โบท็อก

ข้อห้ามหลังฉีดโบท็อกที่ไม่ควรมองข้าม สู่ผลลัพธ์ที่ประทับใจ

ข้อระวังหลังฉีดโบ

ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าส่วนหนึ่งที่ทำให้การฉีดโบท็อกมีผลลัพธ์ที่คงทน และสลายตัวช้าลงได้ เป็นเพราะการปฏิบัติตามข้อห้ามหลังการฉีดโบท็อกนั่นเอง โบท็อกมีส่วนช่วยปรับรูปหน้าให้เรียวสวย ลดริ้วรอยให้จางลงรวมถึงลิฟกรอบหน้าให้กระชับ แต่ตัวยานี้ไม่สามารถอยู่ได้อย่างถาวรนะคะ ดังนั้น เรามาดูข้อห้ามหลังฉีดโบท็อกที่ควรปฏิบัติตามเพื่อให้ผลลัพธ์อยู่ได้นานกันค่ะ



8 ข้อห้ามหลังฉีดโบท็อกที่ควรรู้ เพื่อให้โบท็อกอยู่นาน สลายช้า 

ข้อห้ามหลังฉีดโบกราม

หลายคนอาจสงสัยว่าหลังการฉีดโบท็อกในบริเวณต่าง ๆ ไม่ว่าจะโบท็อกหน้าผาก, โบท็อกกราม, โบท็อกหางตา หรือบริเวณอื่น ๆ จะมีข้อห้ามหลังฉีดโบท็อกอะไรกันบ้าง เพื่อให้ผลลัพธ์อยู่ยาวนาน ตามมาดูรายละเอียดด้านล่างกันเลยค่ะ

งดการสัมผัสใบหน้า  

หลีกเลี่ยงการสัมผัสใบหน้าไม่ว่าจะกด คลึง นวด ตามบริเวณที่ฉีดโบท็อกใน 4 ชั่วโมงแรก นับจากหลังฉีด เพื่อให้ตัวยาแทรกซึมเข้าไปถึงกล้ามเนื้อบริเวณที่ฉีด และเป็นการป้องกันไม่ให้ตัวยากระจายไปสู่บริเวณอื่น ๆ ที่เราไม่ต้องการด้วย ถือเป็นข้อห้ามหลังฉีดโบที่คุณควรปฏิบัติตามอย่างเข้มงวด  

งดการออกกำลังกาย 

หนึ่งในข้อห้ามหลังฉีดโบลดริ้วรอยที่คุณควรปฏิบัติตามคือ งดการออกกำลังกายอย่างน้อย 24 ชั่วโมงค่ะ เพราะจะเป็นการเพิ่มอุณหภูมิในร่างกายของเรา ส่งผลให้การไหลเวียนของเลือดสูงขึ้น ซึ่งมีส่วนไปกระตุ้นให้โบท็อกเกิดการสลายตัวเร็ว รวมถึงอาจทำให้ตัวยากระจายไปยังบริเวณอื่น ๆ ที่คุณไม่ต้องการ

งดสัมผัสแสงแดดและความร้อน 

เช่นเดียวกับข้อห้ามหลังฉีดโบท็อกด้านบน การสัมผัสแสงแดด และความร้อนสามารถทำให้โบท็อกสลายตัวได้เร็ว นั่นเป็นเพราะความร้อนจะไปเพิ่มการไหลเวียนของเลือดมายังจุดที่สัมผัสแดดมากขึ้น และเร่งการทำงานของระบบเผาผลาญอีกด้วย 

งดการทาสกินแคร์หรือการใช้เครื่องสำอาง   

หลังฉีดโบท็อกควรงดทาสกินแคร์กับใช้เครื่องสำอางที่มีส่วนผสมอย่างกรดวิตามินเอ AHA หรือ BHA ในช่วงแรกวันแรกหลังฉีดโบท็อก เนื่องจากมีผลต่อการกระจายตัวของโบท็อกในบริเวณที่ฉีด และอาจทำให้ใบหน้าเกิดอาการระคายเคืองได้ ถือเป็นข้อห้ามหลังฉีดโบลดกรามเลยนะคะ

งดการใช้ยาหรืออาหารเสริมบางชนิด   

ข้อห้ามหลังฉีดโบท็อกถัดไปคือ ควรงดการใช้ยาที่ส่งผลต่อการแข็งตัวของเลือด เพราะทำให้เลือดหยุดไหลช้าลงอย่างเช่นกลุ่มยาแก้อักเสบที่ไม่ใช่สเตียรอยด์ (NSAIDs) และควรงดอาหารเสริมที่มีส่วนผสมของสมุนไพร เพราะจะส่งผลให้เกิดอาการบวมหลังฉีดโบท็อกได้ 

งดการทำหัตถการอื่น ๆ บนใบหน้า 

ควรเว้นการทำหัตถการ หรือทรีตเมนต์ต่าง ๆ บนใบหน้าเช่น การทำเลเซอร์ การฉีดฟิลเลอร์ และการทำผลัดเซลล์ผิว เป็นต้น เพื่อให้ประสิทธิภาพของโบท็อกซึมเข้าสู่บริเวณที่ฉีดได้อย่างเต็มที่ และส่งผลต่อการสลายตัวของโบท็อกที่ช้าลง

งดการสูบบุหรี่  

บุหรี่ประกอบด้วยสารนิโคติน (Nicotine) ที่มีผลต่อการขยายตัวของหลอดเลือดในร่างกาย ซึ่งทำให้ประสิทธิภาพการกระจายตัวของโบท็อกลดลง รวมถึงกระตุ้นให้โบท็อกเกิดการสลายตัวเร็วขึ้น การสูบบุหรี่จึงเป็นหนึ่งในข้อห้ามหลังฉีดโบท็อกที่ควรปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัดเช่นกันค่ะ

งดการนอนราบ   

สำหรับข้อห้ามหลังฉีดโบท็อกข้อสุดท้ายที่ควรปฏิบัติตามคือ งดการนอนราบ และก้มหัวที่ต่ำกว่าระดับหัวใจ เนื่องจากการนอนดังกล่าวจะยิ่งส่งเสริมการไหลเวียนของเลือดบริเวณใบหน้ามากขึ้น โดยแนะนำให้นอนบนหมอนสูง เพื่อยกศีรษะให้อยู่ตำแหน่งที่สูงกว่าหน้าอกค่ะ 


หลังฉีดโบท็อก ห้ามกินอะไรบ้าง ? 

อาหารบางประเภทเองก็เป็นหนึ่งในข้อห้ามหลังฉีดโบท็อก ที่ควรเลี่ยงรับประทานหลังการทำหัตถการ เพื่อลดความเสี่ยงการสลายตัวของโบท็อก และป้องกันอาการข้างเคียงหลังฉีดโบท็อกที่อาจเกิดทั้งในระยะสั้นและระยะยาวได้ ดังนี้  

  • เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทุกชนิด เช่น เหล้า, เบียร์, ไวน์ และน้ำหมัก 
  • การรับประทานอาหารหน้าเตาที่มีความร้อนสูง เช่น หมูกระทะ ชาบู และปิ้งย่าง
  • อาหารหมักดอง เช่น ผลไม้ดอง, ผักดอง, ปลาร้า, ชาหมัก เป็นต้น เพราะมีสารที่กระตุ้นให้เส้นเลือดขยายตัว อีกทั้งยังสามารถกระตุ้นให้เกิดการอักเสบ และเสี่ยงต่อการติดเชื้อ
  • อาหารที่มีรสเผ็ดจัด  

ผู้มีความเสี่ยงห้ามฉีดโบท็อก อาจอันตรายถึงชีวิต

การฉีดโบท็อกเหมาะสำหรับผู้มีอายุตั้งแต่ 20 ปีเป็นต้นไป ซึ่งช่วยการฟื้นฟูผิว และลดริ้วรอยที่เริ่มเสื่อมสภาพไปตามวัย แต่สำหรับผู้มีอายุต่ำกว่า 18 ปี อาจมีความเสี่ยงต่อการฉีดโบท็อกได้ เพราะยังไม่มีเอกสารออกมารองรับความปลอดภัยนะคะ นอกจากนี้ผู้ที่มีปัญหาทางสุขภาพบางประเภทก็อาจเป็นผู้มีความเสี่ยงห้ามฉีดโบท็อกด้วยเช่นกัน ดังนี้ 

  • ผู้มีอาการเกี่ยวกับโรคทางเดินหายใจ เช่น โรคถุงลมโป่งพอง โรคหอบหืด 
  • ผู้มีอาการติดเชื้อทางผิวหนังและทางเดินปัสสาวะ
  • ผู้ที่กำลังตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร 
  • ผู้มีอาการกล้ามเนื้ออ่อนแรง เช่น โรค ALS, โรคลูเกริก, Lambert-Eaton syndrome เป็นต้น 
  • ผู้มีอาการแพ้ส่วนผสมของโบท็อก ได้แก่ Botulinum toxin type A, Sodium chloride และ Human albumin เป็นต้น 

อาการที่อาจเกิดขึ้นหลังฉีดโบท็อก

หลังฉีดโบท็อกอาจเกิดอาการข้างเคียงชนิดชั่วคราว เช่น ปวดหัว, คอแห้ง, ใบหน้าบวม, รอยช้ำ, ตาพร่า เป็นต้น ซึ่งนับเป็นอาการปกติที่เกิดขึ้นได้ทั่วไปหลังฉีดทันที โดยอาการเหล่านี้จะหายได้เองในช่วง 7-14 วันระหว่างที่ผู้ฉีดทำตามข้อห้ามหลังฉีดโบท็อกค่ะ ทั้งนี้หากพบว่าตัวเองมีอาการผิดปกตินอกเหนือจากอาการชั่วคราวอย่างอาการแพ้รุนแรงหรือหนังตาตก ห้ามรอช้า ให้รีบปรึกษาแพทย์ทันที 


ข้อปฏิบัติที่ควรทำตาม เพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุดหลังฉีดโบท็อก 

หลังฉีดโบกราม ห้ามกินอะไร

หลังฉีดโบท็อกมีวิธีการดูแลตัวเองอย่างไร เพื่อให้โบท็อกสลายตัวช้า โดยแนะนำให้ทำตามข้อห้ามหลังฉีดโบท็อกควบคู่ไปด้วย เพื่อผลลัพธ์ที่มีประสิทธิภาพ ดังนี้ 

  • บริหารกล้ามเนื้อหลังฉีดโบท็อกประมาณ 30 นาที เช่น เคี้ยวหมากฝรั่ง ยักคิ้ว และยิ้ม 
  • หากมีเลือดซึมจากบริเวณที่ฉีดให้ใช้สำลีสะอาดเช็ดออกอย่างเบามือที่สุด โดยห้ามกด ถู บีบ หรือย้ำแผลเด็ดขาด
  • ทุกครั้งที่ทำความสะอาดใบหน้า ให้ล้างหน้า และซับหน้าอย่างเบามือ ด้วยผลิตภัณฑ์ที่อ่อนโยนต่อผิว
  • รับประทานอาหารที่มีแร่ธาตุสังกะสีสูง เช่น หอยนางรม ปู และมันฝรั่ง 
  • ประคบเย็นในจุดที่บวมหรือช้ำหลังฉีดเป็นเวลา 1 ชั่วโมง  

คำถามที่พบได้บ่อย เกี่ยวกับข้อห้ามหลังฉีดโบท็อก 

หลังฉีดโบท็อก แต่งหน้าได้ไหม?   

ภายใน 24 ชั่วโมงหลังจากฉีดโบท็อกไม่ควรแต่งหน้าทันทีค่ะ เพราะจะเกิดการสัมผัสกับใบหน้าโดยตรงไม่ว่าจะใช้วิธีการแตะ นวด หรือทา อาจทำให้โบท็อกที่ฉีดเข้าไปถูกเคลื่อนที่กระจายไปบริเวณอื่น ๆ บนใบหน้า 

หลังฉีดโบท็อก ใช้เวลากี่วันถึงเห็นผล?   

ผลลัพธ์หลังฉีดโบท็อกจะเห็นผลเต็มที่ได้ตั้งแต่ 1-6 สัปดาห์แรก แต่ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลาย ๆ อย่างไม่ว่าจะเป็นยี่ห้อของโบท็อกที่ฉีด, ความบริสุทธิ์ของตัวยา, ตำแหน่งที่ฉีด, เทคนิคการฉีดโบท็อกที่แพทย์ใช้ รวมถึงการใช้ชีวิตประจำวันของผู้ฉีดโบท็อก ล้วนมีผลต่อระยะเวลาเห็นผลทั้งสิ้น

หลังฉีดโบท็อก นอนตะแคงได้ไหม?   

การนอนตะแคง หรือนอนคว่ำถือเป็นข้อห้ามหลังฉีดโบท็อกที่ไม่ควรทำอย่างน้อย 4 ชั่วโมง เพราะจะส่งผลให้โบท็อกที่ฉีดเข้าไปถูกกระจายตัวไปสู่กล้ามเนื้อ หรือบริเวณอื่น ๆ บนใบหน้าที่คุณอาจไม่ต้องการได้ เช่น หน้าผาก หางตา บริเวณขมับ เป็นต้น

หลังฉีดโบท็อก ดื่มกาแฟได้ไหม?    

ส่วนผสมของคาเฟอีนที่มีอยู่ในกาแฟนั้นส่งผลให้หลอดเลือดขยายตัวได้ แต่ความเข้มข้นของคาเฟอีนในกาแฟมีปริมาณเพียงเล็กน้อยเท่านั้น การดื่มกาแฟจึงไม่ได้เป็นข้อห้ามหลังฉีดโบท็อกแต่อย่างใด 

หลังฉีดโบท็อก ทำไมต้องเคี้ยวหมากฝรั่งทันที?  

หลังฉีดโบท็อกกรามทันทีควรขยับใบหน้า หรือเคี้ยวหมากฝรั่งอย่างน้อย 30 นาที เพื่อให้กล้ามเนื้อบริเวณกรามเกิดการเคลื่อนไหวจนส่งผลให้ยากระจายตัว และดูดซึมลงบริเวณที่ฉีดได้ดี นอกจากนี้ยังช่วยให้โบท็อกออกฤทธิ์ได้เร็วขึ้น 


สรุป ข้อห้ามหลังฉีดโบท็อก

การฉีดโบท็อกให้ได้ผลลัพธ์ที่ยาวนานคือ การปฏิบัติตามข้อห้ามหลังฉีดโบท็อกอย่างเคร่งครัด ตลอดจนใส่ใจกับอาหารที่รับประทานอาหารมากขึ้น หากปฏิบัติตามได้ครบทุกข้อย่อมช่วยชะลอการสลายตัวของโบท็อกให้ช้าลงได้ค่ะ ทั้งนี้ การเลือกคลินิกสำหรับทำหัตถการกับแพทย์ผู้ชำนาญการก็เป็นเรื่องที่ไม่ควรมองข้าม ทาง Romrawin ให้บริการฉีดโบท็อกที่ได้มาตรฐาน พร้อมแก้ไขปรับรูปหน้าของคุณด้วยคำแนะนำที่ใส่ใจจากแพทย์ผู้มีประสบการณ์กว่า 20 ปี เพื่อให้คุณได้ผลลัพธ์ที่พึงพอใจมากที่สุดค่ะ


Related Posts