequency) ช่วยให้ผิวดูสดใสขึ้น และลดปัญหาผิวหมองคล้ำ
  • ยกกระชับผิวด้วย RF (Radio Frequency) ช่วยให้ผิวบริเวณต้นแขนและต้นขาดูเรียบเนียนขึ้น
  • ยกกระชับผิวด้วย RF (Radio Frequency) ช่วยยกกระชับปรับรูปร่างให้ดูสมส่วนโดยไม่ต้องผ่าตัด
  • ยกกระชับผิวด้วย RF (Radio Frequency) ช่วยลดอาการบวมใต้ตา และทำให้ดวงตาดูสดใสขึ้น
  • ยกกระชับผิวด้วย RF (Radio Frequency) ช่วยป้องกันความหย่อนคล้อยของผิวในอนาคต

 

ยกกระชับผิวด้วย RF (Radio Frequency) เหมาะกับใครบ้าง?

ยกกระชับผิวด้วย RF (Radio Frequency) เหมาะกับใครบ้าง?

 

ยกกระชับผิวด้วย RF (Radio Frequency) เหมาะกับใครบ้าง?

  • ยกกระชับผิวด้วย RF (Radio Frequency) เหมาะสำหรับผู้ที่เริ่มเข้าสู่วัย 30+ 
  • ยกกระชับผิวด้วย RF (Radio Frequency) เหมาะสำหรับผู้ที่มีผิวเริ่มหย่อนคล้อย เช่น แก้มตก หนังตาตก หรือมีเหนียงใต้คาง
  • ยกกระชับผิวด้วย RF (Radio Frequency) เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการกระชับผิวให้ดูตึงขึ้น โดยไม่ต้องศัลยกรรม
  • ยกกระชับผิวด้วย RF (Radio Frequency) เหมาะสำหรับผู้ที่เริ่มมีริ้วรอยเล็ก ๆ บนใบหน้า เช่น รอยตีนกา รอยย่นหน้าผาก หรือร่องแก้ม
  • ยกกระชับผิวด้วย RF (Radio Frequency) เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการลดปัญหาผิวหยาบกร้าน ให้ดูเรียบเนียนขึ้น
  • ยกกระชับผิวด้วย RF (Radio Frequency) เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหารูขุมขนกว้าง
  • ยกกระชับผิวด้วย RF (Radio Frequency) เหมาะสำหรับผู้ที่มีไขมันสะสมใต้ผิว โดยเฉพาะบริเวณแก้ม เหนียง คาง และลำตัว
  • ยกกระชับผิวด้วย RF (Radio Frequency) เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการลดเหนียง และกระชับคางสองชั้นเพื่อให้ใบหน้าดูเรียวขึ้น
  • ยกกระชับผิวด้วย RF (Radio Frequency) เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการฟื้นฟูผิวให้ดูสดใสและอ่อนเยาว์ขึ้น
  • ยกกระชับผิวด้วย RF (Radio Frequency) เหมาะสำหรับผู้ที่มีผิวแห้ง ผิวขาดน้ำ หรือผิวหมองคล้ำ
  • ยกกระชับผิวด้วย RF (Radio Frequency) เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการให้รูปร่างดูกระชับขึ้นโดยไม่ต้องผ่าตัด
  • ยกกระชับผิวด้วย RF (Radio Frequency) เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการดูแลผิวอย่างต่อเนื่อง เพื่อชะลอความเสื่อมของคอลลาเจน
  • ยกกระชับผิวด้วย RF (Radio Frequency) เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการยกกระชับผิวแบบไม่ต้องผ่าตัด และไม่มีเวลาพักฟื้น
  • ยกกระชับผิวด้วย RF (Radio Frequency) เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการยกกระชับผิว โดยที่ยังคงความเป็นธรรมชาติของใบหน้า
  • ยกกระชับผิวด้วย RF (Radio Frequency) เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการลดไขมันใต้ผิว และลดเซลลูไลท์ ทำให้ผิวดูเรียบเนียนขึ้น

 

ยกกระชับผิวด้วย RF (Radio Frequency) ไม่เหมาะกับใครบ้าง?

  • ยกกระชับผิวด้วย RF (Radio Frequency) ไม่เหมาะสำหรับสตรีตั้งครรภ์และให้นมบุตร
  • ยกกระชับผิวด้วย RF (Radio Frequency) ไม่เหมาะสำหรับผู้ที่มีโรคหัวใจหรือมีอุปกรณ์ทางการแพทย์ฝังในร่างกาย
  • ยกกระชับผิวด้วย RF (Radio Frequency) ไม่เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาโรคผิวหนัง หรือแผลเปิดในบริเวณที่ต้องการทำ
  • ยกกระชับผิวด้วย RF (Radio Frequency) ไม่เหมาะสำหรับผู้ที่เป็นโรคมะเร็ง หรืออยู่ระหว่างการรักษาด้วยเคมีบำบัดหรือรังสีบำบัด
  • ยกกระชับผิวด้วย RF (Radio Frequency) ไม่เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับเส้นเลือด หรือโรคหลอดเลือดผิดปกติ
  • ยกกระชับผิวด้วย RF (Radio Frequency) ไม่เหมาะสำหรับผู้ที่มีประวัติผิวบาง แพ้ง่าย หรือเกิดแผลเป็นง่าย
  • ยกกระชับผิวด้วย RF (Radio Frequency) ไม่เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาภาวะภูมิคุ้มกันบกพร่อง หรือเป็นโรคแพ้ภูมิตัวเอง
  • ยกกระชับผิวด้วย RF (Radio Frequency) ไม่เหมาะสำหรับผู้ที่มีน้ำหนักตัวมากเกินไป และต้องการลดไขมันปริมาณมาก
  • ยกกระชับผิวด้วย RF (Radio Frequency) ไม่เหมาะสำหรับผู้ที่หวังผลลัพธ์เทียบเท่ากับโปรแกรม HIFU หรือการศัลยกรรม
  • ยกกระชับผิวด้วย RF (Radio Frequency) ไม่เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการผลลัพธ์ที่รวดเร็วในครั้งเดียว
  • ยกกระชับผิวด้วย RF (Radio Frequency) ไม่เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาผิวไวต่อความร้อนหรือผิวบอบบางมาก
  • ยกกระชับผิวด้วย RF (Radio Frequency) ไม่เหมาะสำหรับผู้ที่มีภาวะผิวบางหรือสูญเสียไขมันใต้ผิวหนังมากเกินไป
  • ยกกระชับผิวด้วย RF (Radio Frequency) ไม่เหมาะสำหรับผู้ที่เพิ่งทำหัตถการฉีดโปรแกรมฟิลเลอร์ หรือ โปรแกรมฉีดโบ มาไม่นาน
  • ยกกระชับผิวด้วย RF (Radio Frequency) ไม่เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาภาวะต่อมไทรอยด์ทำงานผิดปกติ
  • ยกกระชับผิวด้วย RF (Radio Frequency) ไม่เหมาะสำหรับผู้ที่เคยได้รับการผ่าตัดใบหน้าหรือร่างกายในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา
  • ยกกระชับผิวด้วย RF (Radio Frequency) ไม่เหมาะสำหรับผู้ที่มีรอยสักบริเวณที่ต้องการทำ
  • ยกกระชับผิวด้วย RF (Radio Frequency) ไม่เหมาะสำหรับผู้ที่เป็นโรคเบาหวานที่ควบคุมระดับน้ำตาลไม่ได้

 

เปรียบเทียบยกกระชับผิวด้วย RF (Radio Frequency) กับ เทคโนโลยียกกระชับอื่น ๆ

ปัจจุบัน เทคโนโลยีการยกกระชับผิวมีให้เลือกหลากหลาย โดย RF (Radio Frequency), HIFU (High-Intensity Focused Ultrasound), Thermage และ Ultherapy เป็นวิธีที่ได้รับความนิยมมาก ซึ่งแต่ละเทคโนโลยีมีคุณสมบัติและผลลัพธ์ที่แตกต่างกัน ซึ่งเหมาะกับความต้องการที่แตกต่างกันไปของแต่ละบุคคล

 

RF (Radio Frequency) vs โปรแกรม HIFU (High-Intensity Focused Ultrasound)

พลังงาน RF (Radio Frequency) ใช้คลื่นวิทยุความถี่ในการปล่อยพลังงานเข้าสู่ผิวหนังชั้นหนังแท้ (Dermis) และชั้นไขมันใต้ผิว โดยมีจุดเด่นในการกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน และช่วยลดไขมันในบางบริเวณ เช่น แก้มและเหนียง ในขณะที่โปรแกรม HIFU (High-Intensity Focused Ultrasound) ใช้พลังงานคลื่นอัลตราซาวนด์แบบโฟกัสที่สามารถส่งพลังงานลงลึกถึงชั้น SMAS ซึ่งเป็นขั้นตอนเดียวกับที่ใช้ในการศัลยกรรมดึงหน้า

 

ผลลัพธ์ของยกกระชับ RF (Radio Frequency) จะช่วยให้ผิวดูกระชับแบบค่อยเป็นค่อยไป โดยจะเห็นผลลัพธ์ชัดเจนหลังทำประมาณ 4-6 สัปดาห์ และต้องทำซ้ำทุก 6-12 เดือน ส่วน HIFU (High-Intensity Focused Ultrasound) จะเห็นผลลัพธ์ได้ชัดเจนกว่า สามารถอยู่ได้นาน 12 เดือน เนื่องจากพลังงานลงลึกกว่าทำให้กระตุ้นการสร้างคอลลาเจน และยกกระชับได้ดีกว่า

 

RF (Radio Frequency) vs โปรแกรม Thermage FLX

แม้ว่าโปรแกรม Thermage FLX จะเป็นเทคโนโลยีที่ใช้คลื่น RF (Radio Frequency) เหมือนกัน แต่โปรแกรม Thermage FLX เป็น RF (Radio Frequency) ที่ใช้พลังงาน Monopolar RF ที่สามารถส่งพลังงานความร้อนลงลึกได้ถึงชั้นไขมันใต้ผิว ซึ่งช่วยให้สามารถยกกระชับปรับรูปหน้า และลดริ้วรอยได้ดี

 

ผลลัพธ์ของการทำ RF (Radio Frequency) ทั่วไป จะช่วยฟื้นฟูคอลลาเจนและกระชับผิวแบบค่อยเป็นค่อยไป ในขณะที่โปรแกรม Thermage จะให้ผลลัพธ์ที่ชัดเจนขึ้นหลังจากนั้น 2-3 เดือน และอยู่ได้นานถึง 12-24 เดือน

 

RF (Radio Frequency) vs โปรแกรม Ultherapy

โปรแกรม Ultherapy เป็นเทคโนโลยีที่ใช้คลื่นอัลตราซาวนด์แบบโฟกัสความเข้มข้นสูง สามารถลงลึกถึงชั้น SMAS ซึ่งเป็นชั้นผิวที่อยู่ลึกที่สุดแบบไม่ต้องผ่าตัดศัลยกรรม

 

ผลลัพธ์ RF (Radio Frequency) จะช่วยให้ผิวดูกระชับขึ้นโดยค่อย ๆ เห็นผลหลังจาก 4-6 สัปดาห์ และต้องทำซ้ำทุก 6-12 เดือน ในขณะที่โปรแกรม Ultherapy จะให้ผลลัพธ์ที่ชัดเจนกว่าโปรแกรม HIFU และสามารถอยู่ได้นานถึง 12-24 เดือน เนื่องจากสามารถโฟกัสพลังงานลงลึกกว่า ทำให้กระตุ้นคอลลาเจนได้มากขึ้น

 

การเตรียมตัวก่อนทำ และการดูแลหลังทำยกกระชับผิวด้วย RF (Radio Frequency)

การเตรียมตัวก่อนทำ และการดูแลหลังทำยกกระชับผิวด้วย RF (Radio Frequency)

 

การเตรียมตัวก่อนทำ และการดูแลหลังทำยกกระชับผิวด้วย RF (Radio Frequency)

การเตรียมตัวก่อนทำยกกระชับผิวด้วย RF (Radio Frequency)

  • ก่อนทำยกกระชับผิวด้วย RF (Radio Frequency) หลีกเลี่ยงการทำหัตถการหรือทรีตเมนต์ที่มีผลกระทบต่อผิว
  • ก่อนทำยกกระชับผิวด้วย RF (Radio Frequency) หลีกเลี่ยงการตากแดดแรง ๆ อย่างน้อย 3-5 วัน
  • ก่อนทำยกกระชับผิวด้วย RF (Radio Frequency) หลีกเลี่ยงผลิตภัณฑ์ที่มี AHA, BHA, Retinol หรือ Vitamin C ความเข้มข้นสูง อย่างน้อย 3-5 วัน
  • ก่อนทำยกกระชับผิวด้วย RF (Radio Frequency) งดการใช้ยาและอาหารเสริมบางชนิดที่ทำให้เลือดแข็งตัวยาก
  • ก่อนทำยกกระชับผิวด้วย RF (Radio Frequency) งดดื่มแอลกอฮอล์ อย่างน้อย 24 ชั่วโมง
  • ก่อนทำยกกระชับผิวด้วย RF (Radio Frequency) ควรใช้ครีมกันแดดที่มีค่า SPF50 PA+++ เป็นประจำ
  • ก่อนทำยกกระชับผิวด้วย RF (Radio Frequency) ควรดื่มน้ำให้เพียงพอ เพื่อรักษาความชุ่มชื้นของผิว
  • ก่อนทำยกกระชับผิวด้วย RF (Radio Frequency) ควรใช้มอยส์เจอไรเซอร์เป็นประจำเพื่อให้ผิวแข็งแรง
  • ก่อนทำยกกระชับผิวด้วย RF (Radio Frequency) ควรแจ้งข้อมูลเกี่ยวกับโรคประจำตัว หรือยาที่ใช้กับแพทย์

 

การดูแลหลังทำยกกระชับผิวด้วย RF (Radio Frequency)

  • หลังทำยกกระชับผิวด้วย RF (Radio Frequency) หลีกเลี่ยงความร้อนและแสงแดด เป็นเวลา 24-48 ชั่วโมง
  • หลังทำยกกระชับผิวด้วย RF (Radio Frequency) หลีกเลี่ยงการใช้ผลิตภัณฑ์ที่มี AHA, BHA, Retinol และ Vitamin C ความเข้มข้นสูง อย่างน้อย 3-5 วัน
  • หลังทำยกกระชับผิวด้วย RF (Radio Frequency) หลีกเลี่ยงการสัมผัสหรือถูแรง ๆ บริเวณที่ทำ ภายใน 3-5 วัน
  • หลังทำยกกระชับผิวด้วย RF (Radio Frequency) หลีกเลี่ยงกิจกรรมที่ทำให้ร่างกายร้อนเกินไป เช่น การอบซาวน่า การออกกำลังกายหนัก 
  • หลังทำยกกระชับผิวด้วย RF (Radio Frequency) หลีกเลี่ยงเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และบุหรี่ อย่างน้อย 24-48 ชั่วโมง
  • หลังทำยกกระชับผิวด้วย RF (Radio Frequency) ควรดื่มน้ำอย่างน้อยวันละ 1.5-2 ลิตร ช่วยให้คอลลาเจนฟื้นตัวได้ดีขึ้น
  • หลังทำยกกระชับผิวด้วย RF (Radio Frequency) ควรใช้มอยส์เจอไรเซอร์ และผลิตภัณฑ์บำรุงผิว 

 

RF (Radio Frequency) เหมาะกับอายุเท่าไหร่?

RF สามารถทำได้ตั้งแต่อายุ 25 ปีขึ้นไป เนื่องจากเป็นช่วงที่ร่างกายเริ่มผลิตคอลลาเจนลดลง และผิวเริ่มมีการเสื่อมสภาพ แต่เหมาะที่สุดสำหรับผู้ที่มีอายุ 30-50 ปี ที่ต้องการยกกระชับผิวและลดเลือนริ้วรอย

  • อายุ 25-30 ปี: ทำ RF (Radio Frequency) เพื่อป้องกันริ้วรอยและกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน
  • อายุ 30-40 ปี: เหมาะสำหรับการฟื้นฟูผิว ลดริ้วรอยแรกเริ่ม และยกกระชับผิวที่เริ่มหย่อนคล้อย
  • อายุ 40-50 ปี:  ช่วยลดความหย่อนคล้อยของผิว ลดริ้วรอยลึก และปรับโครงหน้าที่เริ่มเปลี่ยนแปลงจากอายุที่เพิ่มขึ้น
  • อายุ 50 ปีขึ้นไป:  อาจต้องใช้ RF (Radio Frequency) ร่วมกับเทคโนโลยีอื่น เช่น HIFU หรือ Thermage เพื่อให้ผลลัพธ์ที่ชัดเจนยิ่งขึ้น

 

หลังทำ RF (Radio Frequency) สามารถแต่งหน้าได้ไหม?

  • สามารถแต่งหน้าได้ทันทีหลังทำ RF (Radio Frequency) เนื่องจาก RF (Radio Frequency) เป็นเทคโนโลยีที่ไม่ต้องผ่าตัดและไม่มีแผลเปิด แต่ควรเลือกใช้ เครื่องสำอางที่อ่อนโยนต่อผิว และหลีกเลี่ยงผลิตภัณฑ์ที่มีสารระคายเคืองสูง

 

ทำ RF (Radio Frequency) แล้วใบหน้าจะเล็กลงไหม?

  • RF  (Radio Frequency) สามารถช่วย ลดไขมันใต้ผิวหนัง และทำให้ใบหน้าดูเรียวขึ้น ในบางกรณี โดยเฉพาะบริเวณ เหนียง แก้ม และกรอบหน้า อย่างไรก็ตาม RF ไม่สามารถเปลี่ยนโครงสร้างกระดูกของใบหน้าได้

 

ทำ RF (Radio Frequency) แล้วมีผลข้างเคียงอะไรไหม?

  • โดยทั่วไป RF ไม่อันตรายและมีผลข้างเคียงน้อยมาก แต่อาจมีอาการเล็กน้อยที่เกิดขึ้นชั่วคราว เช่น ผิวแดงเล็กน้อยหลังทำ ซึ่งมักจะหายไปเองภายใน 1-2 ชั่วโมง

 

RF (Radio Frequency) ทำให้หน้าบางลงไหม?

  • RF (Radio Frequency) ไม่ทำให้หน้าบางลง เพราะพลังงาน RF ไม่ได้ทำลายชั้นผิวหนังหรือโครงสร้างผิว แต่ช่วยกระตุ้นให้ร่างกายสร้างคอลลาเจนใหม่ขึ้นมา หากใช้พลังงาน RF ที่แรงเกินไป หรือทำบ่อยเกินไป อาจทำให้ไขมันใต้ผิวลดลงมากเกินไป ทำให้ใบหน้าดูตอบลงได้ ดังนั้น ควรทำ RF ตามคำแนะนำของแพทย์ และไม่ทำบ่อยเกินไป

 

บทสรุป RF (Radio Frequency) ทางเลือกสำหรับผิวกระชับและอ่อนเยาว์

RF (Radio Frequency) เป็นเทคโนโลยียกกระชับผิวที่ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลาย เพราะสามารถช่วยฟื้นฟูและกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ลดเลือนริ้วรอย กระชับรูขุมขน และยกกระชับปรับรูปหน้าให้ดูเรียวขึ้นได้อย่างเป็นธรรมชาติ โดยไม่ต้องผ่าตัด และไม่ต้องใช้เวลาในการพักฟื้น

การทำยกกระชับผิวด้วย RF (Radio Frequency) เหมาะสำหรับทุกสภาพผิว และสามารถเริ่มทำได้ตั้งแต่อายุ 25 ปีขึ้นไป โดยเฉพาะผู้ที่ต้องการดูแลผิวให้คงความเต่งตึง ลดความหย่อนคล้อย และฟื้นฟูผิวให้ดูสุขภาพดีขึ้น อย่างไรก็ตาม การเลือกทำ RF ควรอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์ และควรปฏิบัติตามคำแนะนำในการดูแลผิวก่อนและหลังทำอย่างเหมาะสม เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดี

 

หากคุณกำลังมองหา วิธีดูแลผิวที่ไม่อันตราย ให้ผลลัพธ์ที่เป็นธรรมชาติ และช่วยชะลอวัยได้ในระยะยาว RF (Radio Frequency) อาจเป็นตัวเลือกที่เหมาะสมสำหรับคุณ ที่สำคัญควรเลือกคลินิกที่ได้มาตรฐานและปรึกษาแพทย์ก่อนเข้ารับบริการ เพื่อให้มั่นใจว่าคุณได้รับการดูแลที่ดีและผลลัพธ์ที่ตอบโจทย์ความต้องการของคุณ

[elementor-template id="15452"]

Related Posts