ฟิลเลอร์ 1 CC มีปริมาณเท่าไหร่? ฉีดบริเวณไหนบนใบหน้าได้บ้าง?
การฉีดฟิลเลอร์ เป็นหัตถการที่ได้รับความนิยมในการฉีดเพื่อลดเลือนริ้วรอย เติมเต็มร่องลึก และปรับรูปหน้าให้ดูมีมิติ แต่สำหรับมือใหม่ที่กำลังจะตัดสินใจฉีดฟิลเลอร์อยู่ อาจเกิดคำถามในใจว่า ฉีดฟิลเลอร์แค่ 1 CC จะเพียงพอไหม? และปริมาณ 1 CC สามารถฉีดบริเวณไหนได้บ้าง? บทความนี้จะมาไขข้อข้องใจเกี่ยวกับการฉีดฟิลเลอร์ 1 CC เพื่อให้ทุกคนเตรียมตัวก่อนฉีดกันค่ะ
ฟิลเลอร์ 1 CC เพียงพอไหม? แก้ปัญหาใบหน้าบริเวณไหนได้บ้าง?
ฟิลเลอร์ คืออะไร?
- ฟิลเลอร์ (Filler) เป็นสารเติมเต็ม Hyaluronic Acid (HA) ถูกผลิตขึ้นมาเพื่อเลียนแบบสารในร่างกายของเราตามธรรมชาติ มีหน้าที่สำคัญในการกักเก็บความชุ่มชื้นให้ผิว ถูกออกแบบมาเพื่อเติมเต็ม หรือทดแทนส่วนสำคัญของโครงสร้างผิว ที่ร่างกายสูญเสียไปเมื่ออายุมากขึ้น เมื่อฉีดฟิลเลอร์เข้าสู่ผิวแล้ว ฟิลเลอร์จะเข้าไปเติมเต็มริ้วรอย ร่องลึกในบริเวณต่าง ๆ เช่น ร่องแก้ม ใต้ตา หรือริมฝีปาก ทำให้ผิวบริเวณที่ฉีดดูเรียบเนียน เต่งตึง และอิ่มฟูมากขึ้น นอกจากนี้ ฟิลเลอร์ยังมีความหนาแน่นและความคงตัวสูง จึงสามารถนำมาฉีดเพื่อปรับรูปหน้า และยกกระชับผิวได้อย่างมีประสิทธิภาพ เช่น ขมับ คาง หรือกรอบหน้า ทำให้ใบหน้าดูสมส่วน ดูมีมิติมากขึ้น
ฟิลเลอร์ 1 กล่อง มีกี่ CC?
- โดยทั่วไปแล้ว ในกล่องฟิลเลอร์ 1 กล่อง จะมีฟิลเลอร์ 1 ไซริงค์ แต่ก็มีบางยี่ห้อที่มีฟิลเลอร์ 2 ไซริงค์ต่อกล่องเช่นกัน ซึ่งฟิลเลอร์ 1 ไซริงค์นั้น จะมีปริมาณฟิลเลอร์ 1 CC หรือ 1 มิลลิลิตร (ml) ทั้งนี้ การเลือกปริมาณฟิลเลอร์ให้เหมาะสมกับบริเวณที่ฉีดนั้น จึงมีความสำคัญอย่างมาก เพราะหากฉีดฟิลเลอร์น้อยเกินไป อาจไม่เห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจน แต่หากฉีดมากเกินไป อาจทำให้ใบหน้าดูไม่เป็นธรรมชาติ ดังนั้น ควรปรึกษาแพทย์ เพื่อประเมินสภาพผิว และเลือกปริมาณฟิลเลอร์ที่เหมาะสม
ฟิลเลอร์ 1 CC มีปริมาณเท่าไหร่?
- เมื่อฉีดฟิลเลอร์ออกมาจากหลอดแล้วเกลี่ยออก ปริมาณฟิลเลอร์ 1 CC จะมีขนาดเท่ากับ 1 เหรียญบาท ซึ่งปริมาณ 1 CC นั้น เป็นปริมาณที่เพียงพอ สำหรับการแก้ไขปัญหาผิวที่มีปัญหาน้อย เช่น เติมเต็มร่องแก้ม ร่องน้ำหมาก หรือปรับรูปทรงปาก แต่หากต้องการเติมเต็ม หรือปรับรูปหน้าที่มีปัญหาค่อนข้างมาก เช่น ปรับรูปทรงคาง เติมเต็มขมับ หรือเติมเต็มใต้ตา อาจต้องใช้ฟิลเลอร์มากกว่า 1 CC ขึ้นไป ขึ้นอยู่กับปัญหาของแต่ละบุคคล
ฟิลเลอร์ 1 CC ฉีดบริเวณไหนได้บ้าง?
ฟิลเลอร์ 1 CC ถือเป็นปริมาณฟิลเลอร์เริ่มต้น ที่เหมาะสำหรับการปรับรูปหน้าให้ดูดีขึ้น ซึ่งสามารถนำไปใช้เติมเต็มได้หลากหลายบริเวณ ขึ้นอยู่กับปัญหาที่ต้องการแก้ไข แต่ส่วนใหญ่แล้ว ฟิลเลอร์ปริมาณ 1 CC จะเหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาผิวหน้าไม่มาก โดยจุดที่ฉีดฟิลเลอร์ 1 CC ได้ มีดังนี้
- ฉีดฟิลเลอร์ 1 CC บริเวณหน้าผาก
ฟิลเลอร์หน้าผาก 1 CC สามารถใช้ในการเติมเต็ม หรือปรับรูปทรงหน้าผากให้นูนสวย มีสัดส่วนที่สมดุล ดูมีมิติ ซึ่งขึ้นอยู่ปัญหาที่ต้องการแก้ไข หากหน้าผากยุบตัวไม่มาก ปริมาณฟิลเลอร์ 1 CC ถือว่าเพียงพอ แต่หากมีปัญหาหน้าผากแบน หน้าผากยุบมาก อาจต้องใช้ปริมาณฟิลเลอร์หน้าผากมากกว่า 2 CC ขึ้นไป เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่เป็นธรรมชาติ หน้าผากทรงสวยตามหลักโหงวเฮ้ง ทั้งนี้ ไม่แนะนำให้ฉีดฟิลเลอร์หน้าผากมากจนเกินไป เพราะอาจเสี่ยงที่ฟิลเลอร์จะเข้าไปอุดตันในเส้นเลือด จนส่งผลให้ตาบอดได้
- ฉีดฟิลเลอร์ 1 CC บริเวณใต้ตา
ฟิลเลอร์ใต้ตา 1 CC แบ่งเป็นข้างละ 0.5 CC สามารถใช้ในการเติมเต็มบริเวณใต้ตาให้ดูอิ่มฟู ใบหน้าดูสดใส ไม่โทรม ซึ่งขึ้นอยู่กับระดับความลึกของใต้ตา หากมีปัญหาใต้ตาไม่มาก มีริ้วรอยใต้ตาเล็กน้อย ปริมาณฟิลเลอร์ 1 CC ถือว่าเพียงพอ แต่หากมีปัญหาเบ้าตาลึก ตาโหลมาก อาจต้องใช้ปริมาณฟิลเลอร์ใต้ตามากกว่า 2 CC ขึ้นไป เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ตามที่ต้องการ ทั้งนี้ ไม่แนะนำให้ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตามากจนเกินไป เพราะอาจทำให้ฟิลเลอร์จับตัวเป็นก้อนได้ง่าย
- ฉีดฟิลเลอร์ 1 CC บริเวณร่องแก้ม
ฟิลเลอร์ร่องแก้ม 1 CC แบ่งเป็นข้างละ 0.5 CC สามารถใช้ในการเติมเต็มบริเวณร่องแก้มให้ดูอิ่มฟู ดูตื้นขึ้น ซึ่งขึ้นอยู่กับระดับความลึกของร่องแก้ม หากมีปัญหาร่องแก้มลึกไม่มาก ปริมาณฟิลเลอร์ 1 CC ถือว่าเพียงพอ แต่หากมีปัญหาร่องแก้มลึก ร่องแก้มชัด อาจต้องใช้ปริมาณฟิลเลอร์ร่องแก้มมากกว่า 2 CC ขึ้นไป เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ในการเติมเต็มที่ชัดเจน และเป็นธรรมชาติ ทั้งนี้ ไม่แนะนำให้ฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้มมากเกินไป เพราะอาจทำให้ร่องแก้มดูหนา และจับตัวเป็นก้อนได้
- ฉีดฟิลเลอร์ 1 CC บริเวณร่องน้ำหมาก
ฟิลเลอร์ร่องน้ำหมาก 1 CC แบ่งเป็นข้างละ 0.5 CC สามารถใช้ในการเติมเต็มบริเวณร่องน้ำหมากให้ดูตื้นขึ้น ใบหน้าดูอ่อนกว่าวัย ซึ่งขึ้นอยู่กับความลึกของร่องน้ำหมาก หากมีปัญหาร่องน้ำหมากตื้น มุมปากตกเล็กน้อยปริมาณฟิลเลอร์ 1 CC ถือว่าเพียงพอ แต่หากร่องน้ำหมากมีความลึกมาก อาจต้องใช้ปริมาณฟิลเลอร์ร่องน้ำหมาก 2 CC ขึ้นไป เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ชัดเจน และดูเป็นธรรมชาติ ทั้งนี้ ไม่แนะนำให้ฉีดฟิลเลอร์ร่องน้ำหมากมากเกินไป เพราะอาจทำให้ร่องน้ำหมากดูหนา และเกิดเป็นก้อนนูนได้
- ฉีดฟิลเลอร์ 1 CC บริเวณแก้มส้ม
ฟิลเลอร์แก้มส้ม 1 CC แบ่งเป็นข้างละ 0.5 CC สามารถใช้ในการเติมเต็มบริเวณหน้าแก้ม เพื่อเพิ่มวอลุ่ม เพิ่มมิติให้กับใบหน้า ซึ่งขึ้นอยู่กับปัญหาที่ต้องการแก้ไข หากมีปัญหาหน้าแก้มไม่มาก ปริมาณฟิลเลอร์ 1 CC ถือว่าเพียงพอ แต่หากมีปัญหาหน้าแก้มแบน แก้มดูไม่มีมิติมาก อาจต้องใช้ปริมาณฟิลเลอร์ร่องแก้ม 2 CC เพื่อเติมเต็มหน้าแก้มให้ดูอิ่มฟูมากขึ้น เห็นผลการเปลี่ยนแปลงที่ชัดเจน
- ฉีดฟิลเลอร์ 1 CC บริเวณขมับ
ฟิลเลอร์ขมับ 1 CC แบ่งเป็นข้างละ 0.5 CC สามารถใช้ในการเติมเต็มบริเวณขมับที่ตอบ หรือยกกระชับใบหน้าที่หย่อนคล้อย ให้ใบหน้าดูมีสัดส่วนที่สมดุลมากขึ้น ซึ่งขึ้นอยู่กับความลึกของบริเวณขมับที่ยุบตัวลง หากขมับตอบไม่มาก ปริมาณฟิลเลอร์ 1 CC ถือว่าเพียงพอ แต่หากมีปัญหาขมับยุบตัวลงมาก อาจต้องใช้ปริมาณฟิลเลอร์ขมับมากกว่า 2 CC ขึ้นไป เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ชัดเจน ทำให้ใบหน้าดูอ่อนเยาว์ และลดความเด่นของโหนกแก้มลงได้
- ฉีดฟิลเลอร์ 1 CC บริเวณแก้มตอบ
ฟิลเลอร์แก้มตอบ 1 CC แบ่งเป็นข้างละ 0.5 CC สามารถใช้ในการเติมเต็มแก้มตอบที่ยุบ ให้ดูอิ่มฟูขึ้น ซึ่งขึ้นอยู่กับปัญหาของแต่ละคน หากมีปัญหาแก้มตอบน้อย ปริมาณ 1 CC ถือว่าเพียงพอ แต่หากมีปัญหาแก้มตอบ แก้มยุบมาก ปริมาณฟิลเลอร์ 1 CC อาจไม่เพียงพอในการเห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจน อาจต้องใช้ฟิลเลอร์แก้มตอบปริมาณมากกว่า 2 CC ขึ้นไป เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ต้องการ
- ฉีดฟิลเลอร์ 1 CC บริเวณคาง
ฟิลเลอร์คาง 1 CC สามารถใช้ในการปรับรูปทรงคางให้ดูเรียวขึ้น หรือเติมเต็มคางที่บุ๋มให้ดูสมดุล ซึ่งขึ้นอยู่กับลักษณะคางเดิมของแต่ละคน หากคางเดิมสั้นมาก อาจต้องใช้ฟิลเลอร์คางปริมาณ 2 CC เพื่อให้ได้รูปคางที่สวยงาม และเห็นผลการเปลี่ยนแปลงชัดเจนมากขึ้น
- ฉีดฟิลเลอร์ 1 CC บริเวณปาก
ฟิลเลอร์ปาก 1 CC สามารถใช้ในการเติมเต็มริมฝีปากให้ดูอวบอิ่ม หรือปรับรูปทรงปากให้ดูสวยงามมากขึ้นได้ ซึ่งขึ้นอยู่กับรูปทรงปากเดิมของแต่ละคน หากปากเดิมมีปัญหาไม่มาก ปริมาณ 1 CC ก็ถือว่าเพียงพอ แต่หากต้องการเพิ่มวอลุ่ม เพิ่มความอวบอิ่มแบบสายฝอ อาจต้องใช้ฟิลเลอร์ปากปริมาณมากกว่า 1 CC ขึ้นไป
ฟิลเลอร์ 1 CC เห็นผลจริงไหม?
- การฉีดฟิลเลอร์ 1 CC สามารถเห็นผลการเปลี่ยนแปลงได้ทันทีหลังฉีด ซึ่งปริมาณ 1 CC ถือเป็นปริมาณที่เพียงพอสำหรับการเติมเต็ม และปรับรูปหน้า ขึ้นอยู่กับตำแหน่งที่ฉีด และปัญหาของแต่ละบุคคล โดยฟิลเลอร์ 1 CC เหมาะสำหรับบริเวณที่ไม่ต้องการเติมเต็มมาก มีปัญหาเล็ก ๆ น้อย ๆ เช่น ฟิลเลอร์ปาก ฟิลเลอร์คาง หรือฟิลเลอร์แก้มส้ม หากต้องการแก้ไขปัญหาที่มากกว่านั้น อาจจำเป็นต้องใช้ฟิลเลอร์มากกว่า 1 CC เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่มีประสิทธิภาพมากที่สุด
ฟิลเลอร์ 1 CC อยู่ได้นานแค่ไหน?
ฟิลเลอร์ 1 CC โดยทั่วไป สามารถอยู่ได้นานประมาณ 6 – 24 เดือน ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น ยี่ห้อและรุ่นของฟิลเลอร์ที่ใช้ ตำแหน่งที่ฉีด และการดูแลหลังการฉีดฟิลเลอร์ แต่บริเวณที่ฟิลเลอร์มักสลายตัวได้เร็วกว่าบริเวณอื่น ๆ คือ ฟิลเลอร์ปาก เนื่องจากเป็นบริเวณที่มีการขยับบ่อย และสัมผัสความร้อนได้ง่าย ทำให้ฟิลเลอร์มีโอกาสที่จะสลายตัวได้เร็วกว่าบริเวณที่ไม่ค่อยมีการขยับ เช่น ขมับ หน้าผาก
ฟิลเลอร์ 1 CC มียี่ห้ออะไรบ้าง?
ฟิลเลอร์ 1 CC มีหลายยี่ห้อที่นิยมใช้ในวงการความงาม ซึ่งแต่ละยี่ห้อมีคุณสมบัติและเทคโนโลยีการผลิตที่แตกต่างกันออกไป ได้แก่
- ฟิลเลอร์ Belotero
ฟิลเลอร์ Belotero สัญชาติสวิตเซอร์แลนด์ ใช้เทคโนโลยี CPM (Cohesive Polydensified Matrix) ในการผลิต ซึ่งเป็นเทคโนโลยีเฉพาะของแบรนด์ Belotero เท่านั้น มีคุณสมบัติทำให้เนื้อฟิลเลอร์มีความคงตัว และยืดหยุ่นสูง สามารถปั้นรูปทรงได้อย่างสวยงาม กลืมกลืนเข้ากับผิวได้อย่างเป็นธรรมชาติ อีกทั้ง สีกล่องฟิลเลอร์ Belotero แต่ละรุ่นยังมีความเป็นเอกลักษณ์ มีสีสันสดใส สามารถเลือกใช้ได้ตามปัญหาผิวของแต่ละคน ซึ่งหลังฉีดฟิลเลอร์ Belotero สามารถอยู่ได้นานถึง 18 เดือน
- ฟิลเลอร์ Restylane
ฟิลเลอร์ Restylane สัญชาติสวีเดน ใช้เทคโนโลยี NASHA และ OBT ในการผลิต ซึ่งเทคโนโลยี NASHA ช่วยให้ฟิลเลอร์มีความคงตัวสูง ไม่ไหล ไม่เป็นก้อนได้ง่าย เหมาะสำหรับฉีดเสริมชั้นกระดูก เพื่อยกกระชับผิว และเทคโนโลยี OBT ช่วยให้ฟิลเลอร์มีความยืดหยุ่นสูง สามารถปรับตัวได้ตามการเคลื่อนไหวอย่างเป็นธรรมชาติ เนื้อฟิลเลอร์มีความนิ่ม กลืนไปกับผิวได้อย่างแนบเนียน เหมาะสำหรับฉีดเพิ่มวอลุ่ม เพิ่มความอิ่มฟูให้ผิว โดยหลังฉีดฟิลเลอร์ Restylane สามารถอยู่ได้นานถึง 18 เดือน
- ฟิลเลอร์ Juvederm
ฟิลเลอร์ Juvederm สัญชาติอเมริกา ใช้เทคโนโลยี Hylacross และ Vycross ในการผลิต ซึ่งเทคโนโลยี Hylacross ช่วยให้ฟิลเลอร์มีความยืดหยุ่นสูง สามารถทนต่อแรงขยับได้ดี เหมาะสำหรับฉีดเติมเต็มในบริเวณที่มีการขยับบ่อย ๆ เพื่อเพิ่มความอิ่มฟูให้ใบหน้า และเทคโนโลยี Vycross ที่ช่วยให้ฟิลเลอร์ยึดเกาะกันอย่างหนาแน่น มีความคงตัวสูง บวมน้ำน้อย ไม่เกิดเป็นก้อนได้ง่าย เหมาะสำหรับการฉีดยกกระชับ ฉีดเสริมชั้นกระดูก โดยหลังฉีดฟิลเลอร์ Juvederm สามารถอยู่ได้นานถึง 24 เดือน
ฟิลเลอร์ 1 CC ช่วยเรื่องอะไรบ้าง?
- ฟิลเลอร์ 1 CC ช่วยให้ผิวอิ่มฟู มีความอวบอิ่ม ดูมีวอลุ่ม
- ฟิลเลอร์ 1 CC ช่วยให้ใบหน้าสมส่วน ดูมีมิติมากขึ้น
- ฟิลเลอร์ 1 CC ช่วยลดเลือนริ้วรอย ร่องลึกต่าง ๆ
- ฟิลเลอร์ 1 CC ช่วยให้ผิวเรียบเนียน รูขุมขนดูเล็กลง
- ฟิลเลอร์ 1 CC ช่วยให้ผิวมีความชุ่มชื้น แก้ปัญหาผิวแห้งกร้าน
- ฟิลเลอร์ 1 CC ช่วยให้ผิวเต่งตึง กระชับ ดูอ่อนกว่าวัย
- ฟิลเลอร์ 1 CC ช่วยให้ใบหน้าสดใส ไม่อิดโรย เหมือนนอนเต็มอิ่ม
- ฟิลเลอร์ 1 CC ช่วยให้ใบหน้าเรียวเล็กมากขึ้น
ฟิลเลอร์ 1 CC เหมาะกับใคร?
- ฟิลเลอร์ 1 CC เหมาะสำหรับ ผู้ที่ต้องการเติมเต็มริ้วรอย ร่องลึกไม่มาก มีปัญหาเพียงเล็กน้อย
- ฟิลเลอร์ 1 CC เหมาะสำหรับ ผู้ที่ต้องการปรับรูปหน้า มีปัญหารูปหน้าเดิมไม่มาก
- ฟิลเลอร์ 1 CC เหมาะสำหรับ ผู้ที่ต้องการเพิ่มความอวบอิ่ม และความอิ่มฟูให้ผิว
- ฟิลเลอร์ 1 CC เหมาะสำหรับ ผู้ที่มีปัญหาผิวไม่กระชับ ผิวหย่อนคล้อยไม่มาก
- ฟิลเลอร์ 1 CC เหมาะสำหรับ ผู้ที่มีปัญหาผิวแห่งกร้าน ไม่ชุ่มชื้น
- ฟิลเลอร์ 1 CC เหมาะสำหรับ ผู้ที่เป็นมือใหม่ ไม่เคยฉีดฟิลเลอร์มาก่อน สามารถเริ่มต้นฉีดฟิลเลอร์ ด้วยปริมาณ 1 CC ก่อนได้
ฟิลเลอร์ 1 CC ไม่เหมาะกับใคร?
- ฟิลเลอร์ 1 CC ไม่เหมาะสำหรับ ผู้ที่มีริ้วรอยลึก มีร่องแก้มที่ชัดเจน
- ฟิลเลอร์ 1 CC ไม่เหมาะสำหรับ ผู้ที่มีปัญหาโครงหน้ามาก
- ฟิลเลอร์ 1 CC ไม่เหมาะสำหรับ ผู้ที่กระดูกทรุดตัวลงมาก จากการที่อายุมากขึ้น
- ฟิลเลอร์ 1 CC ไม่เหมาะสำหรับ ผู้ที่มีผิวหย่อนคล้อย ผิวไม่กระชับมาก
- ฟิลเลอร์ 1 CC ไม่เหมาะสำหรับ ผู้ที่ต้องการเพิ่มวอลุ่มให้ใบหน้าอย่างมาก เช่น หน้าแก้มแบนมาก หรือต้องการมีปากแบบสายฝอ
- ฟิลเลอร์ 1 CC ไม่เหมาะสำหรับ ผู้ที่กำลังตั้งครรภ์ และให้นมบุตร
- ฟิลเลอร์ 1 CC ไม่เหมาะสำหรับ ผู้ที่แพ้สารในฟิลเลอร์
ก่อนฉีดฟิลเลอร์ 1 CC ควรเตรียมตัวอย่างไร?
- ก่อนฉีดฟิลเลอร์ 1 CC แนะนำให้ศึกษาหาข้อมูลอย่างละเอียดก่อนตัดสินใจฉีด
- ก่อนฉีดฟิลเลอร์ 1 CC แนะนำให้ปรึกษาแพทย์ เพื่อประเมินสภาพผิวหน้า และปัญหาก่อนตัดสินใจฉีด
- ก่อนฉีดฟิลเลอร์ 1 CC งดรับประทานยาที่มีผลต่อการแข็งตัวของเลือด
- ก่อนฉีดฟิลเลอร์ 1 CC งดสูบบุหรี่ และดื่มแอลกอฮอล์
- ก่อนฉีดฟิลเลอร์ 1 CC งดโกนขน หรือใช้ครีมกลุ่มผลัดเซลล์ในบริเวณที่ฉีดฟิลเลอร์
หลังฉีดฟิลเลอร์ 1 CC ควรปฏิบัติตัวอย่างไร?
- หลังฉีดฟิลเลอร์ 1 CC หากมีอาการบวมช้ำ สามารถประคบเย็นได้ โดยประคบเบา ๆ ไม่กดแรงเกินไป
- หลังฉีดฟิลเลอร์ 1 CC งดกด นวด หรือสัมผัสบริเวณที่ฉีด เพื่อป้องกันไม่ให้ฟิลเลอร์เคลื่อนที่
- หลังฉีดฟิลเลอร์ 1 CC งดนอนตะแคง และนอนคว่ำ เพื่อป้องกันไม่ให้ฟิลเลอร์เกิดการเคลื่อนตัว
- หลังฉีดฟิลเลอร์ 1 CC งดรับประทานอาหารดิบ ของหมัก ของดอง เพื่อป้องกันการติดเชื้อ
- หลังฉีดฟิลเลอร์ 1 CC งดสูบบุหรี่ และดื่มแอลกอฮอล์ เพื่อป้องกันการอักเสบ
- หลังฉีดฟิลเลอร์ 1 CC หลีกเลี่ยงความร้อนทุกรูปแบบ เช่น ซาวน่า เลเซอร์ หรือการนั่งหน้าเตาปิ้งย่างนาน ๆ
- หลังฉีดฟิลเลอร์ 1 CC แนะนำให้ดื่มน้ำมาก ๆ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดียิ่งขึ้น
- หลังฉีดฟิลเลอร์ 1 CC หลีกเลี่ยงการออกกำลังกายหนัก หรือกิจกรรมที่ทำให้เหงื่อออก
รวมคำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับ ฟิลเลอร์ 1 CC
ฟิลเลอร์ 1 CC ฉีดได้กี่ครั้ง?
การฉีดฟิลเลอร์ 1 CC สามารถฉีดได้หลายครั้ง เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ต้องการ แต่แนะนำให้เว้นระยะเวลาในการฉีดที่เหมาะสม โดยปกติแล้ว ควรเว้นระยะเวลาจากการฉีดครั้งล่าสุด อย่างน้อย 2 – 4 สัปดาห์ เพื่อให้ผิวมีเวลาได้ฟื้นฟู และเซ็ทตัวเข้ากับฟิลเลอร์ที่ฉีดไปก่อนหน้านี้ ช่วยให้เห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจน และเป็นธรรมชาติมากขึ้น นอกจากนี้ การเว้นระยะยังช่วยให้แพทย์ประเมินผลลัพธ์ และปรับแผนการรักษาได้อย่างเหมาะสมอีกด้วย
ฟิลเลอร์ 1 CC มีผลข้างเคียงไหม?
การฉีดฟิลเลอร์ 1 CC ถือเป็นปริมาณที่ไม่มาก แต่ก็ยังมีความเสี่ยงที่จะเกิดผลข้างเคียงได้เช่นกัน ซึ่งผลข้างเคียงที่พบบ่อยหลังจากการฉีดฟิลเลอร์ มีดังนี้
- มีอาการบวม ซึ่งในบริเวณที่ฉีดฟิลเลอร์ อาจมีอาการบวมจากเข็มฉีดยา หรือการฉีดยาชา โดยสามารถหายได้เอง ภายใน 2 – 3 วันหลังฉีด
- มีอาการฟกช้ำ ซึ่งในบริเวณที่ฉีดฟิลเลอร์ อาจเกิดรอยฟกช้ำได้ โดยเฉพาะผู้ที่ช้ำง่ายอยู่แล้ว ยิ่งมีโอกาสเกิดรอยฟกช้ำมากกว่าปกติ ซึ่งสามารถหายได้เอง ภายใน 7 – 14 วัน
- มีอาการปวดระบม ซึ่งในบริเวณที่ฉีดฟิลเลอร์ อาจมีอาการปวดระบม รู้สึกตึง ๆ ได้ โดยสามารถหายได้เอง ภายใน 3 – 7 วัน
ข้อดี – ข้อเสียของการฉีดฟิลเลอร์ 1 CC มีอะไรบ้าง?
- ข้อดีของการฉีดฟิลเลอร์ 1 CC คือ เหมาะสำหรับผู้เริ่มต้นฉีด ยังไม่เคยฉีดฟิลเลอร์มาก่อน การเริ่มต้นด้วยปริมาณ 1 CC จะสามารถประเมินผลลัพธ์เบื้องต้น และปรับปริมาณฟิลเลอร์ได้ในครั้งต่อไป อีกทั้ง ยังมีค่าใช้จ่ายที่ไม่สูงมาก เหมาะสำหรับผู้ที่มีงบประมาณจำกัด
- ข้อเสียของการฉีดฟิลเลอร์ 1 CC คือ อาจไม่เหมาะสำหรับ ผู้ที่มีปัญหาใบหน้าค่อนข้างมาก เช่น ร่องแก้มลึกมาก คางสั้นมาก หรือขมับตอบมาก ซึ่งการใช้ฟิลเลอร์ 1 CC นั้น อาจไม่สามารถแก้ไขปัญหา และปรับรูปหน้าได้อย่างครอบคลุม จึงต้องใช้ปริมาณที่มากกว่า 1 CC ถึงจะเห็นผลการเปลี่ยนแปลงที่ชัดเจน
การฉีดฟิลเลอร์ 1 CC ถือเป็นการเริ่มต้นในการฉีดฟิลเลอร์ที่ดี ตอบโจทย์สำหรับผู้ที่มีปัญหาผิวหน้าเพียงเล็กน้อย ต้องการเติมเต็มและปรับรูปหน้าให้ดูดีขึ้น ซึ่งแต่ละคนก็ใช้ปริมาณฟิลเลอร์ที่เหมาะสมแตกต่างกันไป แนะนำให้เข้ามาปรึกษาแพทย์ได้ที่ รมย์รวินท์คลินิก ทุกสาขา เรามีทีมแพทย์ที่มีความรู้ความสามารถในการฉีดฟิลเลอร์ ที่พร้อมให้คำปรึกษา และออกแบบรูปหน้าให้ตรงตามความต้องการมากที่สุด ด้วยเทคนิคเฉพาะช่วยให้ฉีดฟิลเลอร์ได้อย่างตรงจุด ใช้ปริมาณฟิลเลอร์ได้อย่างคุ้มค่า สามารถเห็นผลการเปลี่ยนแปลงได้อย่างชัดเจน แต่ยังคงความเป็นธรรมชาติอยู่ ไม่ต้องกังวลเรื่องการฉีดมากเกินไปจนหน้าดูแข็งทื่อ