ความนิยมเรื่องของหน้าเล็ก รูปหน้าเรียว หน้าได้รูป หรือเทรนด์หน้าวีเชฟ ยังคงเป็นความงามของใบหน้าและสัดส่วนที่เป็นที่นิยมมากที่สุด เพราะจะหันมุมไหน องศาไหนในการถ่ายรูปก็เป๊ะปังขึ้นกล้องแบบที่ไม่ต้องเข้าแอปแต่งรูปเพิ่ม ซึ่งปฏิเสธไม่ได้ว่าปัญหาหน้าบาน กรามใหญ่ทำให้รูปหน้าดูเหลี่ยม ถ่ายรูปออกมาแล้วรู้สึกไม่โอเค ทำให้หลายๆ คนต้องการหาทางแก้ไขในการปรับรูปหน้าอันดับต้นๆ เลยก็ว่าได้ การฉีดโบท็อกกรามจึงเป็นหนึ่งในวิธีลดขนาดกล้ามเนื้อกราม ช่วยปรับรูปหน้า ให้ดูเรียวเล็กลงได้โดยไม่จำเป้นต้องผ่าตัด ทำให้ได้รับความนิยมเป็นอย่างยิ่งในปัจจุบัน
สารบัญบทความ
- ฉีดโบท็อกลดกราม ปรับหน้าเรียวได้จริงไหม? ฉีด Botox ดีไหม?
- โบท็อกกราม คือ
- โบท็อกกราม ช่วยเรื่องอะไร? ทำให้หน้าเรียวจริงไหม?
- ฉีดโบท็อกลดกราม เหมาะกับใคร?
- Botox ยี่ห้อไหนดีที่สุด?
- ฉีดโบท็อกครั้งแรก! สิ่งที่ควรรู้ก่อนฉีดโบท็อกลดกรามมีอะไรบ้าง?
- ฉีดโบท็อกกรามมีผลข้างเคียงไหม?
- ข้อแนะนำหลังฉีดโบลดกราม
- ฉีดโบท็อกกรามที่ไหนดี?
- รีวิวฉีดโบท็อกกรามกับ Romrawin
- ฉีดโบลดกรามราคาเท่าไหร่
- ร้อยไหมหน้าเรียว vs โบลดกราม ทำอะไรดี?
- คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับโบท็อกกราม
- โปรโมชันโบท็อกกรามกับ Romrawin
โบท็อกกราม คือ
โบท็อกกราม หรือ การฉีดโบลดกราม (Masseter Botox) คือ การฉีดสาร Botulinum Toxin Type A หรือที่เรียกสั้นๆ ว่าโบท็อก (Botox) เข้าไปยับยั้งการทำงานของกล้ามเนื้อบริเวณกรามชั่วคราว เมื่อกล้ามเนื้อไม่ได้ถูกใช้งานหนักๆ หรือบ่อยๆ ก็จะส่งผลให้กล้ามเนื้อกรามมีขนาดที่เล็กลง หากแพทย์มีเทคนิคเฉพาะในการฉีดโบท็อกกรามยังสามารถปรับรูปหน้า V-shape ทำให้หน้าดูเรียวขึ้นได้อีกด้วย ซึ่งเรียกเทคนิคนี้ว่า การฉีดโบลิฟกรอบหน้า นอกจากนั้นการฉีดโบยังช่วยให้กล้ามเนื้อที่หดเกร็งเกิดการคลายตัว ริ้วรอยจึงแลดูจางลงและตื้นขึ้น ส่งผลให้ผิวเรียบเนียนตาม
โบท็อกกราม ช่วยเรื่องอะไร? ทำให้หน้าเรียวจริงไหม?
จากที่ได้ทราบกันไปแล้วนะคะว่าการฉีดโบท็อกกรามช่วยยับยั้งการทำงานของกล้ามเนื้อ ซึ่งการยับยั้งการทำงานของกล้ามเนื้อบริเวณกล้ามนี้เอง ทำให้กล้ามเนื้อเล็กลง เมื่อกล้ามเนื้อเล็กลงจึงส่งผลให้หน้าดูเรียวขึ้น แต่ทราบกันหรือไม่ว่าก่อนที่จะหน้าเรียวจากการฉีดโบท็อกกราม อะไรเป็นสาเหตุที่ทำให้กรามใหญ่แบบนี้
สาเหตุของกรามใหญ่ เกิดจากอะไร
โดยปกติแล้วสาเหตุของกรามใหญ่เกิดขึ้นได้จาก 2 สาเหตุ
- กรามใหญ่ที่เกิดจากกระดูก : ทำให้ใบหน้าดูเหลี่ยมหากต้องการลดขนาดกราม ทำได้อย่างเดียวคือการศัลยกรรมตกแต่ง เพื่อลดขนาดของกระดูกกราม
- กรามใหญ่จากสาเหตุของกล้ามเนื้อ : ทั้งเกิดจากจากพันธุกรรม การมีกล้ามเนื้อกรามมีขนาดใหญ่ หรือบางพฤติกรรมที่ส่งผลให้กล้ามเนื้อกรามเกิดการทำงานมากยิ่งขึ้นอย่างการเคี้ยวหมากฝรั่งเป็นประจำ การนอนกัดฟัน สามารถฉีดโบท็อกกราม เพื่อลดขนาดของกล้ามเนื้อกรามได้
การฉีดโบลดกราม ช่วยลดขนาดกล้ามเนื้อกรามได้อย่างไร
Botulinum Toxin Type A เป็นสารที่นิยมนำมาใช้กันอย่างแพร่หลายในด้านการแก้ปัญหาริ้วรอย ร่องลึก ยับยั้งการทำงานของกล้ามเนื้อในส่วนต่างๆ เป็นเวลาชั่วคราวให้กล้ามเนื้อหยุดเคลื่อนตัว จึงทำให้กล้ามเนื้อมีขนาดเล็กลง ริ้วรอย ร่องลึกก็จะค่อยๆ จางลงไปด้วย
โดยการฉีดโบท็อกกรามนั้นจะทำการฉีดไปที่กล้ามเนื้อแมสเซตเตอร์ เป็นกล้ามเนื้อขนาดใหญ่ที่อยู่ในบริเวณมุมขากรรไกร ที่จะเกิดการเคลื่อนไหวในระหว่างการเคี้ยวอาหารหรือการพูด ซึ่งโบท็อกจะเข้าไปทำให้ออกฤทธิ์ต่อระบบประสาท (Neurotoxin) จนเกิดการสั่งการทำให้กล้ามเนื้อบริเวณดังกล่าวมีประสิทธิภาพการทำงานที่ลดลง ส่งผลให้ขนาดกล้ามเนื้อบริเวณกรามมีขนาดเล็กลงไปด้วย
สรุปแล้วโบท็อกกรามทำให้หน้าเรียวจริงไหม ก็คงต้องขอตอบสามารถทำให้หน้าเรียวได้จริงค่ะ เพราะจากหลักการทำงานดังกล่าวของโบท็อกที่ฉีดในบริเวณกรามทำให้ช่วยปรับรูปหน้าให้เรียว หน้ามีความ V-shape ช่วยลดขนาดกราม เกิดความกระชับบริเวณกรอบหน้า ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับลักษณะปัญหาใบหน้าของคนไข้ และเทคนิคการฉีดโบท็อกกรามของแพทย์แต่ละท่านด้วยค่ะ
ฉีดโบท็อกลดกราม เหมาะกับใคร?
หลังจากที่ได้ทราบเกี่ยวกับทำงานของโบท็อกกรามแล้วว่ามีหลักการทำงานอย่างไรในการช่วยให้หน้าเรียวแบบเกินต้าน ที่นี้เรามาดูกันค่ะว่าการฉีดโบท็อกลดกรามเหมาะกับใครบ้าง?
- ผู้ที่มีปัญหาขนาดกล้ามเนื้อกรามใหญ่ กรามเหลี่ยมอย่างเห็นได้ชัด ไม่รับกับรูปหน้า
- ผู้ที่ต้องการมีใบหน้าเรียวแบบ V-shape
- ผู้ที่มีปัญหาเรื่องการเคี้ยวอาหารลำบาก เพราะขนาดของกรามที่ใหญ่เกินไป
- ผู้ที่นอนกัดฟันบ่อยๆ ซึ่งอาจทำให้หล้ามเนื้อกรามใหญ่ขึ้นหรือรู้สึกปวด ตึงบริเวณกรามได้
- ผู้ที่มี่ความผิดปกติข้อต่อขากรรไกร และขากรรไกร (Temporomandibular Joint : TMJ)
Botox ยี่ห้อไหนดีที่สุด?
การทราบยี่ห้อ Botox ว่ามียี่ห้ออะไรบ้างก่อนจะไปฉีดโบท็อกกรามนั้นก็เป็นสิ่งสำคัญเหมือนกัน เพราะปัจจุบันโบท็อกในไทยมีหลากหลายยี่ห้อหลากหลายสัญชาติ ไม่ว่าจะเป็นอเมริกา เกาหลี เยอรมัน อังกฤษ เป็นต้น ที่ผ่านการตรวจสอบ และได้รับมาตรฐานการรับรองจากอย.ไทยถึง 8 ยี่ห้อด้วยกัน โดยยี่ห้อโบท็อกต่างๆ ในไทยมีดังต่อไปนี้
- Allergan : ยี่ห้อโบท็อกจากประเทศอเมริกาที่ได้รับความนิยมในการนำมาฉีดส่วนต่างๆบริเวณใบหน้า ซึ่งมีจุดเด่นที่น่าสนใจก็คือเป็น Botox บริสุทธิ์ถึง 99.5% สามารถออกฤทธิ์ได้อย่างมีประสิทธิภาพผลลัพธ์อยู่ได้นาน 5-6 เดือน โดยโบท็อกยี่ห้อ Allergan ในประเทศไทยจะมีด้วยกัน 2 ขนาดคือ 50 ยูนิต และ 100 ยูนิตค่ะ
- XEOMIN : โบท็อกจากประเทศเยอรมัน มีจุดเด่นที่แตกต่างจากยี่ห้ออื่นๆ ก็คือเป็นโบท็อกมีความบริสุทธิ์สูง ลดโอกาสการดื้อยา การฉีดโบท็อกยี่ห้อ XEOMIN ถือเป็นอีกหนึ่งทางเลือกสำหรับผู้ที่มีอาการดื้อโบท็อกซ์ สำหรับผลลัพธ์ของยี่ห้อนี้นั้นจะอยู่ได้นานประมาณ 4-6 เดือน และมีด้วยกัน 2 คือ 50 ยูนิต และ 100 ยูนิตขนาดคล้ายกับยี่ห้อ Allergan
- Dysport : เป็นโบท็อกจากประเทศอังกฤษ มีอายุผลลัพธ์หลังการฉีดได้นานประมาณ 4-6 เดือน ในประเทศไทยจะมีด้วยกัน 2 ขนาดคือ 300 ยูนิต และ 500 ยูนิต
- Aestox : โบท็อกซ์จากประเทศเกาหลีใต้ ผ่านการรับรองจาก KFDA (Korea Food & Drug Administration) จุดเด่นคือเป็นโบท็อกที่ออกฤทธิ์ไว อยู่ได้นาน 4-6 เดือน และยังมีให้เลือกมากถึง 3 ขนาด 50 ยูนิต 100 ยูนิต และ 200 ยูนิตค่ะ
- NABOTA : เป็นโบท็อกจากประเภทเกาหลีเพียงยี่ห้อเดียวที่ได้รับการรับรอง USFDA (U.S. Food and Drug Administration) โบท็อกมีความบริสุทธิ์สูงไม่แพ้กับยี่ห้ออื่นๆ ออกฤทธิ์ไว และอยู่ได้นาน 4-6 เดือนเช่นเดียวกับยี่ห้อ Aestox ปัจจุบันโบท็อก NABOTA ที่นำเข้ามาใช้ในไทยมี 1 ขนาด คือ กล่องดำ 100 ยูนิต
- HUGEL : โบท็อกจากประเทศเกาหลีใต้ ผู้ผลิตเดียวกับยี่ห้อ Aestox ซึ่งในประเทศไทยจะมีด้วยกัน 2 ขนาดคือ 50 ยูนิต และ 200 ยูนิต
- Botulax : โบท็อกอีกหนึ่งยี่ห้อจากประเทศเกาหลีใต้ที่ผลิตโดยบริษัทเดียวกับ Aestox และ HUGEL ซึ่ง Botulax ผ่านการรับรองจาก KFDA (Korea Food & Drug Administration) มีให้เลือกมากถึง 3 ขนาดเหมือนกับยี่ห้อ Aestox นั่นคือขนาด 50 ยูนิต 100 ยูนิต และ 200 ยูนิตค่ะ
- BTXA : โบท็อกซ์จากฮ่องกง ที่สามารถออกฤทธิ์อยู่ได้นานถึง 4-6 เดือน โดยในไทยมี 100 ยูนิตเพียงขนาดเดียว
- CLODEW : โบท็อกซ์จากประเทศเกาหลี ผู้ผลิตเดียวกับโบท็อก NABOTA ซึ่งมีจุดเด่นคือออกฤทธิ์ไว มีความบริสุทธิ์สูง อยู่ได้นานถึง 4-6 เดือน และมีเพียงขนาดเดียวซึ่งก็คือ ขนาด 100 ยูนิต
โบท็อกมีหลากหลายยี่ห้อ แล้วควรเลือกโบท็อกยี่ห้อไหนดี? ให้รมย์รวินท์ช่วยเลือกมั้ย อ่านบทความเพิ่มเติม คลิกเลย!
ฉีดโบท็อกครั้งแรก! สิ่งที่ควรรู้ก่อนฉีดโบท็อกลดกรามมีอะไรบ้าง?
แม้การฉีดโบท็อกกรามจะช่วยให้หน้าได้รูป เรียวสวยเป๊ะทุกองศา แต่ก่อนจะตัดสินใจฉีดโบลดกรามก็มีเรื่องที่ห้ามลืม และควรรู้ทุกครั้งที่ฉีดโบท็อกกราม โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่ฉีดโบท็อกครั้งแรก ซึ่งได้แก่
- ก่อนฉีดโบท็อกกรามควรตรวจสอบสถานพยาบาลก่อนเข้ารับบริการฉีดโบทุกครั้ง สถานพยาบาลต้องมีใบอนุญาติ แพทย์ต้องมีประสบการณ์ สามารถตรวจสอบได้จากแพทย์สภา เพราะการฉีดโบท็อกกรามทุกครั้งต้องมีการประเมินใบหน้าใหม่ และมีการประเมินปริมาณโบท็อกที่ต้องใช้ในการฉีดแต่ละครั้งเสมอ
- งดทานยาแก้ปวดทุกชนิด และอาหารเสริมที่ทำให้เกิดการแข็งตัวของเลือด เพราะอาจส่งผลให้เกิดภาวะเลือดไม่หยุดไหลได้ หากใครมียาที่ทานประจำควรแจ้งแพทย์ทุกครั้งก่อนเข้ารับการรักษา
- ก่อนฉีดโบท็อกกราม ควรให้แพทย์ผสมยาต่อหน้าและสังเกตทุกครั้งว่ายาที่ใช้เป็นของแท้
- ศึกษาเกี่ยวกับฉีดโบลดกรามทุกครั้ง รวมถึงวิธีตรวจสอบ โบแท้ โบปลอม
- หากใครมีคอร์สทำหน้าต่างๆ แนะนำให้เข้ารับบริการให้เรียบร้อยก่อนฉีดโบท็อกกราม แต่ถ้าไม่สามารถเลื่อนได้แนะนำว่าให้เว้นระยะ 2 สัปดาห์หลังจากฉีดโบท็อกแล้วค่อยกลับไปทำจะดีกว่าค่ะ
ฉีดโบท็อกกรามมีผลข้างเคียงไหม?
แม้ว่าการฉีดโบท็อกลดกรามจะมีข้อดีมากมาย ในเรื่องของการช่วยลดขนาดกล้ามเนื้อ ช่วยให้ใบหน้าได้รูปหน้าเรียวแบบไม่โป๊ะแล้ว ยังเป็นหัตถการที่ไม่จำเป็นจะต้องเจ็บตัวจากการผ่าตัดอีกด้วย แต่อย่างไรก็ตามการฉีดโบท็อกซ์กรามก็มีข้อควรระวังในการทำเช่นเดียวกับหัตถการประเภทอื่นๆ
- อาจทำให้ผิวบริเวณที่ฉีดโบท็อกลดกราม มีรอยแดง ช้ำเขียว ซึ่งรอยช้ำเหล่านี้จะหายเองได้ภายใน 3-5 วัน
- รู้สึกเคี้ยวอาหารลำบาก โดยเฉพาะอาหารที่มีความแข็งและความเหนียว เนื่องจากโบท็อกจะเข้าไปลดการทำงานของกล้ามเนื้อ สามารถหายเองได้ภายใน 1 สัปดาห์
- รู้สึกหน้าตึง ควบคุมการขยับของใบหน้าได้ลำบาก เช่น การยิ้ม
- ยิ้มแล้วทั้งสองข้างไม่เท่ากัน เนื่องจากโบท็อกส่งผลต่อกล้ามเนื้อที่ใช้ยิ้ม แต่อาการนี้มีโอกาสเกิดขึ้นได้น้อยมาก
- รู้สึกตึงและเจ็บบริเวณกราม อ้าปากกว้างได้ลำบาก
- แก้มหย่อยคล้อย เนื่องจากโบท็อกช่วยลดกล้ามเนื้อกรามให้เล็กลง แต่ไม่ได้ช่วยลดไขมัน ทำให้ผู้ที่มีแก้มเยอะก็อาจจะแก้มหย่อนคล้อยลง
- วิงเวียนศีรษะ ผิวแพ้เห่อเป็นรอยแดง
ผลข้างเคียงทั้งหมดที่กล่าวมา หากเป็นการฉีดโบท็อกซ์กรามของแท้กับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ผลข้างเคียงที่เกิดขึ้นจะหายเองได้หลังจากฉีดโบกราม แต่ถ้าฉีดโบท็อกลดกรามกับแพทย์ที่ไม่เชี่ยวชาญ หมอเถื่อน หมอกระเป๋า อาจได้รับปริมาณโบท็อกซ์มากเกินไป ฉีดไม่ตรงจุด หรือได้รับโบท็อกซ์ของปลอมที่ไม่มีคุณภาพ ก็อาจทำให้เกิดผลข้างเคียงที่เป็นอันตรายมากกว่านี้ได้
ข้อแนะนำหลังฉีดโบลดกราม
จากที่ได้ทราบกันไปแล้วว่าก่อนฉีดโบท็อกกราม เราจะต้องมีการเตรียมตัว เตรียมความพร้อมก่อนเข้ารับหัตถการเพื่อป้องกันผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นได้หากไม่เตรียมตัวให้ดี แล้วที่นี้หลายคนก็เกิดข้อสงสัยว่าหลังฉีดยังต้องมีการระมัดระวัง หรือมีข้อแนะนำอะไรบ้างหรือไม่ที่ควรทำหลังฉีดโบท็อกกราม มาดูไปพร้อมๆ กันค่ะ
- หลังฉีดโบท็อกกรามควรเคี้ยวหมากฝรั่งหรือกัดฟันไว้หลังฉีด และค่อยๆ บริหารกล้ามเนื้อ 30 นาที เพื่อให้ตัวยาโบท็อกเกิดการกระจายตัวและร่างกายดูดซึมเข้าไปได้มากที่สุด
- งดเคี้ยวอาหารแข็งๆ หรือเหนียวจนเกินไป เพื่อลดการกระตุ้นกล้ามเนื้อกราม ในช่วง 2 สัปดาห์หลังจากฉีดโบท็อกกราม
- งดดื่มแอลกอฮอล์ทุกชนิดและสูบบุหรี่เป็นเวลา 2 สัปดาห์หลังฉีด
- งดอาหารประเภทที่ต้องอยู่หน้าเตาร้อนๆ ทุกชนิด เช่นปิ้งย่าง ชาบู
- งดอาหารรสจัด อาหารหมัดดองทุกชนิด อาหารทะเล อาหารดิบๆ สุกๆ ทุกรูปแบบ
- งดกิจกรรมความร้อนทุกชนิด หรือกิจกรรมที่ทำให้หน้าแดง เช่น ซาวน่า การออกกำลังกายหนักเกินไป เป็นเวลา 3 วันหลังฉีดโบลดกราม
- งดทำเลเซอร์ร้อนบริเวณใบหน้าเป็นเวลา 2 อาทิตย์
- หลังฉีดโบท็อกกรามงดนอนราบ เพราะเลือดที่ไหลเวียนอาจทำให้ตัวยาเคลื่อนไปตำแหน่งอื่นได้
- สามารถทาครีมบำรุงผิว แต่งหน้าด้วยเครื่องสำอางได้ตามปกติ หลังฉีดโบ 2 สัปดาห์
ฉีดโบท็อกกรามที่ไหนดี?
การเลือกสถานที่ในการฉีดโบท็อกกรามก็สำคัญไม่แพ้กัน เพราะเป็นเรื่องที่ต้องมองไปถึงผลลัพธ์ รวมถึงความปลอดภัยหลังจากฉีดโบท็อกด้วย แม้ว่าปัจจุบันจะมีคลินิก สถานพยาบาลมากมายที่ให้บริการการฉีดโบท็อกลดกราม แต่ไม่ใช่ว่าจะเป็นที่ไหนก็ได้ ซึ่งวันนี้ Romrawin จะขอพาทุกท่านไปดูหลักการเลือกสถานที่ฉีดโบท็อกกรามว่าควรพิจารณาอะไรบ้าง
- คลินิกต้องได้มาตรฐาน ได้รับการรับรอง มีใบอนุญาตในการเปิดคลินิก เลขที่ใบอนุญาต 11 หลัก
- มีรีวิวที่น่าเชื่อถือจากผู้เข้ารับบริการจริง
- ให้บริการหัตถการโบท็อกกรามโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญที่สามารถตรวจสอบใบประกอบวิชาชีพได้
- โบท็อกที่ใช้เป็นของแท้ ดึงยาต่อหน้า นำกล่องกลับบ้านได้
- สถานที่ตั้งคลินิกเดินทางง่าย เพราะจะทำให้สามารถมาติดตามผลการรักษาได้อย่างสะดวก
รีวิวฉีดโบท็อกกรามกับ Romrawin
ต้องการให้กรอบหน้าดูชัด จึงเข้ามารับบริการโปรแกรมฉีด Botox กราม และ Filler กับทางรมย์รวินท์คลินิก หลังทำ 3 สัปดาห์ หน้าเรียวชัดขึ้นมาก และริ้วรอยก็ดูจางลงอย่างเห็นได้ชัด – รีวิวฉีดโบลดกรามจากครูทอม จักรกฤต โยมพยอม
ภาพเปรียบเทียบก่อนและหลังทำโปรแกรม VLift VLock ฉีดโบลดกราม ของคุณวินตั้น-ภพภูวินทร์ ศิวศรัญพัชร์ ( ศิลปิน/นักร้อง ) จะเห็นความเปลี่ยนแปลงหลังทำได้ว่าบริเวณกรามมีขนาดเล็กลง รูปหน้าดูกระชับ เรียวเป๊ะมากยิ่งขึ้น
ฉีดโบลดกรามราคาเท่าไหร่
โบท็อกราคาเท่าไหร่? สำหรับที่รมย์รวินท์คลินิก เรามีบริการฉีดโบลดกราม และมีโบท็อกซ์หลากหลายยี่ห้อให้ลูกค้าเลือกตามความเหมาะสม
ราคาของโบท็อกที่รมย์รวินท์คลินิกจะแตกต่างไปตามยี่ห้อ และขนาดค่ะ โดยได้แก่
ยี่ห้อ Allergan
- ขนาด 50 Unit ราคา 20,000.- /ขวด พิเศษโปรโมชั่น 15,000.- /ขวด
- ขนาด 100 Unit ราคา 35,000.- /ขวด พิเศษโปรโมชั่น 25,000.- /ขวด
ยี่ห้อ Nabota
- ขนาด 50 Unit ราคา 12,000.- /ขวด พิเศษโปรโมชั่น 6,900.- /ขวด
- ขนาด 100 Unit ราคา 20,000.- /ขวด พิเศษโปรโมชั่น 9,900.- /ขวด
ยี่ห้อXeomin
- ขนาด 100 Unit ราคา 35,000.- /ขวด พิเศษโปรโมชั่น 18,000.- /ขวด
ยี่ห้อ Dysport
- ขนาด 300 Unit ราคา 35,000.- /ขวด พิเศษโปรโมชั่น 25,000.- /ขวด
ร้อยไหมหน้าเรียว vs โบลดกราม ทำอะไรดี?
หลายท่านคงเคยได้ยินว่านอกจากโบท็อกกรามแล้วยังมีการทำร้อยไหมหน้าเรียว ที่ช่วยให้ใบหน้าเรียวได้เช่นเดียวกัน ซึ่งข้อดีของการร้อยไหมหน้าเรียวนั้นจะช่วยยกกระชับ ลดความหย่อนคล้อย เหมาะกับผู้ที่ต้องการยกกระชับใบหน้า ซึ่งในระหว่างร้อยไหมหน้าเรียวจะมีรู้สึกรับรู้ได้ถึงเส้นไหมที่มีการร้อยเข้าที่บริเวณใบหน้า ส่วนการฉีดโบท็อกกรามจะช่วยให้ขนาดกล้ามเนื้อให้เล็กลง จากการทำงานออกฤทธิ์ของโบท็อกที่เข้าไปยับยั้งการทำงานของกล้ามเนื้อ
เมื่อเปรียบเทียบข้อดีของอาการทั้ง 2 แบบนั้นจะเห็นได้ว่ามีความปลอดภัยในการทำทั้งคู่ แต่การฉีดโบท็อกจะมีราคาที่ถูกกว่าการร้อยไหมหน้าเรียว ทั้งนี้ทั้งนั้นขึ้นอยู่กับความเหมาะสมว่าคนไข้มีปัญหาใบหน้าแบบใด อย่างไรก็ตามหากท่านใดมีปัญหาไปหน้าที่หย่อนคล้อยต้องการยกกระชับและต้องการลดขนาดกล้ามเนื้อกรามไปด้วย สามารถทำหัตถการทั้ง 2 ควบคู่พร้อมกันได้ค่ะ
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับโบท็อกกราม
ตอบคำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับโบท็อกกราม
1. Botox ลดกราม กี่วันเห็นผล?
ส่วนใหญ่แล้วหลังการฉีดโบท็อกลดกรามจะสามารถเริ่มเห็นผลลัพธ์หลังการฉีดได้ใน 14 วัน กล้ามเนื้อจะทำงานน้อยลง เมื่อผ่านไป 2-3 เดือนจะเห็นการเปลี่ยนแปลงที่ชัดเจนในกล้ามเนื้อบริเวณกราม ที่เวลากัดฟันแรงๆ แล้วกล้ามเนื้อบริเวณฟันกรามจะไม่ปูดขึ้นมา และกล้ามเนื้อดูนิ่มลง
2. ฉีด Botox ลดกราม เจ็บไหม?
สำหรับใครที่สงสัยว่าการฉีดโบท็อกกรามนั้นเจ็บไหม ขอตอบเลยว่าไม่เจ็บค่ะ เพราะในระหว่างก่อนฉีดและในขณะที่ฉีดจะมีการประคบเย็นเพื่อบรรเทา ลดความเจ็บอยู่เสมอค่ะ ใครที่กังวลว่าการฉีดโบลดกรามจะเจ็บนั้น หายกังวลและสบายใจในการฉีดได้เลย
3. ฉีดโบท็อกลดกรามอยู่ได้นานไหม?
สรุปแล้วฉีดโบลดกรามอยู่ได้นานไหม? ปฏิเสธไม่ได้ว่ามีคนเข้าใจผิดว่าการฉีดโบท็อกกรามสามารถอยู่ได้นานถาวรนั้น อยากให้ปรับความเข้าใจใหม่ค่ะ เพราะเพราะการฉีดโบท็อกเป็นการให้ผลลัพธ์เพียงชั่วคราวเท่านั้น ซึ่งในเรื่องของผลลัพธ์การฉีดโบท็อกกรามจะอยู่ได้นานประมาณ 5-6 เดือน
4. โดยทั่วไปแล้วโบท็อกกรามกี่ยูนิต?
ปกติแล้วต้องฉีดโบท็อกกรามกี่ยูนิต? จริงๆ แล้วปริมาณ Botox ในการฉีดโบท็อกกรามมีความแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล โดยขึ้นอยู่กับการประเมินปริมาณที่เหมาะสมปริมาณในการฉีดจากแพทย์ที่ดำเนินหัตถการดังกล่าวให้ ปกติแล้วบริเวณกรามจะใช้โบท็อกในการฉีดประมาณ 30-50 ยูนิตต่อข้างค่ะ
5. ฉีดโบท็อกแล้วหน้าตึง ทำอย่างไรดี?
หลายท่านเมื่อฉีดโบท็อกแล้วมีความรู้สึกหน้าตึง เกิดความกังวลใจว่าอาการหน้าตึงที่เกิดขึ้นจะเป็นผลข้างเคียงที่ไม่ดีหรือเปล่า การที่ฉีดโบท็อกแล้วหน้าตึงนั้นอาจเกิดจากการที่ได้รับปริมาณโบท็อกที่มากเกินไป ไม่เหมาะสมกับในบริเวณที่ทำ เพราะหลังฉีดเมื่อเวลาผ่านไปโบท็อกจะค่อยๆออกฤทธิ์มากยิ่งขึ้น จึงทำให้เกิดอาการดังกล่าวได้ เมื่อหากเกิดอาการฉีดโบท็อกแล้วหน้าตึงควรแจ้งให้แพทย์ทราบ เพื่อเข้ารับการแก้ไขอาการที่เกิดขึ้นค่ะ
6. อยากหน้าเรียวเล็ก ฉีดโบลดกรามอย่างเดียวพอไหม?
หากท่านใดอยากหน้าเรียวเล็กหน้าวีเชฟ จะถ่ายรูปกี่องศาก็ไม่ประหม่า กังวลว่าฉีดโบลดกรามอย่างเดียวจะพอหรอ มีหัตถการอื่นที่ทำควบคู่หรือสามารถทำหัตถการอื่นเพิ่มเติมได้หรือไม่นั้น จริงๆ แล้วสามารถทำหัตถการอื่นที่ช่วยยกกระชับ ปรับรูปหน้าได้ค่ะ เช่น การร้อยไหมหน้าเรียว การทำ Hifu หรือแม้กระทั่งการฉีดฟิลเลอร์
โปรโมชันโบท็อกกรามกับ Romrawin
ทำไมต้องฉีดโบลดริ้วรอยที่ รมย์รวินท์คลินิก?
เพราะที่รมย์รวินท์คลินิกพร้อมไปด้วยแพทย์มีประสบการณ์ในการฉีดโบท็อกกราม สามารถวินิจฉัยปัญหารูปหน้าได้อย่างตรงจุด แพทย์มีเทคนิคในการฉีดเฉพาะที่คิดค้นโดยรมย์รวินท์คลินิกเท่านั้น มีการฝึกอบรมวิชาการและเทคนิคใหม่ๆ เพื่อการรักษาที่ให้ผลลัพธ์ได้ดียิ่งขึ้นอยู่เสมอ เพื่อให้สามารถมอบบริการที่ปลอดภัยให้กับลูกค้าทุกๆ ท่านที่เข้ารับบริการ สารที่ฉีดใช้เป็นของแท้ทุกกล่อง สามารถตรวจสอบจากอย.ได้
หากท่านใดสนใจฉีดโบท็อกกราม หรือต้องการสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับโปรแกรมลดกราม ช่วยให้ใบหน้าเรียวสวย ไม่โป๊ะ รวมไปถึงหัตถการอื่นๆ จากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญของทางรมย์รวินท์คลินิกสามารถติดต่อได้ที่ช่องทางด้านล่างดังนี้
Website : Romrawin Clinic
Facebook : Romrawin Clinic
Line : @Romrawinclinic
Tel : 080-1539000
หรือคลิกเพื่อดูสาขาของเราที่นี่
ลิสอ้างอิงข้อมูล
Alex Brewer. (July 17, 2022). Botox side effects: What you should know.
https://www.medicalnewstoday.com/articles/drugs-botox-side-effects
Ashley Laderer. (Jun 10, 2022). How masseter Botox can slim down your face and prevent teeth grinding.
https://www.insider.com/guides/health/treatments/masseter-botox
Kirsten Nunez. (January 7, 2021). All About Masseter Botox.
https://www.healthline.com/health/masseter-botox