การดูแลตัวเองเป็นสิ่งที่เราควรใส่ใจในทุกวัน ยิ่งเป็นเรื่องของผิวพรรณแล้วหากคุณดูแลมาตลอดเป็นอย่างดีจะช่วยสร้างรากฐานให้ผิวแข็งแรง แต่ด้วยทุกวันนี้เรามีกิจกรรมมากมายที่ต้องจัดการ ทำให้ไม่มีเวลาดูแลผิว ทั้งยังทำให้เกิดความเครียด ไหนจะสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลง ทำให้ผิวหน้าของเราเริ่มเสื่อมโทรม อ่อนแอได้ง่ายขึ้นค่ะ
เมโสหน้าใสเป็นเทคโนโลยีและนวัตกรรมช่วยดูแลผิวพรรณ ฟื้นฟูบำรุงให้ผิวของคุณแข็งแรงขึ้น ใช้เวลาไม่นานก็สามารถเห็นผลที่ชัดเจนได้ค่ะ ใครที่รู้สึกว่าผิวหน้าเริ่มมีปัญหาขาดน้ำ แลดูหมอง เป็นสิวง่าย อยากแก้ปัญหาผิวแบบรวดเร็ว เมโสหน้าใสอาจเป็นหนึ่งในวิธีดูแลผิวพรรณที่เหมาะสม
เมโสหน้าใส คืออะไร
เมโสหน้าใสคือ การฉีดวิตามินและสารสกัดที่มีส่วนช่วยบำรุงผิวพรรณเข้าสู่ชั้นผิวหน้าชั้นกลางโดยตรง เมโสหน้าใสสามารถฟื้นฟูผิวที่เสื่อมสภาพและแก้ปัญหาอื่น ๆ ได้ ไม่ว่าจะเป็นผิวขาดความชุ่มชื้น ผิวหมองคล้ำแลดูไม่สดใส ลดการอักเสบ ขับสารพิษออกจากผิวหน้า และยังช่วยเสริมให้ผิวแข็งแรงมากขึ้น
ที่มาของ “เมโสหน้าใส”
เมโสหน้าใสมาจากคำว่า Meso แปลว่า ตรงกลาง ในทางการแพทย์จะหมายถึง ผิวหนังชั้นกลาง โดยทั่วไปผิวหนังของเราจะประกอบไปด้วยชั้นหนังกำพร้า (Epidermis) จะอยู่บริเวณด้านนอกสุด ถัดมาจะเป็นชั้นหนังแท้ (Dermis) ซึ่งเป็นผิวชั้นกลางที่มีความยืดหยุ่น เนื่องจากประกอบไปด้วยคอลลาเจน และอิลาสติน ทำให้ผิวชั้นนี้จะมีความชุ่มชื้น ยืดหยุ่น และชั้นในสุดจะเป็นชั้นไขมัน (Subcutis)
ฉะนั้นหากใครต้องการให้ใบหน้าแลดูอ่อนเยาว์ มีสุภาพดี การบำรุงผิวที่ผิวหนังชั้นกลางจะเห็นผลได้ดีและรวดเร็ว การฉีดเมโสหน้าใสจึงเป็นอีกหนึ่งวิธีที่จะช่วยทำให้ผิวกลับมาแข็งแรง มีความยืดหยุ่นมากขึ้นนั่นเองค่ะ
ฉีดเมโสหน้าใส ช่วยเรื่องอะไร
ฉีดเมโสหน้าใสนอกจากจะช่วยเสริมความแข็งแรงให้กับผิวของคุณ แล้วยังมีข้อดีอื่น ๆ อีกที่คุณอาจจะยังไม่ทราบ ดังนี้
- เมโสหน้าใสช่วยให้ผิวมีสุขภาพแข็งแรงและเรียบเนียน
- เมโสหน้าใสช่วยชะลอการเสื่อมของคอลลาเจนในผิว
- เมโสหน้าใสช่วยปรับสีผิวให้ดูกระจ่างใสอย่างสม่ำเสมอ
- เมโสหน้าใสช่วยลดโอกาสเกิดฝ้า กระ และจุดด่างดำบนผิวหน้า
- เมโสหน้าใสช่วยฟื้นฟูเซลล์ผิว ทำให้ผิวชุ่มชื้น กระชับรูขุมขน
- เมโสหน้าใสช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของต่อมน้ำเหลืองใต้ผิวหนัง
- เมโสหน้าใสช่วยลดการอักเสบของผิว ไม่ว่าจะเป็นรอยแดง รอยสิว
เมโสหน้าใส เหมาะกับใครบ้าง?
- การฉีดเมโสหน้าใสเหมาะกับผู้ที่มีปัญหาผิวหมองคล้ำ สีผิวไม่สม่ำเสมอ และผิวขาดความชุ่มชื้น
- การฉีดเมโสหน้าใสเหมาะกับผู้ที่ไม่ค่อยมีเวลาดูแลตัวเอง อดหลับอดนอน พักผ่อนน้อย
- การฉีดเมโสหน้าใสเหมาะกับผู้ที่มีผิวไม่แข็งแรง ผิวอักเสบ และมีสิวมีผดผื่น
- การฉีดเมโสหน้าใสเหมาะกับผู้ที่มีปัญหาฝ้า กระ จุดด่างดำ รอยสิว
ฉีดเมโสหน้าใสอันตรายไหม?
หลายคนอาจจะกังวลใจว่าการฉีดเมโสหน้าใสนั้นเป็นอันตรายไหม? สิ่งสำคัญต้องพิจารณาที่ส่วนผสมค่ะ ส่วนผสมของตัวเมโสจะประกอบด้วยสารสกัดจากธรรมชาติ และวิตามินต่าง ๆ ที่ได้คัดเลือกมาแล้วว่ามีส่วนช่วยบำรุงผิวได้เป็นอย่างดี
อย่างไรก็ตามผู้ที่สนใจควรเลือกฉีดเมโสหน้าใส ยี่ห้อที่ผ่านการรับรองจากทางอย. เป็นที่เรียบร้อยแล้ว รวมถึงควรใช้บริการฉีดเมโสหน้าใสกับคลินิกที่มีมาตรฐาน มีความปลอดภัย และมีความน่าเชื่อถือ
เมโสหน้าใสมีกี่แบบ?
การฉีดเมโสหน้าใสเราควรเลือกให้เหมาะกับผิวหน้าของแต่ละบุคคล ซึ่งในวงการความงามจะใช้เมโสหน้าใสกันเป็นหลักอยู่ 3 รูปแบบ ดังนี้
- เมโสหน้าใสเพื่อช่วยให้ผิวกระจ่างใสขึ้น จะมีส่วนผสมมาจากวิตามินต่าง ๆ เช่น Vitamin A, Vitamin B, Vitamin C และ Vitamin E
- เมโสหน้าใสที่ช่วยเติมเต็มความชุ่มชื่นให้กับผิว ฟื้นฟูผิวให้มีความแข็งแรงขึ้น โดยจะมีส่วนผสมมาจากคอลลาเจน และโคเอนไซม์ต่าง ๆ
- เมโสหน้าใสสำหรับปัญหาสิว-ผดผื่น ลดการอักเสบ เช่น เมโสหน้าใสมาเด้-คอลลาเจน ถูกออกแบบมาให้มีกลไกการทำงานแบบ Homeopathy enzyme ร่วมกับ Lymphatic drainage system จึงสามารถขับล้างสารพิษออกจากผิวโดยเฉพาะ พร้อมกระตุ้นให้เซลล์ผิวให้กลับมาสุขภาพดีแข็งแรง
อย่างไรก็ตามการฉีดเมโสหน้าใสควรอยู่ภายใต้ดุลพินิจของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เนื่องจากผิวหน้าแต่ละคนนั้นมีความแตกต่างกัน ฉะนั้นควรให้แพทย์ทำการตรวจประเมินใบหน้า วิเคราะห์หาสาเหตุที่ควรทำการแก้ไข เพื่อเลือกเมโสหน้าใสให้เหมาะกับผิวหน้าของคุณมากที่สุด
เทคนิคการฉีดเมโสหน้าใส มีแบบใดบ้าง
เมื่อเราได้ทราบแล้วว่าการฉีดเมโสหน้าใสนั้นมีความปลอดภัยและมีประโยชน์มากมาย ในปัจจุบันเมโสหน้าใสมีเทคนิคที่ใช้ในการฉีด 2 รูปแบบ ได้แก่
1. การฉีดเมโสหน้าใสแบบสะกิด
วิธีการฉีดเมโสหน้าใสแบบสะกิดแพทย์จะใช้เข็มฉีดยาคอย ๆ สะกิดบนผิวหน้า ฉีดเมโสเข้าผิวหนังทีละน้อย จนทั่วบริเวณใบหน้า ทำให้เกิดการกระตุ้นสร้างคอลลาเจนให้กับชั้นผิวและยังช่วยให้วิตามินและสารบำรุงต่าง ๆ ซึมเข้าสู่ผิวได้ดีมากขึ้น แต่ข้อเสียของการฉีดเมโสหน้าใสแบบนี้คือ สามารถก่อให้เกิดรอยแดงรอยช้ำบนใบหน้าได้ค่ะ
หากในระหว่างที่ทำการฉีดเมโสหน้าใส แล้วเครื่องมือบางส่วนไม่สะอาด อาจทำให้เกิดการติดเชื้อตามมาได้ ซึ่งมักจะเกิดขึ้นกับผู้ที่ซื้อเมโสมาฉีดเอง หรือใช้บริการกับคลินิกที่ไม่ได้มาตรฐาน
2. การฉีดเมโสหน้าใสแบบ 16 จุด
เมโสหน้าใสแบบ 16 จุด แพทย์จะทำการฉีดเมโสหน้าใสไปตามทิศทางการไหลเวียนของต่อมน้ำเหลือง ทำให้วิตามินเข้าถึงชั้นผิวหนังได้อย่างล้ำลึก นอกจากนี้วิธีนี้ยังก่อให้เกิดบาดแผลน้อยกว่า เจ็บน้อยกว่า อีกทั้งประสิทธิภาพของยายังออกฤทธิ์ได้ยาวนานมากกว่าการฉีดแบบสะกิดอีกด้วยค่ะ
เมโสหน้าใส ยี่ห้อไหนดี?
ทุกวันนี้มีเมโสหน้าใสให้เลือกมากมายหลากหลายยี่ห้อค่ะ หลายคนอาจจะเลือกไม่ถูกว่าเมโสหน้าใสชนิดไหนที่เหมาะกับผิวหน้าของเรา เพราะแต่ละยี่ห้อจะมีจุดประสงค์ในการใช้งานแตกต่างกันไป ในปัจจุบันมีเมโสหน้าใส 5 ยี่ห้อที่นิยมใช้กันเป็นหลัก โดยมีดังนี้
- Made Collagen
เมโสมาเด้เป็นเมโสหน้าใสที่เหมาะกับผู้ที่มีปัญหาสิวอุดตัน สิวผื่นบนใบหน้า ลดอาการอักเสบ และปัญหาผิวอื่น ๆ ไม่ว่าจะเป็น ฝ้า กระ ริ้วรอย จุดด่างดำ นอกจากนี้ยังช่วยกระตุ้นสร้างคอลลาเจน ปรับสมดุล เสริมให้ผิวแข็งแรงอีกด้วย
- Tensonez/ Depigment
Tensonez เป็นเมโสหน้าใสจากประเทศเกาหลี นิยมใช้กับผู้ที่มีปัญหาฝ้า กระ เพราะจะช่วยให้ผิวกระจ่างใสขึ้น ลดความหมองคล้ำบนใบหน้า เร่งผลัดเซลล์ผิวเก่า และ Meso white ยังช่วยปรับผิวที่ไม่สม่ำเสมอให้ดูเรียบเนียน
- Cytocare
ไซโตแคร์ เมโสหน้าใสที่เหมาะกับผู้ที่มีผิวที่แห้งกร้าน ไม่ยืดหยุ่น ดำคล้ำ ลดเลือนริ้วรอย โดยเมโสหน้าใสชนิดนี้มีสารต้านอนุมูลอิสระ กรดไฮยาลูรอนิก กรดอะมิโนเปปไทด์ และไซโตแคร์ (Cytocare) จึงสามารถช่วยฟื้นฟูให้ผิวของคุณกลับมาสุขภาพดีได้อีกครั้ง
- Alpha Arbutin
เป็นสารสกัดที่ได้จากพืชหลายชนิด เมโสหน้าใสชนิดนี้สามารถช่วยยับยั้งการผลิตเม็ดสีเมลานิน ผิวที่คล้ำเสียหรือการเกิดจุดด่างดำ จึงเหมาะใช้สำหรับผู้ที่ต้องการลดฝ้ากระโดยเฉพาะ
- Filorga/ Revs
เป็นเมโสหน้าใสที่มีความเข้มข้นสูง จึงเหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการซ่อมแซมผิวอย่างเร่งด่วน บำรุงผิวอย่างล้ำลึก และฟื้นฟูสภาพผิวที่มีปัญหาได้อย่างตรงจุด
สิ่งที่ควรรู้ก่อนฉีดเมโสหน้าใส
ถึงแม้ว่าการฉีดเมโสหน้าใสคุณไม่จำเป็นต้องมีการดูแลตนเองใด ๆ เป็นพิเศษ เพียงแค่ต้องแจ้งประวัติด้านสุขภาพ ประวัติการแพ้ยา การแพ้สารเคมี หรือสารบำรุง และสารวิตามินต่าง ๆ
อย่างไรก็ตามสิ่งที่สำคัญที่สุดก่อนที่คุณจะทำการฉีดเมโสหน้าใสคือ คุณควรตรวจเช็กสถานที่ที่จะเข้ารับการฉีดก่อนเสมอว่ามีมาตรฐานรับรองหรือไม่ แนะนำให้ตรวจสอบข้อมูลคลินิกที่ให้บริการฉีดเมโสหน้าใสจากแหล่งที่เชื่อถือ หรืออ่านดูรีวิวฉีดเมโสหน้าใส pantip ส่วนใหญ่ก็จะเป็นความเห็นของผู้ที่เคยใช้บริการจริงค่ะ
หลังฉีดเมโสหน้าใสจะมีผลข้างเคียงไหม?
เมโสหน้าใสนอกจากจะมีความปลอดภัยสูงแล้วผลข้างเคียงหลังจากฉีดเมโสหน้าใสก็มีน้อยมาก โดยจะมีเพียงแค่รอยเข็มเล็ก ๆ เท่านั้น หรือในบางรายอาจจะมีแค่รอยช้ำจากเข็มเล็กน้อย เมื่อผ่านไป 1-2 วันก็สามารถหายเป็นปกติได้เองค่ะ
ข้อปฏิบัติหลังฉีดเมโสหน้าใส
การดูแลตัวเองหลังจากที่คุณฉีดเมโสหน้าใสนั้นไม่มีอะไรต้องระวังเป็นพิเศษ เพียงไม่กี่วันแผลก็หายดีแล้วค่ะ โดยข้อปฏิบัติหลังฉีดเมโสหน้าใส มีดังนี้
- หลีกเลี่ยงการใช้มือและนิ้วกดใบหน้า
- งดทาครีมบริเวณรอยเข็ม 1 คืน
- พักผ่อนให้เพียงพอ และดื่มน้ำให้มาก ๆ
- งดบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และสูบบุหรี่
- หลีกเลี่ยงการออกไปในที่แสงแดดจัดหรือมีความร้อนสูงเป็นเวลา 48 ชั่วโมง หรือหากมีความจำเป็นต้องออกแดดบ่อย ๆ ควรทาครีมกันแดดที่มี SPF30 ขึ้นไป
ฉีดเมโสหน้าใสที่ไหนดี
ใคร ๆ ก็ย่อมอยากมีผิวหน้าชุ่มชื่น แข็งแรง กระจ่างใส แลดูอ่อนเยาว์ ซึ่งการฉีดเมโสหน้าใสจะช่วยบำรุงผิวให้ดีขึ้นได้ แต่หลาย ๆ คนอาจจะเลือกไม่ถูกว่าเราควรฉีดเมโสหน้าใสจากที่ไหนดี วิธีเลือกคลินิกที่บริการฉีดเมโสหน้าใสมีดังนี้
- เมโสหน้าใสที่ทางคลินิกเลือกใช้จะต้องเป็นของแท้ตามที่กล่าวไว้ และแพทย์ควรแกะกล่องเมโสหน้าใสให้คนไข้เห็นต่อหน้า
- คลินิกที่ให้บริการต้องผ่านการรับรองตามกระทรวงสาธารณสุข มีความสะอาด เครื่องมือเทคโนโลยีที่ทันสมัย ห้องการทำหัตถการกว้างขวาง แลดูเป็นระเบียบเรียบร้อย ไม่ทึบหรือแออัด
- ดูรีวิวจริงที่เป็นปัจจุบัน และต้องเป็นความเห็นที่มาจากผู้ใช้บริการจริง
- สามารถติดต่อสอบถามกับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญโดยตรงได้ เช่น Inbox facebook , Line@ ของคลินิก
เมโสหน้าใสของแท้-ปลอม สังเกตอย่างไร
การตรวจสอบว่าเมโสหน้าใสนั้นเป็นของแท้หรือของปลอม หากดูผ่าน ๆ จะแยกได้ค่อนข้างยากค่ะ แนะนำให้ตรวจสอบข้อมูลกับบริษัทที่นำเข้าก่อน และต้องเป็นยี่ห้อที่ได้รับการรับรองจากอย. เป็นที่เรียบร้อยแล้วเท่านั้นค่ะ
นอกจากนี้คุณไม่ควรซื้อเมโสหน้าใสฉีดเอง เพราะเมโสหน้าใสของปลอมมักมีส่วนมาจากผสมสเตียรอยด์ (Steroid) หรือฮอร์โมน หากฉีดแล้วจะเห็นผลลัพธ์ได้ไว แต่อยู่ได้ไม่นาน ทั้งยังส่งผลเสียต่อผิวและร่างกายโดยรวมในระยะยาวด้วยค่ะ
การใช้เมโสหน้าใสของปลอมยังทำให้ผิวบางและไวต่อแดดได้ ทำให้คุณเกิดฝ้า ริ้วรอย และเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งผิวหนังตามมา นอกจากนี้ การฉีดเมโสด้วยตัวเองยังอาจเสี่ยงต่อการติดเชื้อ หรืออาจฉีดผิดวิธีจนเกิดอันตรายได้ ฉะนั้นควรฉีดเมโสหน้าใสที่ปลอดภัยโดยให้คุณเลือกใช้บริการฉีดเมโสหน้าใสกับทางคลินิกที่ผ่านการรับรองมาตรฐานมาแล้วเท่านั้น
ฉีดเมโสหน้าใสราคาเท่าไร?
ในปัจจุบันการฉีดเมโสหน้าใสเป็นที่นิยมค่อนข้างมาก แต่เราควรเลือกใช้บริการกับคลินิกเสริมความงามที่ปลอดภัย โดยควรพิจารณาจากความเชี่ยวชาญของแพทย์ แพทย์ต้องผ่านการรับรองจากแพทยสภา มีความน่าเชื่อ มีประสบการณ์การฉีดเมโสมาแล้วหลายเคส ให้คำแนะนำอย่างตรงไปตรงมา รวมถึงคลินิกต้องสะอาด ทันสมัย และมีอุปกรณ์ครบครัน สำหรับใครที่สนใจอยากฉีดเมโสหน้าใส โดยราคาทั่วไปของเมโสในท้องตลาด จะมีราคาดังนี้
เมโสหน้าใสยี่ห้อ Made Collagen ราคาเริ่มต้นที่ 2,500 บาท
Made Collagen เป็นเมโสหน้าใสสำหรับผู้ที่ต้องการบำรุง ฟื้นฟูอย่างเร่งด่วน อีกทั้งยังช่วยขับสารพิษที่ตกค้างอยู่ในผิว ตัวยาประกอบไปด้วยสารสกัดที่มีความสำคัญต่อผิว โดยการฉีดมาเด้คอลลาเจน 1 ครั้งจะมีค่าใช้จ่ายประมาณ 2,500 บาท และถ้าฉีดมาเด้คอลลาเจน 5 ครั้ง ค่าใช้จ่ายจะอยู่ที่ประมาณ 9,900 บาท
เมโสหน้าใสยี่ห้อ Alpha arbutin ราคาเริ่มต้นที่ 3,000 บาท
Alpha arbutin เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาฝ้า กระ จุดด่างดำ หรือผู้ที่มีผิวหน้าหมองคล้ำ หน้าโทรม มีรอยสิว อยากปรับผิวกระจ่างใสแบบเห็นผลได้เร็ว ราคาเมโสหน้าใสยี่ห้อ Alpha arbutin จะเริ่มต้นที่ครั้งละประมาณ 3,000 บาท และถ้าฉีด 5 ครั้งราคาอยู่ที่ประมาณ 12,500 บาท
เมโสหน้าใสยี่ห้อ Tensonez /Neo-Glutanex Glow ราคาเริ่มต้นที่ 3,500 บาท
Tensonez /Neo-Glutanex Glow เมโสหน้าใสสำหรับผู้ที่อยากให้ผิวกระจ่างใสขึ้น หรือผู้ต้องการลดริ้วรอยฝ้า กระ จุดด่างดำ รวมไปถึงรอยแดงสิว โดยราคาเมโสหน้าใสยี่ห้อ Tensonez /Neo-Glutanex Glow ราคาเริ่มต้นโดยทั่วไปจะอยู่ที่ 3,500 บาท และถ้าฉีด 5 ครั้งราคาจะอยู่ที่ 15,000 บาท
เมโสหน้าใสยี่ห้อชาแนล ราคา 5,696 บาท
ฉีดชาแนลช่วยซ่อมแซมผิวให้กลับมาเป็นปกติได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งดีกว่าการทาครีมหรือการทำทรีตเมนต์ โดยราคาเริ่มต้นโดยทั่วไปอยู่ที่ 5,696 บาท
เมโสหน้าใสยี่ห้อ Rejuran ราคาเริ่มต้นที่ 9,900 บาท
Rejuran เป็นเมโสหน้าใสที่ช่วยลดปัญหาสิว เพิ่มความยืดหยุ่นให้แก่ผิว ปรับสีผิวสม่ำเสมอ และแก้ปัญหาผิวหมองคล้ำ โดยราคาเริ่มต้นที่ 9,900 บาท
สำหรับใครที่อยากให้ผลลัพธ์ดีขึ้นอย่างรวดเร็ว สามารถทำ Pico laser หรือเลเซอร์รอยสิว ร่วมกับการฉีดเมโสหน้าใสได้ จะทำให้เมโสเห็นผลได้เร็วและชัดเจนมากยิ่งขึ้น
คำถามที่พบบ่อย
1. ฉีดเมโสหน้าใสกี่ครั้งเห็นผล?
การฉีดเมโสหน้าใสสามารถเห็นผลได้ตั้งแต่ครั้งแรก แต่ถ้าจะให้ดีก็ควรฉีดเมโสหน้าใสอย่างสม่ำเสมอและในระยะเวลาที่เหมาะสม และสำหรับใครที่มีปัญหาฝ้า กระ แนะนำให้ฉีดคอร์ส 5 ครั้ง จะช่วยให้ฝ้าดูจางลงเร็วขึ้น สามารถเห็นผลได้ใน 7-14 วัน
2. เมโสหน้าใสสะกิดเองอันตรายหรือไม่?
ตัวยาของเมโสหน้าใสที่ฉีดเข้าไปนั้นเป็นสารที่มีประโยชน์ต่อผิว ตัวอย่างเช่น Vitamin A B C E, Transamin, Glutatione, คอลลาเจนและโคเอนไซม์ ซึ่งสารประกอบเหล่านี้จะอยู่ในประกอบกับตัวยาเมโสหน้าใสของแท้จะผ่านการตรวจสอบรับรองจากอย. แล้วว่าปลอดภัย ไม่เป็นอันตรายต่อผิว ผลข้างเคียงหลังฉีดเมโสหน้าใสจะมีแค่รอยเข็มตามใบหน้าที่เกิดขึ้นตอนฉีดตัวยาเท่านั้น ซึ่งสามารถหายได้เองภายใน 1-3 วัน
3. เมโสหน้าใสกับฉีดวิตามินหน้าใสเหมือนกันหรือไม่?
เมโสหน้าใสเหมือนกับการฉีดวิตามินเข้าสู่ผิวโดยตรง จึงช่วยให้ผิวดูอิ่มฟู ลดรอยจุดด่างดำ ฝ้า กระ แลดูจางลงและยังช่วยขับสารพิษที่สะสม ทำให้ผิวแข็งแรงกลับมากระจ่างใส เปล่งปลั่งอีกครั้ง
4. ฉีดเมโสหน้าใสกี่วันเห็นผล?
ฉีดเมโสหน้าใสสามารถเห็นผลลัพธ์ได้ตั้งแต่ช่วงประมาณ 3 วัน หลังจากผ่านไปประมาณ 7-14 วันจะเห็นผลชัดเจนยิ่งขึ้น แต่ในเดือนแรกคุณจะต้องฉีดเมโสหน้าใสอาทิตย์ละครั้ง แล้วหลังจากนั้นฉีดทุก ๆ 2 อาทิตย์ เพื่อคงสภาพ เพราะเมโสหน้าใสจะไม่มีแบบเห็นผลถาวร เมื่อฉีดแล้วจะค่อย ๆ สลายหมดไปเอง โดยไม่มีสารตกค้าง
5. เมโสหน้าใสอยู่ได้กี่เดือน?
หลังจากที่คุณฉีดเมโสหน้าใสจะอยู่ได้นาน 1-2 เดือน แต่ถ้าคุณฉีดเป็นประจำอาจจะช่วยให้อยู่ได้นานขึ้น นอกจากนี้การดูแลตัวเองรวมถึงพฤติกรรมต่าง ๆ ยังส่งผลต่อระยะเวลาของเมโสหน้าใส เช่น การตากแดดจัด พักผ่อนไม่เพียงพอ ดื่มแอลกอฮอล์หรือสูบบุหรี่
6. รอยเข็มเมโสหน้าใสกี่วันหาย?
เมื่อฉีดเมโสหน้าใสแล้วคุณอาจจะมีรอยเข็มรอยแดงรอยช้ำบนใบหน้า ซึ่งสามารถหายได้เองในช่วง 1-3 ชั่วโมงหลังทำ แต่สำหรับใครที่มีผิวบาง ช้ำง่าย อาจมีอาการบวมนานกว่าคนทั่วไป อย่างไรก็ตามรอยแผลเหล่านี้สามารถหายได้เองอย่างช้าประมาณ 1-3 วัน
7. เมโสหน้าใส อยู่ได้นานแค่ไหน?
เมโสหน้าใสสามารถอยู่ได้นานประมาณ 1-2 เดือน หากคุณฉีดเมโสหน้าใสอย่างต่อเนื่องก็จะยิ่งอยู่ได้นานขึ้น ทั้งนี้ระยะเวลาของเมโสหน้าใสยังขึ้นอยู่กับการดูแลตัวเองรวมถึงพฤติกรรมที่ทำร้ายผิว เช่น ออกแดดจัดเป็นเวลานาน พักผ่อนไม่เพียงพอ ความเครียด การดื่มแอลกอฮอล์ และการสูบบุหรี่
8. ฉีดเมโสช่วยเรื่อง หน้ามัน รูขุมขนกว้างได้ไหม ?
เมโสหน้าใสนอกจากจะช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิว กระตุ้นสร้างคอลลาเจนแล้ว ยังส่งผลต่อต่อมไขมันให้กระตุ้นการทำงานน้อยลง ทำให้ผิวหน้ามันน้อยลงแล้วรูขุมขนจะคอย ๆ เล็กลงตาม
9. เมโสรักษาฝ้าได้จริงไหม?
สำหรับผู้ที่มีฝ้าการฉีดเมโสหน้าใสสามารถช่วยให้ฝ้าจางลงได้ประมาณหนึ่ง อีกทั้งยังช่วยการชะลอการกระจายของฝ้าได้แบบเร่งด่วน แต่เมโสหน้าใสไม่สามารถทำให้ฝ้าจางหายได้อย่างถาวร
10. เมโสหน้าใสแบบทา ได้ผลจริงไหม?
ในปัจจุบันมีเมโสหน้าใสแบบทาซึ่งเหมือนกับการทาครีมบำรุงทั่วไป แต่กว่าจะเห็นผลลัพธ์นั้นอาจจะต้องใช้เวลาประมาณ 1-2 เดือน ช้ากว่าการฉีดเมโสหน้าใสที่สามารถเห็นผลชัดเจนประมาณ 7-14 วัน หากคุณต้องการรักษาปัญหาผิวอย่างเร่งด่วน การฉีดเมโสหน้าใสจึงเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ให้ผลลัพธ์รวดเร็วกว่าการทาครีม
สรุป ฉีดเมโสหน้าใส
เมโสหน้าใสช่วยให้ผิวหน้าของคุณกลับมาแข็งแรงกระจ่างใสอย่างรวดเร็ว รวมถึงยังลดปัญหาสิว ผดผื่น และลดอาการผิวอักเสบได้ดี หากคุณรู้สึกว่าผิวหน้าโทรม บำรุงผิวเท่าไรก็ยังไม่เห็นผลลัพธ์เท่าที่ควร การฉีดเมโสหน้าใสสามารถปรับสภาพผิวหน้าให้กลับมาสมดุลได้อย่างทันที ซึ่งอาจจะเลือกใช้เมโสหน้าใสชนิดที่เหมาะสมกับปัญหาผิวหน้าที่เกิดขึ้นเพื่อผลลัพธ์ที่น่าพึงพอใจ