ฝ้า กระ หนึ่งในปัญหาผิวที่สร้างความกังวลใจให้กับใครหลายคน โดยปัญหานี้มักจะเกิดขึ้นบนใบหน้า ทำให้ผิวหน้าดูหมองคล้ำ ไม่สดใส ต้องคอยใช้รองพื้นเพื่อปกปิดปัญหาตลอดเวลา
แต่รู้หรือไม่ว่าปัจจุบันมีเทคโนโลยีที่ช่วยกำจัดฝ้า กระ จุดด่างดำได้อย่างอยู่หมัด รมย์รวินท์คลินิกเข้าใจปัญหาและความกังวลใจนี้เป็นอย่างดี จึงรวบรวม 7 วิธีรักษาฝ้าให้เห็นผลไว ดูจางลงอย่างเป็นธรรมชาติ พร้อมคืนความสดใสและความมั่นใจให้กับคุณอีกครั้ง
ฝ้าคืออะไร? มีกี่ประเภท?
ฝ้า (Melasma) คือ ลักษณะของสีผิวที่ไม่สม่ำเสมอ ซึ่งเป็นปัญหาที่มักเกิดขึ้นบนบริเวณใบหน้า โดยเฉพาะบริเวณที่ถูกแสงแดดบ่อย ๆ อย่างฝ้าตรงโหนกแก้ม จมูก หน้าผาก หรือบริเวณเหนือริมฝีปาก ซึ่งปัญหานี้สามารถพบได้ทั้งในผู้หญิงและผู้ชาย และพบมากในช่วงอายุ 30-40 ปี
สำหรับปัญหาฝ้า สามารถแบ่งออกได้เป็น 3 ประเภทหลัก ๆ ดังนี้
- ฝ้าตื้น มีลักษณะเป็นสีน้ำตาลเข้ม มีขอบเขตชัดเจน เกิดขึ้นได้ในระดับชั้นผิวหนังกำพร้า เป็นประเภทที่พบได้มากที่สุด
- ฝ้าลึก มีลักษณะเป็นสีน้ำตาลอ่อน มีขอบเขตที่ไม่ชัดเจน เกิดขึ้นได้ในระดับชั้นผิวหนังแท้ ทำการรักษาได้ยากกว่าฝ้าตื้น
- ฝ้าผสม มีลักษณะของฝ้าตื้นและฝ้าลึกผสมกัน คือ มีสีน้ำตาลเข้ม แต่ขอบเขตไม่ชัดเจน
เนื่องจากฝ้ามีหลายประเภทและมีลักษณะที่แตกต่างกัน การรักษาฝ้าให้เห็นผลลัพธ์อย่างชัดเจนจึงควรเข้ารับการประเมินกับแพทย์ผู้ชำนาญการก่อน เพื่อรักษาฝ้าได้อย่างตรงจุดและได้ผลลัพธ์ออกมาดีที่สุดค่ะ
ฝ้าเกิดจากสาเหตุอะไร?
- แสงแดด เป็นตัวการสำคัญที่ทำให้เกิดฝ้า กระ เนื่องจากในแสงแดดจะมีรังสีอัลตราไวโอเลต (Ultraviolet, UV) ซึ่งเป็นตัวกระตุ้นให้เซลล์เมลาโนไซต์ (Melanocyte) ในชั้นผิวสร้างเม็ดสีเมลานิน (Melanin) มากผิดปกติ จนเกิดเป็นฝ้าในรูปแบบต่าง ๆ
- ฮอร์โมน โดยเฉพาะฮอร์โมนเพศหญิงอย่างฮอร์โมนเอสโตรเจน (Estrogen) และฮอร์โมนโปรเจสเตอโรน (Progesterone) ที่มีส่วนกระตุ้นให้มีการสร้างเม็ดสีเมลานินมากขึ้น พบได้มากในผู้หญิงตั้งครรภ์และผู้ที่ทานยาคุมกำเนิด
- พันธุกรรม เป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่อาจทำให้เกิดปัญหาฝ้าได้ หากพบว่าคนในครอบครัวมีปัญหาฝ้า กระ คุณเองก็มีโอกาสที่จะประสบกับปัญหานี้ได้ง่ายเช่นกันค่ะ
- ยา ยาที่ใช้ในการรักษาโรคบางชนิด อาจมีส่วนประกอบที่เร่งให้เซลล์เมลาโนไซต์สร้างเม็ดสีเมลานินมากผิดปกติจนเกิดปัญหาฝ้าได้
- เครื่องสำอาง ในเครื่องสำอางที่มีส่วนประกอบของไฮโดรควิโนน (Hydroquinone) อาจเป็นตัวการที่ทำให้เกิดฝ้าได้หากใช้ผิดวิธีหรือใช้ติดต่อกันเป็นระยะเวลานานเกินไป
นอกจากสาเหตุข้างต้นแล้ว ความเครียดและการพักผ่อนไม่เพียงพอก็เป็นอีกหนึ่งสาเหตุที่ทำให้เกิดฝ้าได้เช่นกันค่ะ หากคุณต้องการรักษาฝ้าให้อยู่หมัด ก็ควรที่จะหลีกเลี่ยงปัจจัยต่าง ๆ ที่ทำให้เกิดฝ้าด้วยนะคะ
7 วิธีรักษาฝ้า ให้ผิวดูกระจ่างใส ไร้จุดด่างดำ
เป็นฝ้าทำไงดี? เป็นคำถามที่ใครหลายคนคงอยากรู้และต้องการคำตอบอย่างเร่งด่วน เพื่อที่จะได้รักษาฝ้าให้หายขาด
ซึ่งวิธีรักษาฝ้าให้ได้ประสิทธิภาพนั้น ควรเริ่มจากการหาสาเหตุของปัญหาและรับการประเมินจากแพทย์ผู้ชำนาญการเพื่อหาแนวทางการรักษาให้เหมาะสมกับคุณที่สุดก่อนค่ะ
โดยปัจจุบันมีวิธีต่าง ๆ มากมายที่ช่วยลดฝ้า กระ และจุดด่างดำ ได้อย่างเห็นผล ทั้งการรักษาฝ้าด้วยตัวเอง และการพึ่งพาเทคโนโลยีต่าง ๆ เราจึงรวบรวม 7 วิธีเด็ด ๆ ในการรักษาฝ้าให้อยู่หมัด ดังนี้
1. ยารักษาฝ้า
การใช้ยารักษาฝ้า ส่วนมากมักจะใช้ยาที่มาในรูปแบบของครีม และจะมีส่วนผสมที่ช่วยยับยั้งการสร้างเม็ดสีเมลานิน เช่น ยาที่มีกรดวิตามินเอ (Retinoid), กรดอะซีลาอิก (Azelaic Acid), ยากลุ่มทรานซามิก (Tranexamic) และกลุ่มสารไฮโดรควิโนน แต่ทั้งนี้ก่อนใช้ยารักษาฝ้าควรปรึกษาแพทย์ก่อนทุกครั้ง และควรใช้ยาในปริมาณที่แพทย์กำหนดค่ะ
2. ใช้สมุนไพรธรรมชาติ
การใช้สมุนไพรธรรมชาติ เป็นอีกหนึ่งวิธีที่ช่วยรักษาฝ้าแบบธรรมชาติ โดยอาจเลือกใช้สมุนไพรที่มีฤทธิ์ในการช่วยผลัดเซลล์ผิว เช่น ใบบัวบก, ว่านหางจระเข้, มะนาว, มะขามเปียก หรือขมิ้น มาผสมกันตามสูตรต่าง ๆ และพอกทิ้งไว้ แต่วิธีนี้อาจต้องอาศัยวินัยและทำอย่างสม่ำเสมอ รวมถึงเป็นวิธีที่ต้องใช้ระยะเวลานานกว่าจะเห็นผล
3. ทำเลเซอร์ฝ้า
การทำเลเซอร์ฝ้า เป็นวิธีรักษาฝ้าที่มีประสิทธิภาพ เห็นผลไว และใช้เวลาไม่นาน โดยวิธีนี้จะปล่อยพลังงานเลเซอร์ในรูปแบบต่าง ๆ ลงไปใต้ชั้นผิว เพื่อให้พลังงานเลเซอร์เข้าไปกำจัดเม็ดสี กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนขึ้นมาใหม่ ทำให้ผิวดูกระจ่างใส เรียบเนียน ฝ้า กระ ดูจางลง
โดยปัจจุบันมีการพัฒนาเทคโนโลยีเครื่องเลเซอร์ที่สามารถกำจัดฝ้า กระ จุดด่างดำขึ้นมามากขึ้น แต่เครื่องเลเซอร์ที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในปัจจุบัน มีดังนี้
- Dual Yellow Laser เป็นเลเซอร์ที่ผสมผสานพลังงานระหว่างคลื่นแสงสีเหลืองและคลื่นแสงสีเขียว ช่วยรักษาจุดด่างดำ รอยแดง รอยดำจากสิว รวมถึงรักษาฝ้า กระ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
- Q-Switch Laser เป็นเลเซอร์ที่สามารถปล่อยพลังงานได้ทั้งหมด 2 ช่วง คือ ช่วงความยามคลื่น 532 นาโนเมตร และช่วงความยาวคลื่น 1,064 นาโนเมตร ทำให้สามารถรักษารอยดำ รอยแดง ปัญหาฝ้า กระ ได้อย่างตรงจุด และไม่ทำลายผิวโดยรอบ
- Pico Laser เครื่องเลเซอร์ยอดนิยม ที่สามารถปล่อยคลื่นพลังงานความถี่สูงด้วยความเร็ว 1 ต่อล้านล้านวินาที ทำให้สามารถรักษาปัญหาผิวที่เกิดจากเม็ดสีใต้ผิวหนังได้อย่างมีประสิทธิภาพ เห็นผลไว และลดความเสี่ยงที่จะเกิดผิวไหม้ได้
โดยทางรมย์รวินท์คลินิกมีโปรแกรมเลเซอร์ที่ช่วยรักษาฝ้าหลัก ๆ 2 โปรแกรม คือ Nu Pico Laser ที่ใช้พลังงาน Pico Laser และ Smart FEM เทคโนโลยีคลื่นแสงที่ช่วยตัดวงจรการสร้างเม็ดสีส่วนเกิน ลดโอกาสการเกิดฝ้าใหม่และฝ้าซ้ำซ้อน
4. ฉีดเมโสหน้าใส
การฉีดเมโสหน้าใส เป็นการฉีดวิตามินและสารบำรุงผิวต่าง ๆ เข้าสู่ชั้นผิวโดยตรง ซึ่งวิธีนี้จะทำให้ผิวดูดซึมสารบำรุงได้ดีและออกฤทธิ์ได้ไวขึ้น ช่วยเพิ่มจำนวนคอลลาเจนให้กับชั้นใต้ผิว ทำให้ผิวเต่งตึง เรียบเนียน กระจ่างใส ลดฝ้า กระ จุดด่างดำบนใบหน้าได้
โดยเมโสหน้าใสที่ได้รับความนิยมในปัจจุบันและสามารถช่วยรักษาฝ้า กระ ได้ มีดังนี้
- มาเด้คอลลาเจน เป็นเมโสหน้าใสจากประเทศอิตาลี ที่มีส่วนผสมของตัวยาและสารบำรุงต่าง ๆ ที่ช่วยฟื้นฟูบำรุงผิว ทำให้ผิวหน้าเรียบเนียน กระจ่างใส และแข็งแรงมากขึ้น โดยการฉีดมาเด้คอลลาเจนจะฉีดทั้งหมด 16 จุดทั่วใบหน้า เพื่อกระตุ้นให้ระบบการทำงานต่าง ๆ ดีขึ้น
- Tensonez/Depigment เป็นเมโสจากประเทศเกาหลี มีตัวยาที่ช่วยปรับผิวให้ดูเรียบเนียน กระจ่างใสขึ้น มักนิยมนำมาใช้ในผู้ที่ต้องการลดฝ้า กระ จุดด่างดำ รวมถึงผู้ที่ต้องการฟื้นฟูผิวคล้ำจากแสงแดดด้วยค่ะ
- Rejuran เป็นการฉีดสารสกัดจาก Polyneucleotide ที่มาจาก DNA ของปลาแซลมอน ซึ่งคล้ายกับ DNA ของมนุษย์ เพื่อซ่อมแซมเซลล์ผิว ทำให้ผิวแข็งแรง ดูกระจ่างใส มีออร่า รวมถึงช่วยให้ฝ้าดูจางลงได้
- เมโสชาแนล เป็นการฉีดตัวยาที่มีส่วนผสมของกรดไฮยาลูรอนิกแอซิดและสารบำรุงผิวสำคัญต่าง ๆ เช่น วิตามิน, แร่ธาตุ, กรดอะมิโน, โคเอนไซม์, กรดนิวคลิอิก และกลูต้าไธโอน เข้าไปบำรุงผิวอย่างล้ำลึก เหมาะกับผู้ที่มีปัญหาผิวแห้ง สีผิวไม่สม่ำเสมอกัน รวมถึงมีปัญหาฝ้า กระ และหลุมสิว
5. รักษาฝ้าด้วย IPL
การรักษาฝ้าด้วย IPL เป็นการส่งคลื่นพลังงานแสงที่มีความเข้มข้นสูงเข้าไปใต้ชั้นผิวเพื่อให้เกิดความร้อนและทำลายเม็ดสีเมลานิน ทำให้ผิวดูกระจ่างใส เรียบเนียน ฝ้า กระ ดูจางลง ซึ่งการทำ IPL จะให้ความรู้สึกเจ็บน้อยกว่าการทำเลเซอร์ แต่อาจจะต้องอาศัยการทำบ่อยครั้งถึงจะเห็นผลลัพธ์อย่างชัดเจน
6. กรอผิวด้วยเกล็ดอัญมณี
การกรอผิวด้วยเกล็ดอัญมณี หรือ Microdermabrasion เป็นการใช้เกล็ดอัญมณีที่มีขนาดเล็กมาก ๆ เท่ากับขนาดของเม็ดทรายมาช่วยผลัดเซลล์ผิวที่ตายแล้ว วิธีนี้จะช่วยให้ผิวเกิดการฟื้นฟู กระตุ้นการสร้างเซลล์ผิวใหม่ ทำให้หน้าดูกระจ่างใส ฝ้า กระ และจุดด่างดำต่าง ๆ ดูจางลง แต่ถ้าหากใช้พลังงานที่สูงจนเกินไปก็อาจทำให้เกิดอาการระคายเคืองได้ ผู้ที่มีปัญหาผิวแพ้ง่ายจึงอาจไม่ค่อยเหมาะกับวิธีนี้เท่าไหร่ค่ะ
7. รักษาฝ้าด้วยไอออนโต
การรักษาฝ้าด้วยไอออนโต เป็นการใช้เครื่องมือที่ให้กระแสไฟฟ้าอ่อน ๆ ผลักตัวยาและวิตามินเข้าสู่ผิวหน้า โดยวิธีนี้จะช่วยทำให้ฝ้า กระตื้น และจุดด่างดำดูจางลงอย่างเป็นธรรมชาติ เป็นวิธีที่มีผลข้างเคียงน้อย ไม่ก่อให้เกิดความเจ็บปวดระหว่างทำ แต่อาจจะต้องอาศัยการทำหลาย ๆ ครั้ง เพื่อให้เห็นผลลัพธ์ความเปลี่ยนแปลง
แนวทางป้องกันการเกิดฝ้า
ถึงแม้จะรักษาฝ้าด้วยวิธีต่าง ๆ จนเห็นผลลัพธ์ที่ดีขึ้นแล้ว แต่ฝ้าก็ยังสามารถกลับมาเกิดซ้ำได้ทุกเมื่อถ้าหากยังไม่มีการป้องกันอย่างถูกวิธี เพื่อลดโอกาสการเกิดฝ้าใหม่ เราจึงรวบรวมแนวทางป้องกันการเกิดฝ้ามาให้ดังนี้ค่ะ
หลีกเลี่ยงแสงแดดและแสงสีฟ้า
เนื่องจากในแสงแดดรวมถึงแสงสีฟ้าจากหน้าจอมือถือ คอมพิวเตอร์ และจอ LED มีรังสีอัลตราไวโอเลตที่เป็นตัวการก่อให้เกิดฝ้าแฝงอยู่ ทำให้ถ้าหากโดดแสงแดดเป็นเวลานานก็อาจเกิดปัญหาฝ้าแดด กระ และจุดด่างดำขึ้นมาได้
เพราะฉะนั้นจึงควรหลีกเลี่ยงแสงแดดและแสงสีฟ้าด้วยการใช้ร่มป้องกันแสง UV สวมหมวกปีกกว้าง ใช้ผ้าคลุม พักจากหน้าจอมือถือ รวมถึงอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ต่าง ๆ
ทาครีมกันแดดเป็นประจำ
ก่อนออกไปเผชิญกับแสงแดดหรือใช้ชีวิตกลางแจ้ง ควรทาครีมกันแดดที่มีค่า SPF 50+ เป็นประจำ โดยทาก่อนที่จะออกแดดเป็นเวลาประมาณ 30 นาที
ดูแลผิวหน้าด้วยสกินแคร์
การดูแลผิวหน้าด้วยสกินแคร์ที่มีส่วนผสมในการช่วยลดเม็ดสีเมลานิน เป็นอีกทางหนึ่งที่จะช่วยป้องกันและชะลอการเกิดฝ้าได้ นอกจากนี้สกินแคร์ยังช่วยทำให้ผิวเต่งตึง เรียบเนียน ดูกระจ่างใสในระยะยาวได้อีกด้วย
รับประทานอาหารที่ช่วยต้านอนุมูลอิสระ
การรับประทานอาหารที่ช่วยต้านอนุมูลอิสระ เช่น มะเขือเทศ ผลไม้ตระกูลเบอร์รี อะโวคาโด ส้ม และกีวี่ จะช่วยทำให้ผิวกระจ่างใส ฝ้า กระ ดูจางลงได้
หลีกเลี่ยงเครื่องสำอางที่มีสารเร่งขาว
การใช้เครื่องสำอางที่ไม่ได้มาตรฐานและมีสารเร่งขาว จะทำให้ผิวถูกทำลาย ผิวบอบบางลง ไวต่อแสงแดด และเกิดปัญหาฝ้าตามมา
สรุปเรื่องรักษาฝ้า
ฝ้า ถึงแม้จะเป็นปัญหาผิวที่กวนใจใครหลาย ๆ คน แต่ปัจจุบันก็ยังมีวิธีป้องกันและวิธีรักษาฝ้าให้จางลงไปได้ เพราะฉะนั้นใครที่กำลังเผชิญกับปัญหาฝ้า กระ ก็ไม่ต้องกังวลอีกต่อไปค่ะ สามารถเข้ารับคำปรึกษาจากแพทย์ผู้ชำนาญการและหาแนวทางการรักษาให้ตรงจุดได้เลย
รมย์รวินท์คลินิก เรามีทีมแพทย์ผู้ชำนาญการที่พร้อมให้คำแนะนำและให้การรักษาอย่างถูกวิธี อีกทั้งยังมีเทคโนโลยีต่าง ๆ มากมายที่ทันสมัย ได้มาตรฐาน มีประสิทธิภาพ ไม่ว่าจะเป็นโปรแกรมเลเซอร์และโปรแกรมฉีดหน้าใส ที่จะช่วยรักษาฝ้าของคุณให้ดูจางลงอย่างเป็นธรรมชาติ คืนความมั่นใจให้กลับมาได้อีกครั้ง