รวมคำถามเกี่ยวกับฟิลเลอร์ (Filler) ที่ควรรู้
การฉีดฟิลเลอร์ เป็นอีกหนึ่งวิธีที่ได้รับความนิยมในการปรับรูปหน้า ให้ดูอ่อนเยาว์และสวยงามขึ้น ด้วยการเติมสารเติมเต็มเข้าไปในบริเวณที่ต้องการ เพื่อให้ผิวดูอิ่มฟูและมีมิติมากขึ้น
บทความนี้จะพาทุกคนไปพบกับโลกของฟิลเลอร์ ซึ่งเป็นทางเลือกที่ได้รับความนิยมในการแก้ไขปัญหาเหล่านี้ โดยจะอธิบายเกี่ยวกับกระบวนการฉีดฟิลเลอร์อย่างละเอียด ชนิดของฟิลเลอร์ที่เหมาะกับแต่ละปัญหา และคำแนะนำในการเลือกคลินิกที่น่าเชื่อถือ นอกจากนี้ยังมีเคล็ดลับในการดูแลตัวเองหลังฉีดฟิลเลอร์ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ยาวนานและปลอดภัย
ฟิลเลอร์คืออะไร? (Filler) ก่อนฉีดครั้งแรกควรรู้อะไรบ้าง รวมทุกคำถามของฟิลเลอร์ ฉบับอัปเดต
ฟิลเลอร์ (Filler) คืออะไร?
ฟิลเลอร์ (Filler) คือ สารเติมเต็มที่พัฒนามาจาก ไฮยาลูโรนิก แอซิด (Hyaluronic Acid หรือ HA) ซึ่งเป็นสารธรรมชาติที่พบได้ในร่างกายของเรา โดยฟิลเลอร์ถูกสร้างขึ้นเพื่อแก้ปัญหาผิวที่เกิดจากการสูญเสียคอลลาเจนและไฮยาลูรอนในชั้นผิว เมื่อเวลาผ่านไปผิวจะเริ่มบางลงและเกิดริ้วรอยหรือร่องลึกได้ง่ายยิ่งขึ้น การใช้ฟิลเลอร์จึงเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพในการคืนความยืดหยุ่น เติมเต็มร่องลึก และช่วยฟื้นฟูผิวให้ดูอิ่มฟู สดใส และเปล่งปลั่งเหมือนวัยหนุ่มสาวอีกครั้ง
การฉีดฟิลเลอร์สามารถช่วยแก้ปัญหาริ้วรอยและเติมเต็มผิวในบริเวณที่มีร่องลึก เช่น ร่องแก้ม ใต้ตา หรือบริเวณอื่น ๆ บนใบหน้า เมื่อฉีดเข้าไป ฟิลเลอร์ (Filler) จะช่วยให้ริ้วรอยดูตื้นขึ้น และคืนความชุ่มชื้นให้กับผิว นอกจากนี้ยังช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นและทำให้ผิวดูอิ่มน้ำ สุขภาพดีมากยิ่งขึ้น
ฟิลเลอร์จึงเป็นทางเลือกที่ได้รับความนิยมสำหรับผู้ที่ต้องการฟื้นฟูผิวให้ดูอ่อนเยาว์อย่างเป็นธรรมชาติ และแก้ไขปัญหาริ้วรอยโดยไม่ต้องผ่าตัด
ฟิลเลอร์ (Filler) ทำงานอย่างไร?
สารเติมเต็มประเภทฟิลเลอร์ทำมาจากสารที่เป็นธรรมชาติ เช่น กรดไฮยารูลอนิก ซึ่งเป็นสารที่มีอยู่ในร่างกาย ช่วยให้ผิวหนังคงความชุ่มชื้นและยืดหยุ่นได้ดี ซึ่งฟิลเลอร์บางประเภทใช้สารที่มีคุณสมบัติในการกระตุ้นการผลิตคอลลาเจน เช่น Poly-L-lactic Acid หรือ Calcium Hydroxylapatite เพื่อฟื้นฟูผิวในระยะยาว
ในการฉีดฟิลเลอร์นั้นจะฉีดลงไปชั้นผิวหนังโดยการใช้เข็มเล็ก ๆ เพื่อเพิ่มปริมาตรให้กับผิวที่สูญเสียความกระชับ เช่น ร่องแก้ม ริมฝีปาก ขมับ และใต้ตา ในฟิลเลอร์บางประเภท จะช่วยกระตุ้นการผลิตคอลลาเจนใหม่ในชั้นผิว ช่วยให้ผิวเต่งตึงและกระชับในระยะยาว หลังการฉีดฟิลเลอร์ผลลัพธ์จะเห็นได้ทันที โดยเฉพาะในบริเวณที่มีร่องลึกหรือริ้วรอยย่นต่าง ๆ
ฟิลเลอร์ (Filler) มีทั้งหมดกี่ประเภท?
ฟิลเลอร์ (Filler) มีทั้งหมด 3 ประเภทด้วยกัน ดังนี้
- ฟิลเลอร์แบบชั่วคราว (Temporary Filler)
สารเติมเต็มที่สามารถสลายตัวเองได้ ตามกระบวนการธรรมชาติของร่างกาย โดยถือเป็นผลิตภัณฑ์ที่ได้รับการรับรองจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) จึงมั่นใจได้ในเรื่องความปลอดภัยสูง นอกจากนี้ยังสามารถเติมใหม่ได้เมื่อตัวยาเริ่มเสื่อมสภาพ โดยทั่วไป ฟิลเลอร์ประเภทนี้มีระยะเวลาการคงอยู่ตั้งแต่ 6-24 เดือน ขึ้นอยู่กับชนิดของฟิลเลอร์และบริเวณที่ฉีด
- ฟิลเลอร์แบบกึ่งถาวร (Semi Permanent Filler)
ฟิลเลอร์ที่ไม่สามารถสลายหมดได้แบบ 100% มีความความเสี่ยงมากกว่าฟิลเลอร์แบบชั่วคราว ยากต่อการแก้ไขหากเกิดปัญหา ตัวอย่างฟิลเลอร์กึ่งถาวร เช่น แคลเซียมไฮดรอกซีอะพาไทต์, สาร Polyalkylimide และ สาร PLLA (Poly-L-lactic acid) เป็นต้น ระยะเวลาอยู่ได้นาน 2-5 ปี
- ฟิลเลอร์แบบถาวร (Permanent Filler)
ฟิลเลอร์ที่ไม่สามารถสลายได้ เป็นฟิลเลอร์ที่อยู่แบบถาวร ไม่ผ่านสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา หลังฉีดฟิลเลอร์ถาวรไปแล้วผิวจะไม่สามารถดูดซึมได้ ทำให้ตกค้างอยู่ในชั้นผิว การฉีดฟิลเลอร์แบบถาวรมีผลข้างเคียงในระยะยาว เช่น ฟิลเลอร์ไหลย้อย ฟิลเลอร์ไหล หรือกลายเป็นพังผืด ต้องรักษาโดยการผ่าตัดหรือขูดออกเท่านั้น ไม่สามารถฉีดสลายฟิลเลอร์ได้
ชนิดของฟิลเลอร์ (Filler) มีอะไรบ้าง?
- สารเติมเต็ม Hyaluronic Acid
สารเติมเต็มประเภท Hyaluronic Acid (HA) เป็นฟิลเลอร์แบบชั่วคราว ที่มีคุณสมบัติพิเศษในการย่อยสลายตัวเองตามธรรมชาติ ซึ่งทำให้มีความปลอดภัยสูง และเหมาะสำหรับการใช้งานในด้านความงาม โดย Hyaluronic Acid ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิวหนัง ทำให้ผิวดูเต่งตึงและอ่อนเยาว์ขึ้น
- สารเติมเต็ม Poly-L-lactic acid (PLLA)
เป็นสารเติมเต็มที่อยู่ในกลุ่มฟิลเลอร์แบบกึ่งถาวร สามารถย่อยสลายเองได้ตามธรรมชาติ แต่ไม่สามารถย่อยสลายได้หมด 100% อยู่ได้นาน 2-5 ปี สารเติมเต็ม PLLA จะถูกใช้สำหรับทางการแพทย์ เช่น ตะปูเกลียวยึดกระดูก ไหมละลาย เป็นต้น
- สารเติมเต็ม Polymethyl-methacrylate microspheres (PMMA)
สารเติมเต็มโพลีเมธิลเมธาไครเลต (PMMA) หรือเรียกว่า พลาสติกสังเคราะห์ เป็นฟิลเลอร์แบบถาวร ไม่สามารถย่อยสลายเองได้ตามธรรมชาติ มีลักษณะเป็นเม็ดกลมเรียบ ขนาดเล็กมาก นอกจากนี้สาร PMMA นี้เป็นวัสดุสำหรับผลิตเครื่องมือทางการแพทย์โดยเฉพาะ เช่น เลนส์แก้วตาเทียม เป็นต้น
- สารเติมเต็ม Polyalkylimide
สารเติมเต็ม Polyalkylimide เป็นสารเติมเต็มที่อยู่ในกลุ่มฟิลเลอร์แบบกึ่งถาวร มักใช้สำหรับแก้ปัญหาริ้วรอยย่นลึก เช่น ร่องจมูก รอยแผลเป็น สามารถย่อยสลายเองได้บางส่วน แต่ยังมีสารตกค้างหลงเหลืออยู่ใต้ชั้นผิว หากต้องการนำฟิลเลอร์ออกต้องทำการขูดออกเท่านั้น ไม่สามารถฉีดยาสลายฟิลเลอร์ได้
คุณสมบัติสุดพิเศษของฟิลเลอร์ (Filler)
- ความแข็งของฟิลเลอร์ (Elasticity)
ฟิลเลอร์ที่มีความแข็งสูงที่มีความสามารถในการปั้นทรงขึ้นรูปได้อย่างดี ด้วยความคงตัวสูง เหมาะสำหรับการปรับโครงสร้างใบหน้าในชั้นกระดูก และการยกกระชับผิวชั้นลึก โดยเฉพาะบริเวณจมูก คาง ซึ่งต้องการความแม่นยำและความคงทนที่สมบูรณ์แบบ
- ความยืดหยุ่นของฟิลเลอร์ (Resilient)
คุณสมบัติยืดหยุ่นสูง โดดเด่นด้วยความสามารถในการปรับตัว เข้ากับการเคลื่อนไหวของใบหน้าได้อย่างดีเยี่ยม ให้ผลลัพธ์ที่ดูเรียบเนียนและเป็นธรรมชาติ โดยไม่ก่อให้เกิดก้อนหรือรอยไม่สม่ำเสมอกัน เหมาะสำหรับฉีดในบริเวณที่มีการเคลื่อนไหวบ่อย เช่น ร่องแก้ม มุมปาก หรือแก้มตอบ
- ความกระจายตัวของฟิลเลอร์ (Tissue Integration)
ฟิลเลอร์ที่มีความกระจายตัว ไม่เป็นก้อน เหมาะกับคนที่มีปัญหาผิวแห้ง ผิวบาง เพื่อให้ฉีดฟิลเลอร์เข้าไปแล้วมีความเรียบเนียนไปกับผิว
- ค่าอุ้มน้ำของฟิลเลอร์ (Water Holding)
เมื่อฉีดฟิลเลอร์ที่มีค่าอุ้มน้ำสูงเข้าสู่ผิวจะทำให้ผิวดูฟูมาก เหมาะสำหรับฉีดบริเวณขมับและร่องแก้ม และไม่เหมาะกับการฉีดใต้ตา
- จำนวนการเชื่อมพันธะของฟิลเลอร์ (Crosslink)
ฟิลเลอร์ที่มีจำนวนของพันธะเยอะ จะทำให้อยู่ได้นาน และอุ้มน้ำน้อยลง มีความฟูน้อยลง มีค่าความกระจายตัวปานกลาง เหมาะสำหรับการฉีดบริเวณที่มีการขยับบ่อย ซึ่งยี่ห้อฟิลเลอร์ที่โดดเด่นในด้านของเทคโนโลยี Crosslink คือ ฟิลเลอร์ยี่ห้อ Juvederm
- ขนาดเม็ดของฟิลเลอร์ (Particle size)
ฟิลเลอร์ที่มีเม็ดฟิลเลอร์ขนาดใหญ่ และมีค่าความแข็งสูง จะทำให้สามารถอยู่ได้นานขึ้น มีการกระจายตัวที่ต่ำ หากฉีดในตำแหน่งที่มีการขยับบ่อย ๆ จะอยู่ได้ไม่นาน ฟิลเลอร์ที่มีขนาดเม็ดใหญ่จึงเหมาะสำหรับการยกหน้าในผิวชั้นลึกได้ดีที่สุด ซึ่งฟิลเลอร์ยี่ห้อ Restylane จะโดดเด่นในเทคโนโลยีนี้ ซึ่งเรียกว่า เทคโนโลยี NASHA เป็นการใช้การขดเส้นใยของ Hyaluronic Acid ร่วมกับการใส่ Crosslink ทำให้ฟิลเลอร์เป็นเม็ดละเอียด เนื้อฟิลเลอร์จึงมีค่าความแข็งสูง เหมาะกับการยกผิวหน้าโดยเฉพาะ
เจาะลึก 3 เนื้อฟิลเลอร์ (Filler) มีแบบไหนบ้าง?
เบื้องหลังของแตกต่างของฟิลเลอร์แต่ละยี่ห้อไม่ได้อยู่แค่ที่ยี่ห้อเท่านั้น แต่อยู่ที่เทคโนโลยีการผลิตที่หลากหลายและแตกต่างกันไป ทำให้คุณสมบัติทางกายภาพไม่เหมือนกัน โดยเนื้อฟิลเลอร์จะแบ่งออกเป็น 3 แบบ ดังนี้
- ฟิลเลอร์เนื้อแข็ง : ลักษณะเนื้อแข็งเป็นกลุ่มก้อนมากกว่าฟิลเลอร์เนื้ออื่น ๆ มีความหนาแน่นสูง สามารถปั้นทรงได้ดี เหมาะสำหรับการฉีดเพื่อปรับโครงสร้างของใบหน้า เช่น กรอบหน้า คาง หรือฉีดยกกระชับ เพื่อเพิ่มมิติให้ใบหน้าให้ได้รูปทรงอย่างสวยงาม
- ฟิลเลอร์เนื้อนิ่ม : ลักษณะเจล ไม่เป็นก้อน มีความเรียบเนียน ค่อนข้างมีความยืดหยุ่น เหมาะสำหรับฉีดในบริเวณมุมปาก ร่องแก้ม แก้มตอบ หน้าผาก
- ฟิลเลอร์เนื้อละเอียด : ลักษณะเนื้อเจล มีความบางเบา เนื้อเรียบเนียนไปกับผิว เหมาะสำหรับฉีดในบริเวณที่ผิวบาง หรือฉีดบริเวณผิวชั้นตื้น เช่น ใต้ตา ร่องน้ำตา ริ้วรอยตื้น ๆ หรือฉีดเพื่อเติมเต็มน้ำให้ผิว มอบความฉ่ำวาว อีกทั้งยังสามารถฉีดริมฝีปากเพื่อแก้ไขปัญหาริมฝีปากแห้งได้อีกด้วย
ตำแหน่งที่เหมาะกับการฉีดฟิลเลอร์ (Filler)
ฟิลเลอร์ (Filler) มีคุณสมบัติในด้านการกักเก็บน้ำ เพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิวหน้า และมอบความยืดหยุ่นใต้ผิวหนังได้เป็นอย่างดี ทำให้ฟิลเลอร์สามารถนำมาฉีดได้หลายตำแหน่งบนใบหน้า ดังนี้
- ฉีดฟิลเลอร์หน้าผาก
ช่วยปรับรูปทรงหน้าผากให้ได้สัดส่วน แก้ไขปัญหาหน้าผากยุบ บุ๋ม แบน แก้ปัญหาริ้วรอยร่องลึก อีกทั้งฟิลเลอร์หน้าผากยังช่วยเติมเต็มให้หน้าผาก โหนกนูน เรียบเนียน เต่งตึงขึ้น
- ฉีดฟิลเลอร์ขมับ
ช่วยเติมเต็มบริเวณขมับที่ยุบตัวลงและเป็นแอ่งลึก ทำให้ขมับดูตื้น และขมับดูเต็มขึ้น ช่วยปรับใบหน้าให้ดูสมส่วน มีความสมดุลมากขึ้น
- ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา
ช่วยแก้ปัญหาขอบตาดำ ริ้วรอยใต้ตา เบ้าตาลึก ถุงใต้ตา โดยหลังฉีดฟิลเลอร์ทำให้ใต้ตาดูเต็มขึ้น สดใส และอ่อนเยาว์กว่าเดิม
- ฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้ม
ช่วยเติมเต็มร่องลึกบริเวณแก้มให้กลับมาเรียบเนียน ริ้วรอยร่องแก้มดูตื้นขึ้น ใบหน้ายกกระชับ แก้ปัญหาใบหน้าที่ดูแก่กว่าวัยให้กลับมาอ่อนเยาว์อีกครั้ง
- ฉีดฟิลเลอร์แก้มตอบ แก้มส้ม
ช่วยทำให้ใบหน้
าบริเวณแก้มดูเต็มขึ้น มีความกระชับ เต่งตึง ไม่หย่อนคล้อย อีกทั้งยังช่วยให้โหนกแก้มสูงมีความเด่นน้อยลง ทำให้ใบหน้าโดยรวมดูเด็กขึ้น
- ฉีดฟิลเลอร์ปาก
ช่วยเติมเต็มให้ปากมีความอวบอิ่ม ชุ่มชื้น และเต่งตึงขึ้น นอกจากนี้การฉีดฟิลเลอร์ปากยังช่วยปรับรูปทรงปากให้เป็นทรงต่าง ๆ ได้ตามความต้องการ เช่น ทรงปากสายเกา ทรงปากสายฝอ และยังสามารถแก้ปัญหาปากบาง ปากไม่เท่ากันได้
- ฉีดฟิลเลอร์มุมปาก
ช่วยแก้ปัญหามุมปากตก ปากคว่ำ ให้ยกและกระชับขึ้นได้อย่างรวดเร็ว ทำให้ทรงปากสวยงาม ดูมีมิติคล้ายกำลังอมยิ้ม ทำให้ดูสดใส เป็นมิตร
ยี่ห้อฟิลเลอร์ (Filler) มาแรง
ฟิลเลอร์ (Filler) มีหลากหลายยี่ห้อ ผลิตจากหลายบริษัท ซึ่งในแต่ละบริษัทมีสูตรการผลิตและเทคโนโลยีที่แตกต่างกันออกไป ดังนี้
กลุ่มฟิลเลอร์ (Filler) เติมเต็มร่องลึก
ฟิลเลอร์ยี่ห้อ Juvederm Filler
เป็นเทคโนโลยีฟิลเลอร์ (Filler) จากประเทศสหรัฐอเมริกา ที่มีพร้อมกับคุณสมบัติเนื้อฟิลเลอร์อุ้มน้ำได้ดี มีความยืดหยุ่นสูง ปรับตัวตามการเคลื่อนไหวของใบหน้าได้ ส่งผลให้ผลลัพธ์หลังฉีด ผิวมีความเรียบเนียน ดูเป็นธรรมชาติ ในปัจจุบันฟิลเลอร์ Juvederm มีให้เลือกถึง 7 รุ่น ด้วยกัน ดังนี้
- ฟิลเลอร์ Juvederm Volite ผลลัพธ์อยู่ได้นานถึง 9-12 เดือน
- ฟิลเลอร์ Juvederm Volift ผลลัพธ์อยู่ได้นานถึง 12 เดือน
- ฟิลเลอร์ Juvederm Volbella ผลลัพธ์อยู่ได้นานถึง 12 เดือน
- ฟิลเลอร์ Juvederm Ultra Plus XC ผลลัพธ์อยู่ได้นานถึง 12 เดือน
- ฟิลเลอร์ Juvederm Ultra XC ผลลัพธ์อยู่ได้นานถึง 12 เดือน
- ฟิลเลอร์ Juvederm Ultra Plus XC ผลลัพธ์อยู่ได้นานถึง 12 เดือน
- ฟิลเลอร์ Juvederm Voluma ผลลัพธ์อยู่ได้นานถึง 18-24 เดือน
- ฟิลเลอร์ Juvederm Volux ผลลัพธ์อยู่ได้นานถึง 18-24 เดือน
ฟิลเลอร์ยี่ห้อ Restylane Filler
เป็นฟิลเลอร์ (Filler) จากประเทศสวีเดน ช่วยเติมเต็มใบหน้าที่เกิดริ้วรอยเล็ก และริ้วรอยร่องลึกให้ใบหน้าเต็มขึ้น มอบผลลัพธ์ที่ดูเป็นธรรมชาติ นอกจากนี้ ยังสามารถแก้ปัญหาริมฝีปากโดยเฉพาะ เพราะเป็นฟิลเลอร์เนื้อละเอียด แต่มีความคงตัวสูง สามารถช่วยสร้างริมฝีปากให้อวบอิ่มขึ้น และยังช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้ริมฝีปากอีกด้วย ในปัจจุบันฟิลเลอร์ Restylane มีให้เลือกถึง 8 รุ่น ด้วยกัน ดังนี้
- ฟิลเลอร์ Restylane Vital Light ผลลัพธ์อยู่ได้นานถึงน 6-12 เดือน
- ฟิลเลอร์ Restylane Refyne ผลลัพธ์อยู่ได้นานถึง 8-12 เดือน
- ฟิลเลอร์ Restylane Perlane Lyft ผลลัพธ์อยู่ได้นานถึง 12 เดือน
- ฟิลเลอร์ Restylane Classic ผลลัพธ์อยู่ได้นานถึง 12 เดือน
- ฟิลเลอร์ Restylane Vital ผลลัพธ์อยู่ได้นานถึง 12 เดือน
- ฟิลเลอร์ Restylane Kysse ผลลัพธ์อยู่ได้นานถึง 12 เดือน
- ฟิลเลอร์ Restylane Volyme ผลลัพธ์อยู่ได้นานถึง 18 เดือน
- ฟิลเลอร์ Restylane Defyne ผลลัพธ์อยู่ได้นานถึง 18 เดือน
ฟิลเลอร์ยี่ห้อ Belotero Filler
เป็นฟิลเลอร์ (Filler) จากประเทศสวิตเซอร์แลนด์ เนื้อฟิลเลอร์คุณภาพระดับพรีเมียม มีความคงตัวสูง สามารถฉีดเสริมโครงสร้างกระดูกและเนื้อเยื่อผิวหนังที่ยุบตัวลงฟื้นฟูเนื้อเยื่อผิวหนังอย่างมีประสิทธิภาพ ในปัจจุบันฟิลเลอร์ Belotero มีให้เลือกถึง 6 รุ่น ด้วยกัน ดังนี้
- ฟิลเลอร์ Belotero Revive ผลลัพธ์อยู่ได้นานถึง 6-9 เดือน
- ฟิลเลอร์ Belotero Soft ผลลัพธ์อยู่ได้นานถึง 6-12 เดือน
- ฟิลเลอร์ Belotero Lips ผลลัพธ์อยู่ได้นานถึง 6-18 เดือน
- ฟิลเลอร์ Belotero Balance ผลลัพธ์อยู่ได้นานถึง 12-18 เดือน
- ฟิลเลอร์ Belotero Volume ผลลัพธ์อยู่ได้นานถึง 18 เดือน
- ฟิลเลอร์ Belotero Intense ผลลัพธ์อยู่ได้นานถึง 18 เดือน
ฟิลเลอร์ยี่ห้อ Definisse Filler
เป็นฟิลเลอร์ (Filler) จากประเทศอิตาลี ใช้เทคโนโลยี XTR™ Technology ที่ทำให้เนื้อฟิลเลอร์ผสานกันเป็น จึงมีความโดดเด่นในเรื่องช่วยยกกระชับผิวได้ดี ให้ผลลัพธ์ที่ดูเป็นธรรมชาติ ปัจจุบันมีทั้งหมด 3 รุ่น ด้วยกัน ดังนี้
- ฟิลเลอร์ Definisse core ผลลัพธ์อยู่ได้นานถึง 18 เดือน
- ฟิลเลอร์ Definisse touch ผลลัพธ์อยู่ได้นานถึง 8-12 เดือน
- ฟิลเลอร์ Definisse core ผลลัพธ์อยู่ได้นานถึง 18 เดือน
ฟิลเลอร์ยี่ห้อ Art Filler
เป็นฟิลเลอร์ (Filler) จากประเทศฝรั่งเศส ที่มาพร้อมเทคโนโลยีล้ำสมัยอย่าง TRI-HYAL Innovation ซึ่งโดดเด่นด้วยคุณสมบัติที่ช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นให้กับเนื้อฟิลเลอร์ได้อย่างเป็นธรรมชาติ ความพิเศษของ Art Filler คือความสามารถในการปรับเข้ากับโครงสร้างผิวได้อย่างลงตัว ช่วยเสริมความเรียบเนียนและผลลัพธ์ที่ดูเป็นธรรมชาติ ปัจจุบัน Art Filler ได้มีทั้งหมด 5 รุ่น ดังนี้
- ฟิลเลอร์ Fine lines ผลลัพธ์อยู่ได้นานถึง 12 เดือน
- ฟิลเลอร์ Universal ผลลัพธ์อยู่ได้นานถึง 18 เดือน
- ฟิลเลอร์ Volume ผลลัพธ์อยู่ได้นานถึง 12 เดือน
- ฟิลเลอร์ Lips soft ผลลัพธ์อยู่ได้นานถึง 3 – 6 เดือน
- ฟิลเลอร์ Lips ผลลัพธ์อยู่ได้นานถึง 3 – 6 เดือน
กลุ่มฟิลเลอร์ (Filler) งานผิว
แบ่งออกเป็น 2 กลุ่มด้วย คือ กลุ่มกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนที่เป็นอาหารผิว และกลุ่มฟิลเลอร์ประเภทไฮยาลูรอนิก แอซิด (HA) ดังนี้
กลุ่มกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอาหารผิว
- Radiesse : เป็นการฉีดสารกระตุ้นคอลลาเจนด้วย CaHA ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ฟื้นฟูถึงโครงสร้างผิว ทำให้ผิวดูอ่อนเยาว์ สุขภาพดีได้อย่างยาวนาน
- Rejuran : เป็นการฉีด Polynucleotide (PN) จาก DNA ของปลาแซลมอน ช่วยกระตุ้นกระบวนการฟื้นฟูของเซลล์ผิว เสริมสร้างเนื้อเยื่อให้แข็งแรง และช่วยบำรุงผิวให้ฉ่ำวาว
- Sculptra : เป็นการฉีดสารละลายประเภท PLLA ที่สังเคราะห์มาจากพืช ช่วยกระตุ้นให้เกิดการสร้างคอลลาเจน Type 1 ช่วยทำให้ผิวแน่นกระชับ อิ่มฟู และปรับปรุงคุณภาพผิวหน้าให้ดียิ่งขึ้น
กลุ่มฟิลเลอร์ (Filler)
- Restylane Vital Light : เป็นฟิลเลอร์ที่มีเนื้อละเอียด ออกแบบมาเพื่อช่วยในการฟื้นฟูคุณภาพผิว และลดเลือนริ้วรอยบนใบหน้า เหมาะกับการฉีดเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิวหน้า
- Juvederm volite : เป็นฟิลเลอร์ที่มีเนื้อละเอียด สามารถฉีดเพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิวหน้า ไม่เป็นก้อน และมีความเรียบเนียนเป็นธรรมชาติ
- Belotero revive : เป็นฟิลเลอร์ที่ช่วยเพิ่มคุณภาพผิวหน้า (Skin Quality) ด้วยการผสมผสานกันระหว่างกรดไฮยาลูรอนิกและกลีเซอรอล ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิวอย่างล้ำลึก และกักเก็บความชุ่มชื้นได้อย่างยาวนาน มอบผิวเปล่งปลั่ง กระจ่างใสอย่างเป็นธรรมชาติ
การเตรียมตัวก่อนฉีดฟิลเลอร์ (Filler)
- ก่อนฉีดฟิลเลอร์ (Filler) งดยาทาผลัดเซลล์ผิว หรือครีมในกลุ่ม Anti-Aging ทุกชนิด 3 วัน
- ก่อนฉีดฟิลเลอร์ (Filler) หลีกเลี่ยงยาต้านการอักเสบสเตียรอยด์หรือยาตัวอื่น ที่อาจเพิ่มความเสี่ยงการเลือดออกและการช้ำ เช่น ยาแก้ปวด และอาหารเสริมบางชนิด
- ก่อนฉีดฟิลเลอร์ (Filler) งดดื่มแอลกอฮอล์และงดการสูบบุหรี่อย่างน้อย 24 ชั่วโมง
ขั้นตอนของการฉีดฟิลเลอร์ (Filler)
- ทำความสะอาดใบหน้าในบริเวณที่ต้องการฉีด เพื่อความสะอาดและปลอดภัย
- แปะยาชา และ ประคบน้ำแข็งก่อนฉีดฟิลเลอร์ (Filler) เพื่อช่วยลดความเจ็บจากเข็ม
- ฉีดฟิลเลอร์ (Filler) บริเวณที่ได้วางแผนไว้
- หมอแนะนำวิธีดูแลหลังฉีดฟิลเลอร์ (Filler) เพื่อให้ฟิลเลอร์เข้าที่เร็ว และผลลัพธ์ที่อยู่ได้นานขึ้น
- หลังฉีดฟิลเลอร์ (Filler) จะมีการนัดติดตามผลหลังทำทุกเคส
การดูแลตัวเองหลังฉีดฟิลเลอร์ (Filler)
- หลังฉีดฟิลเลอร์ (Filler) หลีกเลี่ยงความร้อนทุกชนิด เช่น การอบไอน้ำ อบซาวน่า
- หลังฉีดฟิลเลอร์ (Filler) หลีกเลี่ยงกิจกรรมที่ทำให้หน้าแดง เช่น ออกกำลังกายหนัก ๆ
- หลังฉีดฟิลเลอร์ (Filler) งดดื่มแอลกอฮอล์และสูบบุหรี่
- หลังฉีดฟิลเลอร์ (Filler) งดเลเซอร์ผิว อย่างน้อย 1 เดือน
- หลังฉีดฟิลเลอร์ (Filler) หลีกเลี่ยงการแตะ เกา นวด และ คลึง อย่าขยับใบหน้าเยอะ โดยเฉพาะในช่วง 3 วันแรก
- หลังฉีดฟิลเลอร์ (Filler) ควรดื่มน้ำมาก ๆ เพื่อให้เนื้อฟิลเลอร์ฟูขึ้น
ฟิลเลอร์ (Filler) รวมคำถามยอดฮิต
คำถามเกี่ยวกับฟิลเลอร์
Q : ฉีดฟิลเลอร์ (Filler) ควรใช้กี่ cc?
A : ปริมาณที่ใช้ขึ้นอยู่กับตำแหน่งที่ต้องการฉีด ความลึกของริ้วรอย และรูปทรงใบหน้าของแต่ละบุคคล โดยปกติทั่วไปการฉีดฟิลเลอร์บริเวณต่าง ๆ ใช้ปริมาณดังนี้
- ฉีดฟิลเลอร์หน้าผาก 3-5 CC
- ฉีดฟิลเลอร์ขมับ ข้างละ 2-4 CC
- ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา 1-3 CC
- ฉีดฟิลเลอร์แก้มตอบ ข้างละ 1-2 CC
- ฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้ม 1-3 CC
- ฉีดฟิลเลอร์ปาก 1-2 CC
- ฉีดฟิลเลอร์คาง 1-2 CC
Q : ฉีดฟิลเลอร์ (Filler) อันตรายไหม?
A : การฉีดฟิลเลอร์ด้วยสารเติมเต็มประเภทไฮยาลูรอนิก แอซิด (Hyaluronic Acid หรือ HA) เป็นฟิลเลอร์ชนิดนี้มีคุณสมบัติในการย่อยสลายตัวเองตามธรรมชาติ 100% ทำให้ไม่อันตราย ซึ่งการฉีดฟิลเลอร์ประเภทไฮยาลูรอนิก แอซิด (Hyaluronic Acid หรือ HA) จะช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นได้อีกด้วย
Q : ฉีดฟิลเลอร์ (Filler) อยู่ได้นานแค่ไหน?
A : ฟิลเลอร์สามารถอยู่ได้นาน 12-18 เดือน ขึ้นอยู่กับยี่ห้อของฟิลเลอร์ และการดูแลตนเองในแต่ละบุคคล
Q : ฉีดฟิลเลอร์ (Filler) แล้วสามารถสลายไปเองได้ไหม?
A : ฟิลเลอร์แท้ที่ผ่านมาตรฐานจาก อย. สามารถสลายได้เองตามธรรมชาติ 100% สามารถเติมใหม่ได้เรื่อย ๆ
Q : ฉีดฟิลเลอร์ (Filler) กี่วันเข้าที่ และกี่วันเห็นผลลัพธ์?
A : หลังจากการฉีดฟิลเลอร์ อาจมีอาการบวมเกิดขึ้น ซึ่งเป็นเรื่องปกติ และจะค่อย ๆ หายไปเองภายใน 4-5 วัน หลังจากนั้น ผลลัพธ์ที่ชัดเจนจะเริ่มปรากฏให้เห็นอย่างเต็มที่ประมาณ 2-3 สัปดาห์หลังการฉีด
Q : ฉีดฟิลเลอร์(Filler) แล้วเป็นก้อน เพราะอะไร?
A : กรณีที่ฉีดฟิลเลอร์แท้แล้วเป็นก้อน อาจเกิดจากการที่แพทย์ไม่มีประสบการณ์มากพอ เช่น ฉีดฟิลเลอร์ตื้นเกินไปที่บริเวณร่องแก้มและใต้ตา เป็นต้น รวมไปถึงการฉีดฟิลเลอร์กลุ่ม Calcium hydroxylapatite, polymethylmethacrylate และ ซิลิโคนเหลว เป็นฟิลเลอร์ที่สลายไม่หมด ไม่มีความปลอดภัย ไม่ผ่าน อย. อาจทำให้เกิดอาการบวม อาการแพ้ รอยแดง รวมไปถึงเกิดเป็นก้อนแข็งได้
Q : ฉีดฟิลเลอร์ (Filler) แล้วบวม เพราะอะไร?
A : อาจเกิดอาการบวม มีรอยแดง เขียวช้ำ หรือคันได้ในบริเวณที่ทำนับเป็นเรื่องปกติ ควรหลีกเลี่ยงการเกา แตะ นวด คลึง ในบริเวณที่ฉีด ซึ่งอาการต่าง ๆ จะดีขึ้นภายใน 2-3 วัน หากหลังจาก 3 วันอาการดังกล่าวเป็นมากขึ้น ให้ติดต่อแพทย์ประจำคลินิกเพื่อทำการรักษาต่อไป
Q : ฉีดฟิลเลอร์ (Filler) บวมกี่วัน?
A : อาการบวมหลังจากการฉีดฟิลเลอร์ มักจะค่อย ๆ หายไปเองภายในประมาณ 3-5 วัน นอกจากอาการบวมแล้ว อาจพบผลข้างเคียงอื่น ๆ เช่น ผื่นหรือจุดแดงบริเวณรอยเข็ม ซึ่งจะหายได้เองภายหลังเช่นกัน นอกจากนี้ อาจมีอาการปวดร่วมด้วย ซึ่งสามารถบรรเทาได้โดยการรับประทานยาแก้ปวดตามอาการ
Q : อาการแพ้ฟิลเลอร์ (Filler) เป็นอย่างไร?
A : อาการแพ้ฟิลเลอร์ จะมีลักษณะเป็นก้อนนูนและอักเสบได้ โดยบริเวณที่ฉีดจะมีรอยแดง สามารถรักษาได้โดยการฉีดสลายฟิลเลอร์
สรุปเรื่องของฟิลเลอร์ (Filler) เติมเต็มผิวสวย
ฟิลเลอร์ (Filler) เป็นหนึ่งในตัวช่วยที่ดีสำหรับการปรับรูปหน้าให้ดูอ่อนเยาว์มากขึ้น อีกทั้งยังช่วยลดเลือนริ้วรอย ช่วยชะลอวัย และได้รับมาตรฐานการรับรองจาก อย. ไม่มีสารตกค้าง สามารถสลายได้เองตามธรรมชาติ ซึ่งการตัดสินใจทำสวยด้วยการฉีดฟิลเลอร์นั้น ควรพิจารณาอย่างรอบคอบ โดยเฉพาะการเลือกคลินิกและแพทย์ที่มีประสบการณ์ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่เป็นธรรมชาติและปลอดภัย