ผิวหน้า
ฝ้าแดด

ชวนรู้จัก ฝ้าแดดคืออะไร? พร้อมแนะนำการรักษาให้ฝ้าแดดจางลงอย่างถูกวิธี

“แสงแดด” นับเป็นตัวการสำคัญที่ทำให้เกิดปัญหาผิวมากมาย หนึ่งในนั้นคงหนีไม่พ้นปัญหา “ฝ้าแดด” ปัญหาผิวหน้าที่รักษาได้ยาก และใช้ระยะเวลาในการรักษาค่อนข้างนาน อีกทั้งหากไม่ได้รับการรักษาอย่างถูกวิธีก็อาจทำให้ฝ้ามีสีเข้มขึ้นและขยายเป็นวงกว้างด้วย ในบทความนี้รมย์รวินท์จะพาคุณมารู้จักกับฝ้าแดดให้มากขึ้น พร้อมแนะนำวิธีรักษาฝ้าแดดอย่างเหมาะสมซึ่งจะช่วยให้ฝ้าดูจางลงได้ค่ะ   



ฝ้าแดดคืออะไร ? 

ฝ้าแดด คือ ฝ้าชนิดหนึ่งที่มีสาเหตุหลักมาจากรังสียูวี (Ultraviolet) จากแสงแดด และแสงสีฟ้า หรือ HEVIS (High Energy Visible Light) ซึ่งเป็นแสงที่มาจากหลอดไฟ คอมพิวเตอร์ หรือโทรศัพท์มือถือ โดยสิ่งเหล่านี้จะเข้าไปกระตุ้นให้เซลล์เม็ดสีเมลานินใต้ผิวหนังทำงานผิดปกติ จึงสร้างเม็ดสีออกมามากเกินไป ส่งผลให้สีผิวเข้มขึ้นจนเกิดเป็นฝ้าแดดตามมาในที่สุด


ฝ้าแดดมีลักษณะอย่างไร ?

ฝ้าแดด เป็นแบบไหน? โดยทั่วไปจะสามารถแบ่งฝ้าแดดตามระดับความลึกของชั้นผิวในการเกิดฝ้าได้เป็น 2 ประเภท ดังนี้ 

ฝ้าแดดตื้น 

ฝ้าแดดตื้น

ฝ้าแดดตื้น เกิดจากการสร้างเม็ดสีเมลานินที่มากเกินปกติในระดับชั้นผิวหนังชั้นนอก มีลักษณะของฝ้าแดดเป็นสีน้ำตาลเข้มหรือสีดำ สามารถมองเห็นขอบได้ชัดเจน ฝ้าประเภทนี้เกิดขึ้นได้ง่ายและใช้เวลารักษาไม่นาน     

ฝ้าแดดลึก

ฝ้าแดดลึก

ฝ้าแดดลึก เป็นฝ้าที่เกิดจากการสร้างเม็ดสีเมลานินที่มากเกินปกติในระดับชั้นผิวหนังแท้ ลักษณะของฝ้าแดดแบบลึกจะมีสีม่วงอมน้ำเงิน หรือมีสีที่กลืนไปกับสีผิว จึงสังเกตเห็นได้ยาก ทั้งยังรักษาได้ยากกว่าฝ้าแดดตื้นและใช้เวลารักษาค่อนข้างนาน


ฝ้าแดดกับฝ้าเลือดต่างกันอย่างไร ?

ฝ้าแดดและฝ้าเลือดมีความแตกต่างกันทั้งในด้านลักษณะของฝ้าและสาเหตุการเกิดฝ้าค่ะ โดยฝ้าแดดจะเป็นปื้นสีน้ำตาลเข้มหรือสีดำ เกิดจากรังสียูวีจากแสงแดดและแสงสีฟ้าจากหน้าจอหรือหลอดไฟ ซึ่งไปกระตุ้นให้เกิดการผลิตเม็ดสีเมลานินออกมามากกว่าปกติ 

ส่วนฝ้าเลือดนั้นจะมีลักษณะเป็นปื้นสีแดงหรือสีน้ำตาล เกิดจากฮอร์โมนในร่างกายเปลี่ยนแปลงไป ทั้งจากการตั้งครรภ์หรือการใช้ยาบางประเภทเกี่ยวกับฮอร์โมน ส่งผลให้เส้นเลือดฝอยทำงานผิดปกติ หรือมีเลือดไปกระจุกตัวอยู่ใต้ผิวหนังมากเกินไปจนเกิดฝ้าเลือดนั่นเอง   


ปัจจัยที่กระตุ้นให้เกิดฝ้าแดด มีอะไรบ้าง ?

ฝ้าแดดเกิดจากอะไร? ฝ้าแดดสามารถเกิดขึ้นได้จากการกระตุ้นของหลายปัจจัย ดังนี้

  • แสงแดด ไม่ว่าจะเป็นรังสี UVA หรือ UVB จากแสงแดด รวมถึงแสงสีฟ้า (Blue Light) จากหน้าจอและหลอดไฟ ล้วนเป็นสาเหตุสำคัญที่กระตุ้นให้เกิดการสร้างเม็ดสีเมลานินมากกว่าปกติ จนเกิดฝ้าแดดขึ้นมาได้นั่นเอง
  • การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนในร่างกาย เป็นปัจจัยที่ส่งผลให้ร่างกายสร้างเม็ดสีออกมามากขึ้น จึงกระตุ้นให้เกิดฝ้าแดดบนผิวหน้าได้ โดยมักเกิดขึ้นในช่วงตั้งครรภ์, เป็นประจำเดือน, การรับประทานยาคุมกำเนิด รวมถึงช่วงเข้าสู่วัยหมดประจำเดือนด้วย
  • พันธุกรรม ฝ้าแดด รวมถึงฝ้าทุกประเภท สามารถส่งต่อทางพันธุกรรมได้มากถึง 50% ดังนั้นหากสมาชิกในครอบครัวเป็นฝ้าแดด ผู้ที่เป็นบุตรหลานก็อาจเกิดฝ้าแดดได้ง่ายเช่นเดียวกัน
  • เครื่องสำอางที่มีส่วนผสมของสารไฮโดรควิโนน (Hydroquinone) จะเข้าไปยับยั้งการทำงานของเซลล์เม็ดสีเมลานิน ซึ่งปกติแล้วจะใช้รักษาปัญหาฝ้า แต่หากใช้ในปริมาณที่มากเกินไปจะเป็นอันตรายต่อผิวหน้า โดยอาจทำให้ผิวหน้าเกิดเป็นด่างขาวหรือเกิดเป็นฝ้าแดดถาวรได้
  • การขาดสารอาหาร หากร่างกายได้รับสารอาหารในปริมาณที่ไม่เพียงพอต่อความต้องการ อาจทำให้ตับทำงานผิดปกติ ซึ่งจะส่งผลให้เกิดรอยปื้นคล้ายกับฝ้าแดดได้  นอกจากนี้ การขาดวิตามินบี 12 ก็สามารถเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดฝ้าแดดได้เช่นเดียวกัน 

รักษาฝ้าแดดให้จางลงอย่างถูกวิธี ต้องทำอย่างไร ?

ฝ้าแดดรักษายังไง

ฝ้าแดดรักษายังไง? ปัญหาฝ้าแดดนั้นไม่สามารถรักษาให้หายขาดแบบถาวรได้ค่ะ การใช้วิธีรักษาไม่ถูกต้องอาจทำให้อาการฝ้าแย่ลงกว่าเดิม นอกจากนี้ หากหยุดรักษาไปก็มีโอกาสกลับมาเป็นฝ้าได้อีกครั้ง ดังนั้นการรักษาฝ้าแดดจึงต้องใช้วิธีที่เหมาะสมและทำอย่างสม่ำเสมอ เพื่อบรรเทาให้ฝ้าจางลง โดยคุณสามารถใช้วิธีดังต่อไปนี้ในการรักษาฝ้าแดดได้  

รักษาฝ้าแดดด้วยยา

วิธีรักษาฝ้าแดด

การใช้ยาเพื่อรักษาปัญหาหน้าเป็นฝ้าแดด มีทั้งรูปแบบยาทาและยารับประทาน โดยยาทาฝ้าส่วนใหญ่จะมีตัวยาที่ช่วยลดการสร้างเม็ดสีเมลานินและช่วยผลัดเซลล์ผิว เช่น วิตามินซี, กรดวิตามินเอ, กรดโคจิก (Kojic), กรดไกลโคลิก (Glycolic Acid), อาร์บูติน (Arbutin), AHA เป็นต้น ส่วนยาสำหรับรับประทานมักใช้ในกรณีที่เป็นฝ้ารุนแรง โดยมีตัวยาที่ช่วยยับยั้งการสร้างเม็ดสีเมลานิน เช่น สารสกัดจากเมล็ดองุ่น (Grape Seed Extract-GSE) หรือกรดทราเนซามิก (Tranexamic acid)           

ทั้งนี้ การใช้ยาเพื่อรักษาฝ้าแดดจำเป็นต้องอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์ผิวหนังเท่านั้น เพื่อป้องกันอันตรายจากผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้น

รักษาฝ้าแดดด้วยการทำเลเซอร์ 

วิธีรักษาฝ้าแบบเร่งด่วนอย่างการทำเลเซอร์ฝ้า เป็นการใช้พลังงานความร้อนกำจัดเม็ดสีบริเวณผิวหน้าที่เกิดฝ้าแดดอย่างตรงจุด ทั้งยังช่วยกระตุ้นการผลัดเซลล์ผิว จึงทำให้ฝ้าแดดดูจางลงได้  ทั้งนี้ หลังรักษาด้วยเลเซอร์อาจทำให้ผิวหน้าบางและไวต่อแสง จึงควรหลีกเลี่ยงการโดนแสงแดด 7-14 วัน และทาครีมกันแดดเป็นประจำ ไม่เช่นนั้นอาจทำให้ฝ้าเข้มขึ้นได้ค่ะ ตัวอย่างเลเซอร์ที่นิยมใช้รักษาฝ้าแดด เช่น Q switch laser หรือ Pico laser เป็นต้น 

รักษาฝ้าแดดด้วยการทำ IPL 

การทำ IPL (Intense Pulsed Light) เป็นการใช้พลังงานแสงที่มีความเข้มข้นสูงยิงไปยังบริเวณที่เกิดฝ้า เพื่อให้ความร้อนเข้าไปทำลายเม็ดสีเมลานินใต้ชั้นผิว จึงช่วยให้ผิวหน้าดูเรียบเนียนกระจ่างใส ฝ้าแดดค่อย ๆ จางลง หลังทำ IPL ควรหลีกเลี่ยงแสงแดดเพื่อป้องกันไม่ให้ฝ้ามีสีเข้มขึ้น นอกจากนี้ การรักษาฝ้าแดดด้วยวิธีนี้ต้องทำอย่างต่อเนื่อง 5-6 ครั้งขึ้นไป จึงจะเห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจนค่ะ 

รักษาฝ้าแดดด้วยการฉีดเมโสหน้าใส 

รักษาฝ้าแดด

การฉีดเมโสหน้าใส เป็นหนึ่งในการฉีด Skin Booster ที่ได้รับความนิยมอย่างมาก โดยเป็นการฉีดวิตามินและสารสกัดบำรุงผิวเข้าสู่ผิวหน้าชั้นกลางโดยตรง ซึ่งจะช่วยยับยั้งการสร้างเม็ดสีเมลานิน เร่งการผลัดเซลล์ผิว ทั้งยังช่วยฟื้นฟูผิวให้แข็งแรง จึงช่วยลดการกระจายตัวของฝ้าให้ฝ้าแดดดูจางลง ตลอดจนแก้ปัญหาผิวหน้าโทรมให้กลับมาเปล่งปลั่งสดใสได้ ตัวอย่างเมโสหน้าใสที่นิยมใช้ เช่น Made Collagen (มาเด้คอลลาเจน), Tensonez/ Depigment, Alpha Arbutin เป็นต้น 

รักษาฝ้าแดดด้วยการกรอผิว 

การกรอผิวด้วยผงคริสตัล (Crystal Microdermabrasion) เป็นการพ่นผงคริสตัลที่มีขนาดเล็กเท่าทรายละเอียดลงบนผิว ซึ่งจะช่วยผลัดเซลล์ผิวอย่างอ่อนโยน และกระตุ้นให้เกิดการสร้างเซลล์ผิวใหม่ ส่งผลให้ผิวหน้าดูกระจ่างใส เป็นอีกหนึ่งวิธีรักษาที่ช่วยลดฝ้าแดดให้จางลงได้ค่ะ ทั้งนี้ การกรอผิวด้วยผงคริสตัลควรอยู่ในการดูแลของแพทย์เท่านั้น เพราะหากใช้พลังงานสูงเกินไปอาจทำให้ผิวระคายเคืองได้   

รักษาฝ้าแดดด้วยการลอกผิว 

การลอกผิว คือ การผลัดเซลล์ผิวด้วยการใช้สารเคมีลอกผิวหน้า (Chemical Peeling) เช่น กรดทีซีเอ (TCA : Trichloroacetic acid), กรดไกลโคลิก (Glycolic acid), กรดซาลิไซลิก (Salicylic acid), BHA, AHA เป็นต้น ซึ่งจะช่วยกำจัดเซลล์ผิวที่เสื่อมสภาพออกไป และกระตุ้นการสร้างเซลล์ผิวใหม่ จึงช่วยรักษาให้ฝ้าแดดลดลงได้ค่ะ อย่างไรก็ตาม การลอกผิวด้วยสารเคมีอย่างไม่ถูกต้องอาจส่งผลให้ผิวหน้าบาง ระคายเคืองง่าย และไวต่อแสง จึงควรอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์เท่านั้น 

รักษาฝ้าแดดด้วยการทำทรีตเมนต์หน้า 

อีกหนึ่งวิธีที่ช่วยรักษาฝ้าแดดได้คือ การทำทรีตเมนต์หน้า ซึ่งเป็นการฟื้นบำรุงผิวหน้าอย่างล้ำลึก ด้วยการปล่อยคลื่นพลังงานความถี่สูงลงบนผิวหน้าเพื่อช่วยเปิดรูขุมขน ให้วิตามินและสารสกัดที่มีประโยชน์ซึมซาบเข้าสู่ใต้ชั้นผิวได้ดีขึ้น จึงช่วยแก้ปัญหาผิวหน้าหมองคล้ำให้กลับมากระจ่างใส จุดด่างดำและฝ้าแลดูจางลง ทั้งนี้ เพื่อให้เห็นผลลัพธ์การรักษาที่ชัดเจน ควรทำทรีตเมนต์หน้าต่อเนื่องกันหลายครั้ง และดูแลผิวด้วยการทาครีมบำรุงควบคู่กันไปด้วยค่ะ  

รักษาฝ้าแดดด้วยการใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิว

การใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวเพื่อรักษานั้น เป็นอีกหนึ่งทางเลือกในการรักษาฝ้าแดดสำหรับผู้ที่ไม่สะดวกทำหัตถการเสริมความงามค่ะ โดยควรเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนประกอบของสารสกัดที่ช่วยลดการสร้างเม็ดสีเมลานิน หรือช่วยเร่งการผลัดเซลล์ผิว เช่น กรดโคจิก (Kojic), อาร์บูติน (Arbutin), วิตามินเอ, ไวท์เทนนิ่ง, AHA เป็นต้น ซึ่งจะช่วยลบเลือนฝ้าให้จางลง พร้อมปรับผิวหน้าให้ดูกระจ่างใสขึ้น 

รักษาฝ้าแดดด้วยสมุนไพรธรรมชาติ

ใครกำลังมองหาวิธีรักษาฝ้าแดดแบบธรรมชาติอยู่ อาจเลือกใช้สมุนไพรต่าง ๆ ที่มีฤทธิ์ช่วยผลัดเซลล์ผิว หรือมีสารช่วยลดการทำงานของเม็ดสีเมลานินมาใช้ดูแลผิวหน้าได้ เช่น หัวไชเท้า, มะนาว, มะขามเปียก, ขมิ้น, หอมแดง, ใบบัวบก, มะละกอสุก ซึ่งแม้ว่าจะใช้เวลาในการรักษาค่อนข้างนาน แต่ก็เป็นวิธีที่ประหยัดและมีผลข้างเคียงค่อนข้างน้อย ทั้งนี้ การใช้สมุนไพรธรรมชาติรักษาฝ้าอาจก่อให้เกิดการระคายเคืองต่อผิวได้ จึงควรใช้อย่างระมัดระวังค่ะ  

รักษาฝ้าแดดด้วยการทาครีมกันแดดเป็นประจำ

การทาครีมกันแดดนับเป็นวิธีการรักษาฝ้าแดดที่สำคัญที่สุดค่ะ เนื่องจากฝ้าแดดมีสาเหตุหลักมาจากการทำร้ายของแสงแดด และแสงสีฟ้าจากหน้าจอหรือหลอดไฟ ดังนั้นการทาครีมกันแดดเป็นประจำอย่างสม่ำเสมอทุกวัน จะช่วยปกป้องผิวหน้าจากแสงแดด และลดโอกาสการเกิดฝ้าแดดได้ โดยควรเลือกใช้ครีมกันแดดที่มีสารป้องกัน UVA/UVB มีค่า SPF 50 และค่า PA+++ ขึ้นไป 


วิธีดูแลผิวหน้า ป้องกันการเกิดฝ้าแดด

ฝ้าแดดคืออะไร

เนื่องจากฝ้าแดดเป็นปัญหาที่ไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ ทั้งยังมีโอกาสกลับมาเป็นซ้ำได้ทุกเมื่อ การดูแลผิวเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดฝ้าจึงเป็นสิ่งสำคัญค่ะ เพราะนอกจากจะช่วยลดโอกาสเกิดฝ้าแดดแล้ว ยังช่วยชะลอให้ฝ้าเกิดช้าลงด้วย ซึ่งวิธีดูแลผิวหน้าก็มีดังนี้ค่ะ   

  • หลีกเลี่ยงแสงแดดจัด และหมั่นทาครีมกันแดดเป็นประจำทุกวัน เพื่อปกป้องผิวจากการทำร้ายของแสงแดด รวมถึงแสงสีฟ้าที่มาจากหน้าจอและหลอดไฟ อันเป็นสาเหตุของฝ้าแดด
  • หลีกเลี่ยงการใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวหรือเครื่องสำอางที่ไม่ได้มาตรฐาน เพราะอาจมีส่วนผสมของสารอันตรายอย่างปรอทหรือสเตียรอยด์ ที่ทำให้ผิวหน้าเกิดฝ้าแดดได้ 
  • ระมัดระวังการใช้ยาที่มีผลข้างเคียงกระตุ้นให้เกิดฝ้าแดด เช่น ยาคุมกำเนิดหรือยาปรับฮอร์โมน เป็นต้น
  • รับประทานอาหารที่อุดมไปด้วยวิตามินและสารต้านอนุมูลอิสระ รวมถึงดื่มน้ำให้มาก ๆ เพื่อปรับสมดุลฮอร์โมนในร่างกายให้คงที่ ซึ่งจะช่วยลดการทำงานของเม็ดสีเมลานิน ที่เป็นสาเหตุหลักของการเกิดฝ้าแดดนั่นเอง
  • หลีกเลี่ยงความเครียดและพักผ่อนให้เพียงพอ เพื่อลดการหลั่งฮอร์โมนคอร์ติซอล (Cortisol) ที่สามารถกระตุ้นให้ร่างกายสร้างเม็ดสีเมลานินเพิ่มมากขึ้น จนเกิดเป็นฝ้าแดดบนผิวหน้า

สรุป เกี่ยวกับปัญหาฝ้าแดด 

ฝ้าแดด มีสาเหตุหลักมาจากรังสียูวีจากแสงแดดและแสงสีฟ้า แม้จะเป็นปัญหาผิวที่ไม่สามารถจัดการให้หายขาดและอาจกลับมาเป็นซ้ำได้ทุกเมื่อ แต่หากรักษาอย่างถูกวิธีและดูแลผิวหน้าอย่างเหมาะสม ก็จะช่วยบรรเทาให้ฝ้าแดดจางลง รวมถึงลดโอกาสการเกิดฝ้าได้ สำหรับใครที่ต้องการรักษาฝ้าแดด ทางรมย์รวินท์มีทีมแพทย์ผิวหนังผู้ชำนาญการและเทคโนโลยีทางการแพทย์ที่ทันสมัยครบครัน พร้อมให้บริการรักษาฝ้าแดดและดูแลผิวหน้าของคุณให้เรียบเนียน กระจ่างใส ดูสุขภาพดีอยู่เสมอค่ะ 


สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม หรือปรึกษาปัญหากับแพทย์
ได้ที่ช่องทางดังต่อไปนี้
แชร์บทความนี้

Related Posts