ฟิลเลอร์ (Filler) คือ สารเติมเต็มไฮยาลูรอนิค แอซิด (Hyaluronic Acid) หรือที่เรียกกันว่า HA ซึ่งเป็นสารสังเคราะห์ที่สร้างขึ้นโดยเลียนแบบสารธรรมชาติที่มีอยู่แล้วในร่างกาย โดยการฉีดเพื่อลดริ้วรอย แก้ไขปัญหาบนใบหน้า ร่องแก้ม รวมไปถึงฉีดฟิลเลอร์เพื่อให้ผิวหน้าเรียบ อิ่มฟู เต่งตึงขึ้น หรือฉีดบริเวณปากเพื่อให้ริมฝีปากอวบอิ่มขึ้น
ดังนั้นการฉีดฟิลเลอร์จึงสามารถเติมเต็มพร้อมกับเสริมชั้นในผิวหนังและใต้ผิวหนัง สเหมือนเป็นการเพิ่ม หรือเติมสารที่ร่างกายมีอยู่แล้วเข้าไปให้กลับคืนสู่สมดุล เป็นอีกทางเลือกหนึ่งของผู้ที่ต้องการปรับรูปหน้าให้ดูอ่อนกว่าวัย มั่นใจมากขึ้น ซึ่งเป็นวิธีที่มีความปลอดภัยสูงสุดในปัจจุบันค่ะ
ฉีดฟิลเลอร์ช่วยอะไรบ้าง?
การฉีดฟิลเลอร์ เป็นอีกหนึ่งหัตถการที่สามารถแก้ไขปัญหาบนใบหน้าที่ได้ผลลัพธ์แม่นยำและตรงจุดโดยที่ไม่ต้องผ่าตัด และดูเป็นธรรมชาติที่สุด
อย่างเช่น
- การฉีดฟิลเลอร์เติมเต็มใบหน้า ในส่วนที่บุ๋ม หรือยุบลงไป หรือแก้ไขริ้วรอยร่องลึกที่เกิดจากอายุมากที่เพิ่มมากขึ้น (บริเวณที่นิยมร่องแก้ม ขมับ ใต้ตา)
- การฉีดฟิลเลอร์ช่วยปรับคุณภาพผิว ให้มีความแข็งแรง ยืดหยุ่น ลดเลือนริ้วรอยให้ผิวดูอิ่มฟู มีน้ำมีนวลขึ้น และช่วยให้รูขุมขนดูกระชับ เนียนเรียบขึ้น
- การฉีดฟิลเลอร์ช่วยสร้างมิติของใบหน้า โดยใช้ฟิลเลอร์ที่มีโมเลกุลชนิดเนื้อแข็งในการเสริมจมูก หรือเสริมคาง
บริเวณที่นิยมฉีดฟิลเลอร์
8 จุดบนใบหน้า ที่นิยมฉีดฟิลเลอร์ เพื่อที่จจะช่วยเติมเต็ม และริ้วรอย ร่องลึกต่าง ๆ โดยแพทย์เฉพาะทาง ที่ผ่านเคสมามากจะมีประสบการณ์สูง สามารถวิเคราะห์ปัญหาที่แท้จริงของคนไข้ และเข้าใจกายวิภาคของใบหน้าเป็นอย่างดี ที่รมย์รวินท์ คลินิก
1. ฟิลเลอร์ใต้ตา
การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตานั้น สามารถแก้ไขปัญหาใต้ตาคล้ำจากพันธุกรรม ภูมิแพ้ และไม่จำเป็นต้องพักฟื้นหลังการรักษาได้อีกด้วย
- เหมาะกับ ผู้ที่มีปัญหาตาลึกโบ๋ ผิวหนังรอบดวงตาหย่อนคล้อย หน้าดูโทรม
2. ฟิลเลอร์ปาก
การฉีดฟิลเลอร์ปากนั้น สามารถช่วยแก้ปัญหาริมฝีปากบาง ปากแห้ง เริ่มมีริ้วรอยที่ริมฝีปากและขอบปาก ทาลิปสติกแล้วเนื้อลิปสติกตกร่อง และยังสามารถช่วยยกมุมฉีดปากเกาหลีให้เป็นกระจับทรงสวย และช่วยให้ริมฝีปากอวบอิ่ม ขอบปากชัด เป็นทรงสวย เพิ่มเนื้อปากให้ดูเซ็กซี่ และทำให้ปากอมชมพูได้อีกด้วย
- เหมาะกับ ผู้ที่มีปากบาง ปากแห้ง ปากคล้ำ ปากทรงไม่ชัด
3. ฟิลเลอร์คาง
การฉีดฟิลเลอร์คางนั้น สามารถช่วยแก้ปัญหาคางบุ๋ม คางสั้น คางตัด คางเบี้ยว คางไม่เท่ากัน ให้เป็นทรงสวยรับกับใบหน้า ดูเรียวสวยเป็นธรรมชาติได้
- เหมาะกับ ผู้ที่มีคางสั้น คางตัด คางบุ๋ม รูปหน้าไม่สมส่วน
4. ฟิลเลอร์ร่องแก้ม
การฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้มนั้น สามารถช่วยแก้ปัญหาร่องแก้มลึกอย่างเป็นธรรมชาติ โดยไม่ต้องผ่าตัด ไม่ต้องพักฟื้น หลังทำเห็นผลทันที
- เหมาะกับ ผู้ที่มีร่องแก้มลึก หน้าเริ่มโทรม
5. ฟิลเลอร์ขมับ
การฉีดฟิลเลอร์ขมับนั้น สามารถช่วยแก้ปัญหาปรับให้แนวขมับตอบเต็มขึ้น โหนกแก้มเด่นลดลง ใบหน้าดูอ่อนเยาว์ละมุนขึ้น และที่สำหรับยังสามารถเสริมโหงวเฮ้งได้อีกด้วย
- เหมาะกับ ผู้ที่มีเนื้อขมับน้อยและเนื้อแก้มตอบ
6. ฟิลเลอร์หน้าผาก
การฉีดฟิลเลอร์บริเวณหน้าผากนั้น สามารถช่วยแก้ปัญหาหน้าผากยุบ บุ๋ม แบน หรือมีริ้วรอยร่องลึก ทำให้หน้าผากยกนูนสวย ผิวดูอ่อนเยาว์ยิ่งขึ้นได้อย่างเป็นธรรมชาติ โดยที่ไม่ต้องผ่าตัดให้เจ็บตัว
- เหมาะกับ ผู้ที่มีหน้าผากแบน หน้าผากยุบ มีรอยบุ๋ม หรือร่องลึกที่หน้าผาก
7. ฟิลเลอร์จมูก
การฉีดฟิลเลอร์บริเวณจมูกนั้น สามารถช่วยปรับทรงจมูก ให้จมูกโด่งเป็นสันตรงสวย แทนการผ่าตัดศัลยกรรม แต่ผลลัพธ์จะไม่ได้อยู่ถาวร
- เหมาะกับ ผู้ที่อยากศัลยกรรมแต่กลัวเจ็บ
8. ฟิลเลอร์แก้มตอบ
การฉีดฟิลเลอร์บริเวณแก้ม หรือการเติมฟิลเลอร์แก้มตอบนั้น สามารถช่วยแก้ปัญหาแก้มตอบ โหนกแก้มสูง ที่ทำให้ใบหน้าดูโทรม เหมือนมีอายุ ให้ใบหน้าให้ดูอวบอิ่ม ผิวดูฟูขึ้น กลับมาผ่องใสอีกครั้ง
- เหมาะกับ ผู้ที่มีปัญหาแก้มตอบ ดูโทรม ไม่สดใส ใบหน้าดูแก่กว่าวัย
แต่ละจุดควรฉีดฟิลเลอร์กี่ CC?
ในการฉีดฟิลเลอร์ เพื่อแก้ปัญหาบนใบหน้า ไม่ว่าจะเป็นเรื่องริ้วรอย หรือฉีดเพื่อให้ผิวหน้าเรียบเนียน หรือปรับรูปหน้า ควรฉีดฟิลเลอร์ปริมาณเท่าไร ถึงจะเห็นผล?
- จมูก 1 CC
- คาง 1-2 CC
- ปากอวบอิ่ม 1-2 CC
- ร่องแก้ม 1-2 CC.
- เติมแก้ม แก้มตอบ 2-4 CC
- เติมใต้ตา 1-3 CC
- ขมับ 2-3 CC
- ร่องใต้มุมปาก 1-2 CC
แต่ทั้งนี้ทั้งเพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุดควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญจากสถาบันที่น่าเชื่อถือ ได้มาตรฐานในระดับสากล เพื่อความปลอดภัยไม่เสี่ยงหน้าพังโดนฟิลเลอร์ปลอม และหมอกระเป๋านะคะ
รูปแบบของฟิลเลอร์
เนื่องจากการฉีดฟิลเลอร์ สามารถนำมาช่วยในการแก้ไขปรับแต่งรูปหน้าได้เช่นกันกับการฉีดโบท็อกซ์ ซึ่งสำหรับใครที่สับสนระหว่าง “โบท็อกซ์กับการฉีดฟิลเลอร์” ซึ่งมีเทคนิคจำง่าย ๆ ว่าการฉีดฟิลเลอร์คือการฉีดสารเติมเต็มนั่นเอง สามารถแบ่งออกได้เป็น 3 ชนิด ดังนี้ค่ะ
1.แบบชั่วคราว (Temporary Filler)
การฉีดฟิลเลอร์ชนิด Temporary Filler จะมีอายุการใช้งานโดยประมาณ 4-6 เดือน มีความปลอดภัยค่อนข้างสูง และยังสามารถสลายตัวได้เองตามธรรมชาติ สำหรับมือใหม่หัดฉีด แนะนำอันนี้เลยค่ะ
2.แบบกึ่งถาวร (Semi Permanent Filler)
การฉีดฟิลเลอร์ชนิดนี้ สามารถอยู่ได้นานประมาณ 2 ปี มีความปลอดภัยในระดับปานกลาง สลายเองได้ แต่ใช้เวลานานหน่อย เหมาะสำหรับคนที่มีรูปหน้าที่ถูกใจแล้ว
3.แบบถาวร (Permanent Filler)
การฉีดฟิลเลอร์ชนิด Permanent Filler จะเป็นสารเติมเต็มจำพวก ซิลิโคน หรือ พาราฟิน หลังฉีดไปแล้วจะสามารถอยู่ในผิวไปได้ตลอดไม่สลายไปตามธรรมชาติแต่ก็อาจมีผลข้างเคียงในระยะยาว
เมื่อรู้จักการฉีดฟิลเลอร์กันแล้วก็สามารถเลือกฉีดตามที่ชอบใจ และอย่าลืมว่า ต้องทำการฉีดฟีลเลอร์กับผู้เชี่ยวชาญ ที่รับรองความปลอดภัยเท่านั้นนะคะ
สิ่งที่ควรรู้ก่อนฉีดฟิลเลอร์
เพื่อให้การฉีดฟิลเลอร์ได้ผลลัพธ์ดีที่สุด ควรมีการเตรียมตัวที่ดีก่อนฉีด และการดูแลตัวเองให้ถูกต้องหลังฉีดนั้นสำคัญมาก ซึ่งจะขอแนะนำดังนี้ค่ะ
- หาข้อมูลเกี่ยวกับการฉีดฟิลเลอร์ตำแหน่งนั้นๆ ศึกษาหาข้อมูลเกี่ยวกับคลินิก และแพทย์ผู้ที่จะทำการฉีดให้ว่ามีความน่าเชื่อถือหรือไม่ ดูรีวิวต่างๆจนแน่ใจ แล้วจึงโทรนัดหมายก่อนเข้าทำการรักษา
- งดกินยา หรืออาหารเสริมต่างๆ และยาที่ส่งผลต่อการแข็งตัวของเลือดอย่างน้อย 1 สัปดาห์ เช่น ยาในกลุ่มแอสไพริน, ยาแก้ปวดกลุ่ม NSAIDs เช่น ไอบูโพรเฟน, วิตามิน และสมุนไพรต่างๆ
- หากมีโรคประจำตัว หรือยาที่ต้องกินอยู่ประจำ ต้องแจ้งแพทย์ให้ทราบก่อนทำการรักษา
ก่อนมาเข้ารับการฉีดฟิลเลอร์ 24 ชั่วโมง
- ก่อนวันนัดฉีดฟิลเลอร์ ควรงดการดื่มแอลกอฮอล์อย่างน้อย 24 ชั่วโมง หรือถ้าจะให้ดีที่สุดควรงดล่วงหน้า 1 สัปดาห์ เพื่อลดความเสี่ยงจากอาการบวมช้ำง่าย
- งดกิจกรรมออกกำลังกายหนัก หรือกิจกรรมที่ทำให้เลือดสูบฉีดก่อนมาฉีด 24 ชั่วโมง
การดูแลตัวเองหลังฉีดฟิลเลอร์ 2 สัปดาห์แรก
- งดนวด ถู สัมผัสใบหน้าแรงๆ
- งดเท้าคางในกรณีที่ฉีดฟิลเลอร์คาง
หลังจากฉีดฟิลเลอร์จะรู้สึกว่าฟิลเลอร์เป็นก้อน ซึ่งเป็นเรื่องปกติของการฉีดฟิลเลอร์ ดังนั้นคนไข้ห้ามปั้น นวด คลึงเองเด่นขาด เพราะอาจจะทำให้ผลลัพธ์ที่คุณหมอวางไว้ไม่เป็นตามที่แพลนไว้ค่ะ
ฉีดฟิลเลอร์อันตรายไหม?
ความเสี่ยงที่อาจได้รับจากการฉีดฟิลเลอร์นั้นสามารถเกิดได้หลากหลายอย่าง ขึ้นอยู่กับความรู้ ความเชี่ยวชาญและความชำนาญของแพทย์ผู้ทำการฉีดฟิลเลอร์ ประเภทฟิลเลอร์ที่ใช้ ฟิลเลอร์แท้/ปลอม ดังนี้
ความเสี่ยงจากความไม่ชำนาญของแพทย์
- การติดเชื้อฉับพลัน และการติดเชื้อแบบเรื้อรัง
- เกิดภาวะฟกช้ำเนื่องจากเข็มผ่านเส้นเลือด
- เส้นเลือดอุดตัน อาจทำให้เกิดภาวะเนื้อตาย
- หากฉีดฟิลเลอร์พลาดเข้าสู่เส้นเลือด อาจทำให้ตาบอดได้
- เกิดฟิลเลอร์ไหลย้อยมากองรวมกัน หรือฟิลเลอร์เป็นก้อน เนื่องจากการฉีดด้วยเทคนิคที่ไม่ถูกต้อง
ความเสี่ยงจากการใช้ฟิลเลอร์ปลอม ไม่ได้มาตรฐาน หรือฟิลเลอร์ถาวร
- หากฉีดฟิลเลอร์ปลอมเข้าสู่ผิวหนังอาจเกิดตุ่ม ก้อน ผิวหนังขรุขระ และบวมใต้ผิวหนัง ภายหลังจากการติดเชื้อหรือการแพ้ฟิลเลอร์ปลอม
- มีหนองหรือน้ำเหลืองซึมจากการใช้ฟิลเลอร์ถาวร
- หากฉีดฟิลเลอร์ไม่ได้มาตรฐาน หรือฟิลเลอร์ปลอม เช่น สารซิลิโคนเหลว อาจทำให้เกิดการอุดตัน หรือเส้นเลือดแตกได้
- อาจเกิดการแพ้สารฟิลเลอร์ปลอม และส่งผลต่อชีวิต
การแก้ไขหากฉีดฟิลเลอร์ปลอม หรือฟิลเลอร์ไม่ได้มาตรฐานต้องขูดออกหรือผ่าตัดออกเท่านั้น
ขั้นตอนในการฉีดฟิลเลอร์
การฉีดฟิลเลอร์กับคลินิกที่เชื่อถือได้ โดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญใช้เวลาไม่มาก และไม่มีขั้นตอนไม่ยุ่งยากซับซ้อน โดยจะมีขั้นตอนดังนี้ค่ะ
- แพทย์วิเคราะห์ใบหน้า เพื่อประเมินปัญหา และวางแผนการรักษา
- ขั้นตอนนี้จะเป็นการฟังปัญหาจากคนไข้ ว่ามีความกังวลใจในเรื่องใด ร่วมกับการวิเคราะห์ใบหน้า และประเมินปัญหาจากแพทย์ผู้ทำการรักษา จากนั้นแพทย์จะวางแผนการรักษา โดยอธิบายวิธีที่เลือกใช้ แนะนำชนิดและยี่ห้อของฟิลเลอร์ที่เหมาะสมกับปัญหา พร้อมประมาณการฉีดฟิลเลอร์ รวมถึงมีการถ่ายภาพใบหน้าก่อนฉีด เพื่อเปรียบเทียบผลการรักษากับใบหน้าหลังฉีดด้วย
- ทำความสะอาดใบหน้าให้สะอาด
- เช็ดทำความสะอาดใบหน้าให้สะอาดก่อนฉีดฟิลเลอร์ เพื่อป้องกันการติดเชื้อ อาจจะทำความสะอาดทั้งใบหน้า หรือเฉพาะบริเวณจุดที่จะฉีดก็ได้
- ทายาชา หรือประคบด้วยความเย็นจัดเพื่อให้รู้สึกสบายขึ้นเวลาฉีดฟิลเลอร์
- แม้ขั้นตอนการฉีดฟิลเลอร์จะไม่เจ็บมาก แต่ก็เป็นการดีที่คนไข้จะรู้สึกสบาย และผ่อนคลายที่สุดระหว่างฉีด ขั้นตอนที่จะช่วยระงับความรู้สึกเจ็บนี้ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของแพทย์ผู้ทำการรักษาว่าจะใช้วิธีใด อาจจะพิจารณาจากเทคนิคที่ใช้ ฉีดตื้น หรือลึกแค่ไหน ใช้เข็มแบบไหน ซึ่งอาจใช้วิธีการ ทายาชา หรือใช้ความเย็นจัดประคบบริเวณจุดที่จะฉีดก็ได้
- ฉีดฟิลเลอร์
- เพื่อเพิ่มความมั่นใจยิ่งขึ้นให้กับคนไข้ แพทย์ผู้ฉีดจะนำฟิลเลอร์ที่จะทำการฉีดให้มาให้คนไข้เห็น และตรวจสอบอย่างชัดเจนว่าเป็นฟิลเลอร์แท้ที่มีการรับรองจาก อย. และมีฉลากไทยครบถ้วน จากนั้นแพทย์จะแกะกล่องและฉีดฟิลเลอร์ตามจุดที่ได้วางแผนการรักษาร่วมกับคนไข้ไว้ ขั้นตอนนี้ใช้เวลาไม่นาน และคนไข้สามารถประเมินความพอใจร่วมกับคุณหมอได้ตลอดช่วงเวลาการรักษา
- จบการรักษา พร้อมให้คำแนะนำหลังฉีดฟิลเลอร์
- หลังจากฉีดฟิลเลอร์เสร็จเป็นที่เรียบร้อยแล้ว จะมีการทำความสะอาดใบหน้าอีกครั้ง อาจมีการประคบเย็นเพื่อลดบวมสักพักให้รู้สึกสบายขึ้น จากนั้นแพทย์จะให้คำแนะนำเกี่ยวกับการดูแลตัวเองหลังฉีดฟิลเลอร์ เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดในการรักษา
ดูแลตัวเองหลังฉีดฟิลเลอร์
หลังจากฉีดฟิลเลอร์เสร็จ สามารถประคบเย็นบริเวณที่ฉีดครั้งละ 5-10 นาที ต่อเนื่อง 2-3 ชั่วโมง เพื่อลดอาการบวมช้ำ
- ทานยาแก้ปวด ยาลดบวม ตามแพทย์สั่ง
- หลีกเลี่ยงการกด การนวด การสัมผัสบริเวณที่ฉีดอย่างน้อย 48 ชั่วโมง เพราะจะทำให้เกิดการอักเสบหรือฟิลเลอร์เกิดเคลื่อนตัวทำให้ผลลัพธ์การฉีดอาจจะไม่ได้เป็นแบบที่วางแผนไว้
- ควรอยู่ในที่อากาศเย็นๆ หลีกเลี่ยงการอยู่ในที่อากาศร้อนๆ งดกิจกรรมออกกำลังกายทุกชนิด หรือกิจกรรมที่ทำให้เกิดความร้อนกับร่างกาย อาทิ ฟิตเนส ซาวน่า อบไอน้ำ ไดร์เป่าผม ปิ้งย่าง ชาบู อย่างน้อย 24 ชั่วโมง
- ไม่ควรแต่งหน้าอย่างน้อย 24 ชั่วโมง งดทำทรีทเม้นท์ผิว 1 สัปดาห์ งดยิงเลเซอร์ทุกชนิด รวมถึงการนวดหน้า เป็นเวลา 1 เดือน
- งดการดื่มแอลกอฮอล์ งดสูบบุหรี่ ต่อเนื่องหลังฉีดอย่างน้อย 24 ชั่วโมง
- ดื่มน้ำให้มากพอต่อความต้องการของร่างกายในแต่ละวัน เพื่อคงความอุ้มน้ำ และอิ่มฟูของฟิลเลอร์ไปนานๆ
อาการข้างเคียงหลังฉีดฟิลเลอร์
หากฉีดฟิลเลอร์แท้ที่มีการนำเข้าอย่างถูกต้อง ได้รับการรับรองจาก อย. ไทย และฉีดโดยแพทย์ที่มีความชำนาญ ก็สบายใจได้ว่าอาการข้างเคียงที่เกิดขึ้นเป็นอาการข้างเคียงที่สามารถเกิดขึ้นได้ และไม่อันตรายค่ะ
อาการแพ้ฟิลเลอร์อาจเกิดขึ้นได้ แต่การพบเคสแพ้ฟิลเลอร์แท้ยังมีน้อยมากๆ ซึ่งหากคนไข้เกิดอาการแพ้ขึ้นมาแพทย์ก็สามารถแก้ไขโดยการฉีดสลายให้ได้โดยไม่เกิดอันตรายใดๆ
หลังจากฉีดฟิลเลอร์ อาจจะมีรอยแดงจากเข็มเกิดขึ้นบ้าง ในบางรายอาจมีอาการบวมแดง เขียวช้ำ หรือมีอาการคันตรงจุดที่ฉีด ซึ่งถือเป็นอาการปรกติที่สามารถเกิดขึ้นได้ ขอให้หลีกเลี่ยงการเกาอย่างรุนแรง ไม่กด หรือนวดบริเวณนั้น อาการต่างๆเหล่านี้จะหายไปเองภายใน 3 วัน แต่หากอาการไม่ดีขึ้นให้รีบกลับไปพบแพทย์ที่ทำการรักษาเพื่อตรวจสอบอาการอย่างละเอียดอีกครั้งค่ะ
อาการข้างเคียงที่อันตราย จากการฉีดฟิลเลอร์มีดังนี้
- อาการข้างเคียงที่อันตราย มักจะเกิดจากการฉีดฟิลเลอร์ปลอม ฉีดโดยแพทย์ปลอม หรือแพทย์ที่ไม่มีความเชี่ยวชาญในเรื่องการฉีดฟิลเลอร์ ซึ่งถ้าเกิดอาการดังต่อไปนี้ ควรรีบไปพบแพทย์ทันที
- บวมช้ำมาก หรือเป็นหนอง มีอาการปวดร่วมด้วย แสดงว่ามีการอักเสบติดเชื้อที่เนื้อเยื่อภายใน
- สีผิวตรงบริเวณที่ฉีด หรือบริเวณใกล้เคียงเปลี่ยนไป อาจผิวคล้ำขึ้นเหมือนเลือดคั่ง หรือผิวซีดลงเหมือนขาดเลือด อาการนี้แสดงว่าฟิลเลอร์ไปอุดตันเส้นเลือด
- มีผื่นคัน หรือลมพิษขึ้นมาผิดปรกติ อาจจะเกิดจากการแพ้ฟิลเลอร์ ให้รีบพบแทพย์เพื่อแก้ไขปัญหาทันทีค่ะ
อาการข้างเคียงจากการฉีดฟิลเลอร์ที่เป็นอันตราย
สำหรับอาการข้างเคียงที่เกิดขึ้นหลังฉีดฟิลเลอร์ อาจมีรอยแดงจากเข็ม หายไปเองได้ใน 2-3 วัน และจะอาการบวมหลังฉีด เป็นปกติคค่ะ สามารถหายบวมไปเองได้ ประมาณ 7-14 วัน ฟิลเลอร์จะเข้าที่ และเห็นผลลัพธ์ชัดเจน
ฉีดฟิลเลอร์แล้วเป็นก้อน ทำอย่างไรดี?
ในกรณีที่ฉีดแล้วเป็นก้อนจริงๆ แต่ไม่ได้เป็นก้อนใหญ่มาก ให้รอดูผลหลังฉีดประมาณ 3 วัน เพราะอาจจะเกิดอาการข้างเคียงที่เกิดขึ้นหลังฉีดฟิลเลอร์ ซึ่งอาจมีรอยแดงจากเข็ม และจะอาการบวมหลังฉีด เป็นปกติคค่ะ โดย อาจจะต้องใช้เวลาประมาณ 3-4 สัปดาห์ ในส่วนที่ดูเป็นก้อนจะค่อยๆ จางหายไปเองค่ะ
อันตรายของการฉีดฟิลเลอร์ปลอม
วิธีสังเกตอาการของการฉีดฟิลเลอร์ปลอม จะมีอาการ บวมกดเจ็บมากบริเวณก้อนฟิลเลอร์นั้น หรือตำแหน่งต่างๆ ที่อักเสบ ผิวหนังบริเวณที่ฉีดฟิลเลอร์ร้อนกว่าบริเวณอื่น ต้องรีบพบแพทย์เพื่อแก้ไขฟิลเลอร์ด้วยการฉีดสลายโดยเร็วที่สุดเลยค่ะ
อาการที่แสดงจากการฉีดฟิลเลอร์ปลอม
- ปวดบริเวณที่ฉีดฟิลเลอร์มาก
- บริเวณผิวหนังที่ฉีดฟิลเลอร์ บวมขึ้นเรื่อย ๆ
- บริเวณผิวหนังที่ฉีดฟิลเลอร์มีสีแดงหรือคล้ำ
- มีอาการคันผิดปกติ
- รู้สึกแสบร้อน และมีหนองหรือน้ำเหลืองซึมในบริเวณผิวหนังที่ฉีดฟิลเลอร์
อันตรายจากการฉีดฟิลเลอร์ปลอม
- ผิวหนังขรุขระ
- ใบหน้าเสียทรง
- เซลล์ผิวหนังตาย
- ผิวหนังที่ฉีดฟิลเลอร์อักเสบ ติดเชื้อ
- อาจรุนแรงถึงขั้นตาบอด
สังเกตฟิลเลอร์ปลอม ฟิลเลอร์แท้ อย่างไร?
วีธีสังเกตฟิลเลอร์แท้ กล่องต้องปิดผนึกเรียบร้อย มีสติ๊กเกอร์ยี่ห้อฟิลเลอร์ แปะอยู่บนตัวกล่อง ป้ายภาษาไทยที่ข้างกล่อง และภายในกล่องจะมีเอกสารกำกับเป็นภาษาไทยบรรจุอยู่ ต้องมีวันหมดอายุชัดเจน และที่สำคัญต้องมีมีเลขล็อตสินค้า (lot number) ติดอยู่ โดยที่ระบุตรงกันทั้ง 2 จุด คือ
- เลข lot. ที่ข้างกล่อง
- เลข lot. ที่หลอด
วิธีการหลีกเลี่ยงฟิลเลอร์ปลอม ควรตรวจสอบคลินิกที่ทำสนใจเข้ารับการรักษา ว่าเป็นคลินิกที่ได้มาตรฐาน ได้รับใบอนุญาตอย่างถูกต้องหรือไม่ ควรฉีดฟิลเลอร์กับแพทย์เฉพาะทาง เพื่อประเมินปัญหา และวางแผนการรักษาได้ถูกต้องแม่นยำ เเละไม่ควรฉีดฟิลเลอร์กับหมอกระเป๋าเด่นขาด
ฉีดสลายฟิลเลอร์ คืออะไร?
การฉีดสลายฟิลเลอร์ คือการฉีดเอนไซม์ไฮยาลูโรนิเดส (Hyaluronidase:HYAL) ซึ่งเอ็นไซม์นี้สามารถช่วยย่อยสลายฟิลเลอร์กลุ่ม Hyaluronic Acid:HA หรือ ฟิลเลอร์แท้ ซึ่งเป็นฟิลเลอร์ชนิดที่ได้มาตรฐาน อย.ไทย และมีความปลอดภัยสูง
**แต่หากเป็นฟิลเลอร์ปลอมจะไม่สามารถฉีดสลายได้นะคะ
อาการที่อาจจะเกิดขึ้นหลังฉีดสลายฟิลเลอร์
ในการฉีดสลายฟิลเลอร์โดยปกติแล้วไม่มีผลข้างเคียงที่อันตรายค่ะ ซึ่งหลังฉีดสลายฟิลเลอร์ ตัวยาจะออกฤทธิ์ทันทีหลังฉีดไปจนถึง 48 ชั่วโมง อาจมีอาการบวมเข็มเล็กน้อย แต่จะหายได้เองภายใน 7 วัน
การขูดฟิลเลอร์ คืออะไร?
การขูดฟิลเลอร์ คือการผ่าตัดเพื่อเอาฟิลเลอร์ออก ซึ่งเป็นวิธีที่ใช้ในกรณี ที่ถูกฉีดฟิลเลอร์ปลอม และเป็นวิธีที่สามารถนำฟิลเลอร์ออกได้เพียง 70% เท่านั้น อีกทั้งยังมีความเสี่ยงสูง และมีค่าใช้จ่ายที่สูงอีกด้วยค่ะ
ฉีดฟิลเลอร์ยี่ห้อไหนดี?
ปัจจุบันมีฟิลเลอร์หลายยี่ห้อให้เลือกใช้ตามความเหมาะสมของบริเวณที่ฉีด ซึ่งแพทย์จะเป็นผู้ประเมินความเหมาะสมในขั้นตอนนี้ ให้ได้ผลลัพธ์ที่ดูเป็นธรรมชาติ น่าพึงพอใจให้แก่คนไข้ และสิ่งสำคัญสำหรับคนไข้คือ ควรรู้จักยี่ห้อและรุ่นของฟิลเลอร์ที่ผ่านอย. เพื่อประโยชน์ และความปลอดภัยในการฉีดฟิลเลอร์ ซึ่งเราได้รวบรวมยี่ห้อฟิลเลอร์ที่ผ่าน อย.ไทย เพื่อช่วยเช็คยี่ห้อฟิลเลอร์ที่จะฉีด โดยมียี่ห้อและรุ่นต่างๆ ดังต่อไปนี้
- Juvederm Filler ฟิลเลอร์อเมริกา ที่ได้ออกแบบเพื่อความเหมาะสมของแต่ละบริเวณไม่ว่าจะเป็นใบหน้า ริมฝีปาก แก้ม คาง หรือในบริเวณอื่นๆ โดยมีจุดเด่นคือช่วยให้มีมิติแบบธรรมชาติ
- Restylane Filler เป็นยี่ห้อฟิลเลอร์ที่ผ่าน อย.สัญชาติสวีเดน มีเอกลักษณ์คือช่วยลดริ้วรอย ร่องลึก รอยพับได้เป็นอย่างดี
- Belotero Filler ฟิลเลอร์จากประเทศสวิตเซอร์แลนด์มีจุดเด่นด้วยสีสันของกล่องผลิตภัณฑ์ในแต่ละรุ่น ที่มีความแตกต่างและออกแบบมาเพื่อความเหมาะสมของบริเวณที่ต้องการฉีด ฟิลเลอร์ Belotero ช่วยเติมเต็ม และฟื้นฟูริ้วรอย ร่องลึกที่มีระดับความรุนแรงตั้งแต่ปานกลาง-ลึก นอกจากนั้นยังมีส่วนผสมของยาชาที่ช่วยให้ในระหว่างฉีดรู้สึกสบายไม่เจ็บ
- Perfectha filler เป็นฟิลเลอร์จากประเทศฝรั่งเศส ที่ผ่านการรับรองมาตรฐานจากอย. ไทย ใช้เทคโนโลยีในการผลิต E-Brid Technology จุดเด่นของฟิลเลอร์ Perfectha คืออุ้มน้ำได้ดี โครงสร้างของฟิลเลอร์คงตัวไม่ไหลย้วย และฟิลเลอร์ยี่ห้อนี้ปราศจากสารก่อมะเร็ง
- Neuramis filler ฟิลเลอร์ที่ผ่านอย. จากประเทศเกาหลีใต้ และผ่านอย. ไทย ที่เป็นฟิลเลอร์ที่มีราคาย่อมเยาเมื่อเทียบกับยี่ห้ออื่นจึงได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก มีความปลอดภัย และมีจุดเด่นคือฟิลเลอร์คงทนถึง 6 – 12 เดือนเลย
ฉีดฟิลเลอร์ที่ไหนดี
สำหรับใครที่สนใจที่จะฉีดฟิลเลอร์แต่ไม่มั่นใจว่าปลอดภัยไหม ที่รมย์รวินท์ คลินิกของเรา เรารับประกันได้ว่า ฟิลเลอร์ที่เราใช้มี อย. รับรอง และเป็นฟิลเลอร์แท้มีคุณภาพนำเข้าจากประเทศชั่นนำ รับรองว่าปลอดภัยและสวยงามอย่างแน่นอนค่ะ
รีวิวฉีดฟิลเลอร์
รีวิวฉีดฟิลเลอร์ปาก จากคุณ สายป่าน อภิญญา นักแสดงสาวสวย ทำโดยเทคนิคเฉพาะของทีมแพทย์รมย์รวินท์ ด้วย Program Filler Lips เน้นการเติมเต็มให้รูปปากสวยธรรมชาติ ริมฝีปากให้ชุ่มชื้น อวบอิ่ม ทรงปากรับกับรูปหน้าดูธรรมชาติ ปรับรูปหน้าโดยรวมให้ดูเด็กลง จนคุณสายป่าน บอกว่าชอบมาก สวยแบบไม่ต้องมานั่งวาดปากใหม่ ตื่นมาทาลิปกลอส แล้วสวยเลยค่ะ!!ฉีดฟิลเลอร์ราคาเท่าไหร่?
ฉีดฟิลเลอร์ราคาเท่าไหร่?
สำหรับราคาฉีดฟิลเลอร์ในแต่ละจุด จะแตกต่างกันไปตามยี่ห้อฟิลเลอร์ที่เลือกใช้ บางจุดอาจมีความยากและต้องใช้เทคนิคพิเศษในการฉีด ซึ่งลูกค้าสามารถสอบถามผ่านช่องทางที่สะดวกได้ดังนี้
- Facebook : Romrawin Clinic
- Instagram : Romrawin Clinic
- Line : @Romrawinclinic
นอกจากนั้นคุณยังสามารถเข้าพบเเพทย์เพื่อรับการรักษาได้ที่รมย์รวินท์ คลินิก ทั้ง 24 สาขา ทั่วทั้งกรุงเทพ ปริมณฑล และต่างจังหวัด ใกล้ที่ไหนไปที่นั้นได้เลยค่ะ
FAQ : การฉีดฟิลเลอร์
1. ฉีดฟิลเลอร์ปากบวมกี่วัน?
- ประมาณ 7-14 วัน หลังฉีดฟิลเลอร์
2. ฉีดฟิลเลอร์ปากเจ็บไหม?
- ขณะฉีดฟิลเลอร์รู้สึกเจ็บ แต่ไม่มากค่ะ เป็นความเจ็บอยู่ในระดับที่สามารถทนได้ค่ะ
3. ฉีดฟิลเลอร์แล้วเป็นก้อน เกิดจากอะไร? แก้อย่างไรดี?
- สาเหตุของการฉีดฟิลเลอร์แล้วเป็นก้อน เพราะฟิลเลอร์ที่มีขนาดของโมเลกุลมีความหนาแน่นสูง หลังฉีดฟิลเลอร์แล้วไม่มีอาการปวดแสบร้อน ถือว่าปกติค่ะ
4. ฉีดฟีลเลอร์แล้วอยู่ได้นานแค่ไหน กี่เดือน?
- ฉีดฟิลเลอร์อยู่ได้นานแค่ไหนนั้น ขึ้นอยู่กับยี่ห้อ/รุ่น และบริเวณที่ฉีดด้วย โดยทั่วไปฟิลเลอร์แท้ ที่ได้มาตรฐานมีอย. รับรอง จะอยู่ได้ 6 – 18 เดือนค่ะ
5. ฉีดฟิลเลอร์กี่วันเข้าที่?
- หลังฉีดฟิลเลอร์ส่วนใหญ่แล้วจะเห็นผลภายใน 24-48 ชั่วโมงหลังจากฉีด หรืออาจมีอาการบวมเล็กน้อย ซึ่งจะ หายบวม ประมาณ 4-5 วันโดยประมาณ และฟิลเลอร์จะเริ่มเข้าที่ พร้อมเห็นผลลัพธ์ชัดเจนใน 2-3 สัปดาห์ค่ะ
6. ฉีดฟิลเลอร์คางนอนตะแคงได้ไหม?
- หลังฉีดฟิลเลอร์ควรนอนหนุนหมอนสองใบให้หัวสูงกว่าอก จะช่วยลดอาการบวมได้ และไม่ควรนอนตะแคงใน 2-3 วันแรก เพื่อไม่ให้เกิดการกดทับใบหน้าและโดนบริเวณที่ฉีดฟิลเลอร์ค่ะ
7. ฟิลเลอร์ใต้ตาใช้กี่ cc?
- โดยทั่วไปการฟิลเลอร์ใต้ตาใช้ข้างละ 1 – 2 cc โดยคุณหมอจะดูลักษณะโครงสร้างใบหน้า ชั้นผิวใต้ตา และประเมินปริมาณฟิลเลอร์ที่เหมาะสมให้เป็นรายบุคคลค่ะ
8. ฉีดฟิลเลอร์ออกกำลังกายได้ไหม?
- หลังฉีดฟิลเลอร์สามารถออกกำลังกาย และรับประทานอาหารได้ตามปกติค่ะ แต่พยายามหลีกเลี่ยงความร้อนนะคะ เนื่องจากความร้อนจะทำให้ฟิลเลอร์ละลายตัวไวขึ้นกว่าปกติค่ะ
9. ฉีดฟิลเลอร์แล้วกินเบียร์ได้ไหม?
- หลังจากฉีดฟิลเลอร์ไม่ควรดื่มแอลกอฮอล์ทุกชนิด เพราะจะทำให้เกิดการบวมแดง และอักเสบได้ค่ะ
10. ถ้าโดนความร้อน ฟิลเลอร์มีโอกาสละลายหรือไม่?
- ฟิลเลอร์สามารถละลายได้ หากได้รับความร้อนที่มีอุณหภูมิสูง ดังนั้นควรหลีกเลี่ยงความร้อน เช่นห้องซาวน่า หรืออยู่หน้าเตาย่าง ในช่วงแรก ประมาณ 2 สัปดาห์หลังการฉีดฟิลเลอร์นะคะ
ฉีดฟิลเลอร์กับ Romrawin Clinic
ฉีดฟิลเลอร์ ได้ทรงสวย ปลอดภัย ต้องรมย์รวินท์ คลินิก! เพราะการที่คุณมีใบหน้าที่สวยเป๊ะ และดูเป็นธรรมชาติได้จากการเติมเต็มด้วยฟิลเลอร์นั้น คุณหมอไม่ได้เพียงแค่ฉีดฟิลเลอร์เข้าในใบหน้าของคุณ แล้วฟิลเลอร์เกิดการกระจายตัว และเซตตัวในตำแหน่งต่าง ๆ ที่คุณต้องการได้เอง แต่ในความเป็นจริงแล้ว การฉีดฟิลเลอร์นั้น ต้องอาศัยความรู้ ความเชี่ยวชาญ และประสบการณ์ของแพทย์ผู้ฉีดเป็นอย่างมาก เพื่อให้ผลลัพท์ออกมาสวย เป็นธรรมชาติ ไม่แอบโป๊ะ ต้องที่รมย์รวินท์ คลินิกค่ะ
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมพร้อมรับโปรโมชั่นพิเศษ ฉีดฟิลเลอร์ราคาพิเศษ ได้ที่นี่ค่ะ
📮Line : https://bit.ly/RomrawinLINE
📥Inbox : http://m.me/RomrawinClinic