ใคร ๆ ก็อยากมีใบหน้าอ่อนเยาว์ ผิวพรรณเต่งตึงกระชับ เปล่งปลั่งสดใส แต่เมื่ออายุมากขึ้น ปัญหาผิวหน้าที่หลายคนไม่อยากให้เกิดขึ้นอย่างริ้วรอยและความหย่อนคล้อยก็เริ่มถามหา แน่นอนว่าทุกคนอยากคงผิวหน้าให้ดูอ่อนวัย หน้าเด็กอยู่ตลอดเวลา แต่ก็ไม่อาจฝืนโครงสร้างผิวที่เปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลาได้
ซึ่งปัจจุบันนวัตกรรมทางการแพทย์ที่ได้รับการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง สามารถช่วยชะลอวัย ยกกระชับใบหน้ารวมทั้งแก้ไขปัญหาผิวต่าง ๆ ที่เกิดจากกล้ามเนื้อบนใบหน้าจะลีบลงและสูญเสียไปตามอายุ เช่นเดียวกันกับกล้ามเนื้อส่วนอื่นบนร่างกาย ทำให้ผิวคงความอ่อนเยาว์และยืดหยุ่น ที่มีชื่อเรียกว่า “EMFACE” โดยไม่ต้องผ่าตัดให้เจ็บตัว ด้วยนวัตกรรมใหม่ล่าสุดแห่งวงการยกกระชับผิวในปี 2023 ที่ช่วยแก้ปัญหาผิวหย่อนคล้อย ริ้วรอย หรือปัญหาผิวตามวัยต่าง ๆ
Emface คืออะไร
Emface นวัตกรรมยกกระชับใบหน้าโดยการส่งคลื่นพลังงานประสิทธิภาพสูงลงลึกสู่ชั้นกล้ามเนื้อได้เป็นครั้งแรกของโลก เสมือนการออกกำลังผิวหน้า ทำให้เกิดการยกกระชับจากภายในสู่ภายนอก ผิวหน้าดูอ่อนกว่าวัยอย่างเป็นธรรมชาติมากขึ้น ไม่ก่อให้เกิดการบาดเจ็บหรือทำลายเซลล์ผิว
โดย Emface แตกต่างจากกลไกของเทคโนโลยีที่ใช้คลื่นพลังงานอื่น ๆ ในตลาดปัจจุบัน จุดนี้ทำให้ Emface กลายเป็นนวัตกรรมทางเลือกใหม่ที่สามารถตอบโจทย์ปัญหาผิวหย่อนคล้อยและริ้วรอย ให้ผลลัพธ์ผิวดูอ่อนเยาว์ตึงกระชับขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ โดยไม่ต้องพึ่งเข็ม การผ่าตัด และการพักฟื้นใด ๆ เพียงแค่นอนอยู่เฉย ๆ ผิวก็เฟิร์มขึ้นได้ทันที ซึ่ง Emface ได้ผ่านการวิจัยและได้รับรองประสิทธิภาพความปลอดภัยจาก อย. อเมริกา และ ทั่วโลกอีกด้วย
Emface Submentum รุ่นใหม่ ต่างกันกับ Emface รุ่นเก่าอย่างไร
Emface Submentum เป็นเทคโนโลยีใหม่ล่าสุดที่ถูกพัฒนามาจากการทำ Emface แบบเดิม ซึ่งเทคโนโลยีใหม่นี้ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก เนื่องจาก Emface Submentum เป็นนวัตกรรมยกกระชับใบหน้าที่เห็นผลลัพธ์ชัดเจน และหากทำหัตถการครบตามระยะเวลาที่แพทย์แนะนำ จะทำให้ผลลัพธ์คงสภาพได้นานมากกว่า 1 ปี ทั้งนี้ ผลลัพธ์จะขึ้นอยู่กับสภาพผิวหน้าของแต่ละคนด้วยค่ะ
จุดเด่นของเครื่อง Emface Submentum คือ การช่วยลดเหนียงและลดกล้ามเนื้อบริเวณใต้คาง ที่เป็นแหล่งสะสมของไขมัน โดยนวัตกรรมนี้จะมีการใช้คลื่นวิทยุอย่าง Synchronized Radiofrequency และคลื่น HIFES ที่เป็นคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าความเข้มข้นสูงยิงลึกลงไปในชั้นกล้ามเนื้อ เพื่อเป็นการกระตุ้นกล้ามเนื้อบริเวณใต้คางหรือเหนียงนั่นเอง
ซึ่งผลลัพธ์ของการกระตุ้นกล้ามเนื้อจะทำให้กล้ามเนื้อมีความหนาแน่นเพิ่มมากขึ้น และเป็นการเพิ่มความแข็งแรงให้กับกล้ามเนื้อ นอกจากนี้ Emface Submentum ยังช่วยลดเซลล์ไขมันส่วนเกินที่สะสมบริเวณใต้คาง ทั้งยังกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอีลาสตินบริเวณใต้ผิวหนังอีกด้วย จึงทำให้ผลลัพธ์หลังยกกระชับมีความยืดหยุ่น ดูอิ่มฟูมากยิ่งขึ้น และที่สำคัญยังช่วยลดเหนียงใต้คาง โดยไม่ต้องพึ่งเข็มหรือการผ่าตัดเลยค่ะ
Emface ช่วยอะไรได้บ้าง?
EMFACE จากบริษัท BTL เป็นการรักษาร่างกายที่ผสมผสานเทคโนโลยี (HIFES + Synchronized RF) คลื่นกระแสไฟฟ้าที่มีความเข้มสูง ที่กระตุ้นกล้ามเนื้อเพื่อช่วยในการยกกระชับ ซึ่งทำงานร่วมกับพลังงาน RF ไปเผาผลาญไขมัน และกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนกับอีลาสตินไปพร้อม ๆ กัน
- ยกกระชับผิวด้วยพลังงานคลื่น RF และ HIFES
- กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอีลาสติน ให้ผิวอิ่มฟู
- กระตุ้นการทำงานของกล้ามเนื้อใบหน้าให้กลับมาแข็งแรง ช่วยให้ผิวยกกระชับ
- ลดเลือนริ้วรอยคุณภาพผิวดีขึ้น ผิวเรียบเนียน อ่อนเยาว์
- ยกระดับการยกกระชับผิวโดยไม่เจ็บ ไม่ใช้เข็ม ไม่ทายาชา ไม่ต้องพักฟื้น
Emface ทำงานอย่างไร อะไรอยู่ใต้แผ่น Emface
การทำงานของ Emface ถือว่าเป็นครั้งแรกของโลกที่ผสาน 2 พลังพร้อมกันในเทคโนโลยีเดียวกัน เพื่อดูแลทั้งผิวหน้าและกล้ามเนื้อ ด้วยการผสมผสานระหว่างคลื่นกระแสไฟฟ้า HIFES และ RF ทำให้กล้ามเนื้อลีบบนใบหน้าและผิวหนังเปลี่ยนแปลงพร้อมกัน
ซึ่งขณะที่ทำ Emface ผิวของคุณจะรู้สึกอุ่นขึ้น แต่ไม่ถึงกับร้อน ซึ่งเป็นอุณหภูมิที่จะกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอีลาสตินใหม่ในผิวหนัง แต่ไม่กระทบต่อไขมันบนใบหน้า เพราะเป็นการวอร์มกล้ามเนื้อก่อนเพื่อให้การหดตัวมีประสิทธิภาพมากขึ้นนั้นเอง
สำหรับใครที่สงสัยว่าอะไรอยู่ใต้แผ่นแปะ Emface รมย์รวินท์มีคำตอบ
บริเวณใต้แผ่นแปะ (𝗔𝗽𝗽𝗹𝗶𝗰𝗮𝘁𝗼𝗿) ได้ถูกออกแบบมาเพื่อปล่อยพลังงานทั้งหมด 2 ชนิด ดังนี้
1. 𝗛𝗜𝗙𝗘𝗦 (High Intensity Facial Electrical Stimulation) คือ พลังงานรูปแบบใหม่ที่ทำหน้าที่กระตุ้นการทำงานของกล้ามเนื้อที่ช่วยในการยกผิวขึ้น
2. 𝗦𝘆𝗻𝗰𝗵𝗿𝗼𝗻𝗶𝘇𝗲𝗱 𝗥𝗙 (พลังงานวิทยุชนิดขั้วเดียว) ซึ่งสามารถควบคุมอุณหภูมิให้อยู่ที่ 42 องศา นี่จึงเป็นที่มาว่าทำไมตอนทำ Emface ผิวคุณจึงมีความอุ่นขึ้น ทำให้ไม่เกิดความเสียหายต่อเซลล์ไขมันหรือเกิดการสูญเสียไขมัน พร้อมผลลัพธ์ ผิวอิ่มฟูอย่างเป็นธรรมชาติผ่านการกระตุ้นคอลลาเจนและอีลาสตินใต้ชั้นผิว นอกจากนี้ยังเป็นการยกกระชับผิวที่ไม่ทำให้หน้าตอบอีกด้วย
Emface เหมาะกับใคร?
การทำ Emface นั้นมีประโยชน์ต่อใบหน้าของเรามากมาย โดยสร้างการยกกระชับผิว พร้อมกับฟื้นฟูคอลลาเจนให้ผิวอิ่มฟูดูแน่นขึ้น และช่วยลดริ้วรอยบนใบหน้า นอกจากนี้ Emface ยังช่วยปรับสีผิวของกล้ามเนื้อบนใบหน้าเพื่อให้ผิวโดยรวมสดชื่น กระชับขึ้น และเรียบเนียนขึ้นอีกด้วย
ซึ่งการทำ EMFACE นั้นถือว่าเป็นอีกทางเลือกที่เป็นนวัตกรรมใหม่ล่าสุดของโลก ที่ช่วยเรื่องการยกกระชับใบหน้าที่ลงลึกถึงชั้นกล้ามเนื้อ ไม่ว่าจะเป็นการยกคิ้วและทำให้โหนกแก้มดูโดดเด่นขึ้น ใช้ระยะเวลาในการทำไม่นาน ไม่เจ็บ ไม่ต้องแปะยาชา ไม่มีเข็ม และไม่ต้องพักฟื้นเลยค่ะ
- Emface เหมาะกับคนที่ต้องการชะลอวัย และชะลอการทำศัลยกรรมดึงหน้า
- Emface เหมาะกับคนที่มีความหย่อนคล้อยของใบหน้า ต้องการลดเลือนริ้วรอย
- Emface เหมาะกับต้องการยกกระชับกล้ามเนื้อใบหน้า ทำให้ผิวหน้ายกขึ้น และเฟิร์มกระชับ
นวัตกรรม Emface เหมาะกับช่วงอายุเท่าไหร่?
คำว่าอายุเพียงตัวเลข ถ้าใช้คำนี้ก็คงไม่เกินเลยค่ะ เพราะว่าจริง ๆ แล้วในการทำ Emface สามารถทำได้ตั้งแต่อายุ 25 ปี เพราะว่าคนช่วงอายุ 25 ปี ก็มีโอกาสเกิดปัญหาผิวหย่อนคล้อยได้ เนื่องจากมลพิษทางอากาศที่เพิ่มขึ้น
ถ้าหากทำ Emface ตั้งแต่ปัญหาผิวยังไม่มากก็สามารถเห็นผลลัพธ์ชัดเจน เนื่องจาก Emface จะช่วยลดผิวหย่อนคล้อย ลงลึกได้ถึงระดับชั้นกล้ามเนื้อ ซึ่งเป็นชั้นผิวที่อยู่ลึกที่สุด
Emface ช่วยยกกระชับผิวบริเวณใดบ้าง?
Emface เป็นนวัตกรรมยกกระชับใบหน้า ด้วยคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า กระตุ้นกล้ามเนื้อใบหน้า ที่ได้รับการรับรองจาก FDA อเมริกา ไม่อันตรายต่อสมอง เส้นประสาท และผิวหน้า โดยสามารถทำได้บริเวณที่มีกล้ามเนื้อ ดังนี้
- ผิวช่วงบริเวณหน้าผาก กล้ามเนื้อหน้าผาก ช่วยทำให้คิ้วยก
- ผิวช่วงบริเวณแก้ม ทั้ง 2 ข้าง ในส่วนที่เป็นกล้ามเนื้อ Zygomaticus Major, Zygomaticus Minor และ Risorius ซึ่งอาจจะรวมไปถึงแนวสันกราม ช่วยให้ผิวหนังบริเวณแก้มยก อีกทั้งยังให้แนวกรามชัดขึ้น
Emface ต่างจาก Ulthera, Thermage อย่างไร
ปัจจุบันมีเทคนิคการยกกระชับผิวนั้นมากมายหลายรูปแบบให้ผู้เข้ารับบริการเลือกใช้ ทั้ง Ulthera กับ Thermage และ Emface โดยเป็นนวัตกรรมยกกระชับใบหน้าโดยการส่งคลื่นพลังงานไปยังชั้นผิวเช่นกัน แต่ได้ผลลัพธ์ที่ต่างกัน แล้วเครื่องไหนเหมาะกับคุณกันเเน่ล่ะ?
Ulthera ถือว่าเป็นเครื่องมือยกกระชับผิวที่หลายคนน่าคุ้นเคยกันไม่มากก็น้อย เพราะได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก สามารถช่วยยกผิวหน้าที่หย่อนคล้อย ปรับกรอบหน้าให้คมชัดขึ้น อีกทั้งยังช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน และอีลาสตินได้อีกด้วย ส่งผลให้ริ้วรอยลดเลือนลง ใบหน้ากลับมาอ่อนเยาว์ได้อีกครั้ง แบบที่ไม่ต้องผ่าตัดดึงหน้าเลยทีเดียว ซึ่งทั้ง Ulthera และ Hifu นั้นใช้เทคโนโลยีเดียวกันอย่างคลื่นอัลตราซาวนด์ความถี่สูง (Hight intensity focus ultrasound Macrofocus)
แต่สำหรับใครที่ยังสงสัยเกี่ยวกับการทำงานของ Ulthera และ Hifu สามารถคลิกอ่านต่อได้ที่ >> hifu รีวิว ต่างจาก Ulthera อย่างไร?
Thermage อีกหนึ่งเครื่องมือยกกระชับผิวหน้าที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากไม่เเพ้ตัวอัลเทอร่า (Ulthera) เลย เนื่องจากสามารถปรับรูปหน้าให้เรียวขึ้นได้อย่างมีมิติ ช่วยแก้ปัญหาแก้มห้อย ลดการสะสมของไขมันบริเวณกรอบหน้าและเหนียงที่ทำให้กรอบหน้าไม่ชัด กระตุ้นการทำงานของคอลลาเจน แถมยังช่วยฟื้นฟูสภาพผิวได้อย่างล้ำลึก
Emface คือเครื่องมือยกกระชับผิวหน้าใหม่ล่าสุด ที่มีการทำงานของ HIFES บนบริเวณแก้มทั้ง 2 ข้าง ช่วยกระตุ้นการทำงานของกล้ามเนื้อ Zygomaticus major, Zygomaticus minor และ Risorius ซึ่งเป็นกล้ามเนื้อที่ช่วยในการยกผิวขึ้น อย่างบริเวณร่องแก้มที่เหี่ยวลงจะช่วยให้กล้ามเนื้อส่วนนั้นดูยกขึ้น ในส่วนกล้ามเนื้อหน้าผาก Frontalis ที่ช่วยดึงและยกหน้าผากขึ้น ทำให้หน้าเกิดการยกกระชับ
เทคโนโลยี Emface สามารถยกกระชับในชั้นของกล้ามเนื้อส่วนใบหน้าซึ่งเป็นชั้นที่ลึกกว่าชั้น SMAS นอกจากนี้การทำงานของ RF ช่วยให้เกิดการสร้างของคอลลาเจนกับอีลาสตินเพิ่มขึ้น ลดริ้วรอยทำให้หน้าดูเด็กขึ้น ดูอ่อนเยาว์อย่างเป็นธรรมชาติ
การทำงานของ Emface เป็นการส่งคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าที่มีความเข้มสูงที่มี 2 พลังงานอย่าง MIFES ที่สามารถส่งพลังงานลงลึกไปถึงชั้นกล้ามเนื้อซึ่งอยู่ลึกกว่าชั้น SMAS ทำให้กล้ามเนื้อใบหน้ามีความแข็งแรงและทำให้ผิวยกกระชับขึ้น นอกจากนี้ Emface ยังมีคลื่นพลังงาน RF ที่ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอีลาสตินในชั้นผิวหนัง รวมถึงการสลายไขมัน เรียกได้ว่ามี 2 พลังงานไว้ในตัวเดียวกัน
สรุปเลยก็คือการทำงานของ Ulthera และ Thermage ใช้พลังงานเพียง 1 ชนิด แต่ Emface นั้นจะใช้พลังงาน 2 ชนิด สามารถส่งพลังงานไปคนละชั้น ทั้งในชั้นกล้ามเนื้อที่ลึกกว่าชั้นผิวเพื่อยกกระชับ และที่ชั้นผิวเพื่อกระตุ้นคอลลาเจนและอีลาสตินนั่นเองค่ะ
ผลลัพธ์ของการทำเอ็มเฟซ Emface หลังทำเสร็จจะเห็นได้ทันทีพบว่า ริ้วรอยบนใบหน้าลดลง 37% ในบริเวณที่ต้องการ เพิ่มกล้ามเนื้อ 30% มีความหนาแน่นของกล้ามเนื้อเพิ่มขึ้น 19% ใบหน้าดีขึ้นยกกระชับขึ้นจากเดิม 23% คอลลาเจนเพิ่มขึ้น 26% มีการผลิตอีลาสตินเพิ่มขึ้นสองเท่า ซึ่งผิวจะได้รับการฟื้นฟูและกระตุ้นคอลลาเจนอย่างต่อเนื่อง โดยจะเห็นผลอย่างเต็มประสิทธิภาพที่สุดในการทำ 4 ครั้ง และเห็นผลภายใน 1 เดือน เพื่อให้การรักษาได้ผลลัพธ์ที่ดี ควรจะทำสัปดาห์ละ 1 ครั้ง ใช้เวลาในการทำเพียง 20 นาทีเท่านั้น
Emface อันตรายไหม? มีผลทำร้ายประสาท และสมองไหม?
สำหรับคนที่ยังสงสัยว่าทำ Emface เเล้วปลอดภัยไหม? เนื่องจากการรักษาเป็นคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าที่มีความเข้มสูง หลายคนก็อาจกังวลในเรื่องของผลข้างเคียงกับประสาทและสมองหรือไม่?
ต้องบอกเลยว่า Emface ใช้พลังงานกระตุ้นไฟฟ้าเฉพาะจุด ซึ่งถือว่าปลอดภัย และได้รับการรับรองจาก FDA อเมริกา โดยผลข้างเคียงของการทำ Emface นั้นอาจจะมีความกังวลเนื่องจากขณะทำมีอาการปวดกล้ามเนื้อเล็กน้อย และผิวอาจเป็นสีชมพูถึงแดงเล็กน้อยหลังการรักษาจากการทำ Emface แต่อาการเหล่านี้จะพบได้น้อยมากเลยค่ะ
สิ่งที่ควรรู้ก่อนทำ Emface
ข้อควรรู้ในการทำ Emface แม้ว่าจะเป็นการใช้พลังงานกระตุ้นไฟฟ้าเฉพาะจุด ถือว่าปลอดภัย ได้รับการรับรองจาก FDA อเมริกา แต่อาจจะมีอาการปวดกล้ามเนื้อเล็กน้อยขณะทำ และผิวอาจเป็นสีชมพูถึงแดงเล็กน้อยหลังการรักษาจากการทำ Emface แต่อาการเหล่านี้จะพบได้น้อยมาก ดังนั้นควรทำกับแพทย์ที่มีประสบการณ์ ผ่านการอบรม Emface และเป็นคลินิกที่ได้มาตรฐาน ซึ่งจะมั่นใจได้ในความปลอดภัย และผลลัพธ์ที่ออกมาค่ะ
ขั้นตอนการทำ Emface
ขั้นตอนการทำ Emface พนักงานจะทำการใช้คลีนซิ่งทำความสะอาดผิวหน้า จากนั้นคุณหมอจะแปะแผ่นทรีทเม้นต์บนบริเวณหน้าผาก และหน้าแก้ม ขณะทำ Emface จะรู้สึกเหมือนดึงเบา ๆ บนบริเวณกล้ามเนื้อแก้ม เนื่องจากมีการหดตัวของกล้ามเนื้อเล็กน้อย การหดตัวของกล้ามเนื้อจะให้ความรู้สึกเหมือนมีแผ่นมากส์หน้าอุ่น ๆ
ดูแลตนเองหลังทำ Emface อย่างไรดี?
หลังจากการทำ Emface เสร็จแล้วจะรู้สึกว่าริ้วรอยและผิวหน้าที่เคยหย่อนคล้อยดูยกกระชับขึ้น ซึ่งคนไข้สามารถกลับไปใช้ชีวิตและทำกิจกรรมได้ตามปกติทันทีโดยไม่ต้องพักฟื้นเลยค่ะ
แต่ในบางรายอาจพบอาการปวดเมื่อยล้ากล้ามเนื้อบนใบหน้าได้บ้าง ซึ่งอาการนี้สามารถพบได้น้อยมาก หรือหากพบอาการดังกล่าวก็สามารถหายได้เองภายใน 1 วัน
ใครบ้างที่ไม่ควรทำ Emface
สำหรับผู้ที่ไม่เหมาะกับการทำ Emface ได้แก่ สตรีมีครรภ์และสตรีให้นมบุตร เนื่องจากเป็นเทคโนโลยีที่มีคลื่นกระแสไฟฟ้าความถี่ RF และ HIFES อาจจะส่งผลต่อบุตรในท้องได้ค่ะ
รีวิวยกกระชับ Emface
หน้าเริ่มมีความแก่ ต้องมาลอง 𝗘𝗠𝗙𝗔𝗖𝗘 สักครั้งนะคะ ที่ Romrawin Clinic ตอบโจทย์เรื่องการยกกระชับผิว ร่องแก้มตื้นขึ้น กระเปาะแก้มยุบ ริ้วรอยลดลง แบบไม่เจ็บ ไม่ใช้เข็ม และไม่ต้องพักฟื้น
คำถามที่พบบ่อย
1. Emface เจ็บไหม?
สำหรับความรู้สึกในการทำ Emface นั้น บอกเลยค่ะว่าสบายมาก ไม่เจ็บเลย แต่เราจะรู้สึกเหมือนแผ่นทรีทเม้นต์อุ่น ๆ ที่จะทำให้มีการหดตัวของกล้ามเนื้อเล็กน้อย โดยการกระตุ้นกล้ามเนื้อแก้มนั้น จะให้ความรู้สึกเหมือนแผ่นแปะถูกดึงเบา ๆ แค่รู้สึกแต่ไม่ถึงกับขั้นเจ็บอะไรค่ะ แต่ผิวในบริเวณนั้นก็อาจจะถูกดึงไปด้วย และอาจจะทำให้ตาหรี่ลง หรือยิ้มเล็กน้อยระหว่างการทำ Emface บริเวณกล้ามเนื้อแก้มทั้ง 2 ข้าง เนื่องจากกล้ามเนื้อบริเวณข้างเคียงรับการรักษาระหว่างการรักษา ผลในการศึกษาผู้ทดลองทำ Emface มีกล้ามเนื้อเพิ่มขึ้น 30% และความหนาแน่นของกล้ามเนื้อ 19% หลังจากการรักษาด้วย Emface ทั้งหมด 4 ครั้ง
2. Emface เห็นผลลัพธ์เมื่อไหร่ อยู่นานแค่ไหน?
หลังทำโปรแกรม EMFACE ตั้งแต่ครั้งแรก จะรู้สึกว่าผิวจะยกกระชับได้ทันที และเพื่อต้องการให้กล้ามเนื้อถูกกระตุ้นและดึงประสิทธิภาพการทำงานของกล้ามเนื้อได้เต็มที่ และเห็นผลลัพธ์อย่างชัดเจน ควรทำ 4 ครั้ง ติดต่อกันโดยเว้นระยะห่างอาทิตย์ละ 1 ครั้ง ซึ่งผลลัพธ์จะอยู่นานถึง 1 ปี
3. ทำ Emface กี่ครั้งเห็นผล?
หลังทำเอ็มเฟซ Emface เสร็จจะเห็นผลลัพธ์ได้ทันทีเลยว่า ริ้วรอยบนใบหน้าลดลง และในบริเวณที่ต้องการเพิ่มกล้ามเนื้อ มีความหนาแน่นของกล้ามเนื้อเพิ่มขึ้น รู้สึกใบหน้าดีขึ้นยกกระชับขึ้นจากเดิม
*ข้อแนะนำ เพื่อให้การรักษาได้ผลลัพธ์ที่ดี ควรจะทำสัปดาห์ละ 1 ครั้ง ใช้เวลาในการทำเพียง 20 นาที
4. Emface สามารถทำร่วมกับ Filler หรือ Botox ได้ไหม?
คำตอบก็คือ “สามารถทำร่วมกันได้ค่ะ” แต่ถึงอย่างนั้นการยกกระชับหน้าด้วยทั้งอัลเทอร่าและโบท็อกควบคู่กันอาจไม่ได้เป็นวิธีการที่แพทย์แนะนำให้กับสาว ๆ ทุกคน เพราะถึงแม้จะให้ผลลัพธ์ที่ชัดเจนมากขึ้น แต่ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับปัญหาที่คนไข้มีด้วยนั่นเอง
หากคุณหมอประเมินใบหน้าแล้วว่า การฉีดโบท็อกลดกรามเพื่อปรับรูปหน้าเป็นวิธีที่ตอบโจทย์คนไข้ที่สุดก็ควรทำตามคำแนะนำ หรือถ้าคนไข้มีปัญหาความหย่อนคล้อยหรือริ้วรอยในระดับปานกลาง ไม่ได้เป็นร่องลึก การทำอัลเทอร่าอย่างเดียวก็เพียงพอแล้ว เพราะหากทำควบคู่กันไปโดยไม่พิจารณาให้ดี ก็อาจเกิดปัญหาต่าง ๆ ขึ้นมาแทนที่จะได้ใบหน้าที่ดูดีเป็นธรรมชาติ
5. ทำ Emface ต้องทำโดยแพทย์หรือไม่?
การทำ Emface ควรทำโดยแพทย์เท่านั้นค่ะ เพราะการวางตำแหน่งแผ่นแปะของ Emface จะต้องวางตำแหน่งให้ถูกต้องและสัมพันธ์กับการทำงานของกล้ามเนื้อ Zygomaticus major , Zygomaticus minor และ Risorius ซึ่งเป็นกล้ามเนื้อที่ช่วยในการยกหน้าขึ้น และช่วยในการยิ้ม ซึ่งการวางตำแหน่งที่ถูกต้องจะทำให้ได้รับผลลัพธ์หลังทำที่ดีและมีประสิทธิภาพที่สุด
สำหรับใครที่อยากหน้าเด็กดูลงด้วยโปรแกรม Emface รมย์รวินท์ คลินิก เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ดีสำหรับคุณนะคะ เพราะเราใช้เครื่องผ่านมาตรฐาน และที่สำคัญคือเรามีทีมแพทย์ที่มีประสบการณ์การดูแลผิวพรรณและความงาม พร้อมเทคนิคพิเศษเฉพาะที่ Romrawin clinic ที่จะช่วยประเมินวิเคราะห์รูปหน้าของแต่ละบุคคล เพื่อแก้ไขปัญหาผิวของคุณอย่างเห็นผลชัดเจนและมีประสิทธิภาพที่ดีที่สุดด้วยค่ะ
โปรโมชัน ยกกระชับ Emface จาก Romrawin Clinic
พิเศษสำหรับการยกกระชับใบหน้าด้วยเครื่อง Emface จาก Romrawin Clinic ราคาโปรโมชันเพียง 40,000 บาท จากปกติ 50,000 บาท หรือใครที่มีงบจำกัด สามารถเลือกทำหัตถการอื่น ๆ ได้ ไม่ว่าจะเป็น Oligio, Ultraformer MPT หรือ Ulthera ในราคาสุดคุ้มเช่นเดียวกัน โดยคุณสามารถขอคำปรึกษากับแพทย์มากประสบการณ์กว่า 20 ปี จาก Romrawin Clinic ในการวิเคราะห์ปัญหาผิวหน้าก่อนทำ เพื่อให้คุณได้รับการรักษาอย่างตรงจุดมากที่สุด